บทที่ 280 เธอไม่ยินยอมหรือ
หลังจากวันนั้น เล่อสวี้ก็จัดการให้เพื่อนนักเรียนที่เป็นนักโภชนาการมาดูแลเธอสองวัน ลั่วมั่นนึกว่าเล่อสวี้ไล่ลี่ลี่ไปแล้ว จึงโทรศัพท์ไปสอบถาม
“คุณผู้หญิงวางใจเถอะค่ะ ฉันอยู่กับพี่สะใภ้ รอฉันเรียนทำอาหารได้แล้ว ฉันจะกลับไปค่ะ”
เสียงปฏิญาณของลี่ลี่ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของสายโทรศัพท์นั้นแน่วแน่ ไม่รู้ว่าได้รับความสะเทือนใจอะไรมา แต่ลั่วมั่นเดาได้ว่าแปดส่วน เล่อสวี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ตอนบ่าย โทรทัศน์กำลังรายงานข่าว เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นครู่หนึ่ง
“คุณลั่วใช่ไหมครับ”
ในมือพนักงานส่งพัสดุมีกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กสีดำกล่องหนึ่ง ด้านในมีดอกกุหลาบสีขาวสดใหม่สวยงามอยู่ช่อหนึ่ง “มีพัสดุของคุณ ที่จำเป็นต้องให้คุณเซ็นชื่อรับครับ”
“ฉันหรือคะ”
“ใช่ครับ เซ็นชื่อตรงนี้เลยครับ”
เมื่อเซ็นรับพัสดุแล้ว ลั่วมั่นก็กอดดอกกุหลาบเดินเข้าไปในห้อง ขณะที่กำลังสงสัย เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นกะทันหัน
“ได้รับของแล้วหรือยัง”
“พี่ซือโม่ พี่เป็นคนส่งดอกไม้นี้หรือคะ” ลั่วมั่นขมวดคิ้ว ก้มหน้ามองดอกไม้ที่อยู่ในอ้อมแขนแวบหนึ่ง
“ชอบไหม เพิ่งบานใหม่ในสวน ฉันเห็นว่าสวยมาก จึงให้คนส่งไปให้เธอช่อหนึ่ง”
“สวยดีค่ะ” ลั่วมั่นยิ้ม “แต่ว่านะพี่ซือโม่ ฉันไม่ค่อยต้องการสิ่งเหล่านี้เท่าไร หลังจากนี้ไม่ต้องลำบากแล้วนะคะ งานของพี่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาก็ยุ่งมากตลอดนะคะ”
“ชั้นข้างในหลังช่อดอกไม้มีของอยู่ เธอดูแล้วจะยอมชมเชยฉันสักหน่อยไหม”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วมั่นก็ตะลึงค้างไปเล็กน้อย พลิกช่อดอกไม้ ดึงการ์ดใบหนึ่งออกมาจากช่องด้านล่าง เมื่อเปิดดูแล้ว มีตัวอักษรปั๊มฟอยล์ขนาดใหญ่ที่เขียนเอาไว้ว่า ขอเชื้อเชิญคุณลั่วมั่นให้เข้าร่วมงานเลี้ยงค็อกเทลของธุรกิจแห่งหนึ่ง
“งานเลี้ยงค็อกเทลของธุรกิจหรือ เมืองเจียง?” ลั่วมั่นเอ่ยอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “พี่ไม่ได้กลับประเทศสหรัฐอเมริกาหรือคะ”
“ไม่ได้กลับ” เสียงของซือโม่นุ่มนวล “บริษัทตั้งใจจะบุกเบิกตลาดภายในประเทศ ดังนั้นจึงส่งบัตรเชิญให้กับกลุ่มนักธุรกิจขนาดใหญ่และเล็กของเมืองเจียง ฉันขาดคู่ควงสาวอยู่คนหนึ่ง ไม่รู้ว่าเธอจะยอมมาช่วยฉันหรือเปล่า”
ลั่วมั่นคิดมาตลอดว่าหลังจากที่ซือโม่มารับตัวเองที่เรือนจำสตรีเมืองเจียงในวันนั้นแล้ว ก็กลับไป ถึงอย่างไรทางด้านประเทศสหรัฐอเมริกาก็ไม่สามารถขาดเขาได้ การเคลื่อนไหวของบริษัทล้วนมีเขาควบคุมเองคนเดียวมาโดยตลอด เขาจึงยุ่งตลอด
แต่ว่าซือโม่กลับไม่ได้กลับไป
“ฉันหรือคะ” ลั่วมั่นลังเลเล็กน้อย “ช่วงนี้ฉันไม่สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้”
“เธอรู้จักฉันมาตั้งนานขนาดนี้ ฉันเคยให้เธอดื่มเหล้าในงานแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?” น้ำเสียงของซือโม่มีแววผิดหวังเล็กน้อย “มั่นมั่น เห็นแก่ความเป็นเพื่อน เธอก็ช่วยฉันหน่อยเถอะ แบบนี้เธอก็ยังไม่ยินยอมอีกหรือ เธอกังวลว่าเฟิงเฉินจะเข้าใจผิดหรือ”
เมื่อเอ่ยถึงเฟิงเฉิน ลั่วมั่นก็ชะงักไปเล็กน้อย “เขาก็ไปด้วยหรือคะ”
“ฉันส่งบัตรเชิญไปแล้ว ถ้าไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมายล่ะก็ น่าจะมาร่วมงานด้วย เธอคงจะไม่ได้อยากออกงานกับเขาหรอกนะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลั่วมั่นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
ตอนนี้เธอวุ่นวายอยู่กับการตัดความสัมพันธ์กับเฟิงเฉินก็ยังไม่สำเร็จเลย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้คนตระกูลเฟิงนินทาเฟิงเฉินลับหลัง จะออกงานด้วยกันต่อหน้าธารกำนัลได้อย่างไร
หลังจากนิ่งเงียบไปหลายวินาที ลั่วมั่นก็ตอบตกลงไป
เกิดเรื่องอะไรขึ้นในสถานที่แบบนี้ เกรงว่าคนที่คอยผสมโรงอยู่เบื้องหลังคนนั้นก็น่าจะรู้เช่นกัน เธอก็สามารถอาศัยโอกาสนี้แสดงให้เห็นว่าตอนนี้เธอเป็นไปตามที่คนคนนั้นปรารถนาแล้ว แตกหักกับตระกูลเฟิงไปแล้ว
เวลาผ่านไปเร็วมาก พริบตาเดียวก็วันหยุดสุดสัปดาห์
เมื่อเร็วๆนี้ ท่านประธานบริษัทMXที่กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นได้ทุ่มงบขนานใหญ่เหมาชั้นบนสุดของโรงแรมเซิ่งถัง ใต้ตึกมีรถหรูหลากสีสัน บรรดานักธุรกิจเมืองเจียงเดินขวักไขว่ไปมาไม่ขาดสาย
“ประธานเฟิง ประธานบริษัท MX นี่มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่ครับ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครรู้จักสถานะของเขาเลย แต่กลับมีคนมากมายเลื่อมใส ผมว่ากระทั่งคนในวงการการเมืองก็มาด้วย”
เมื่อมองไปตามสายตาของหลี่สู้ เฟิงเฉินก็เห็นผู้อาวุโสในวงการการเมืองที่น่าเคารพนับถือหลายท่านกำลังพูดคุยกันอยู่ที่ด้านหนึ่งของโรงแรม แม้จะพูดว่าเป็นคนที่เกษียณไปแล้ว แต่ว่าในมือแต่ละคนก็ยังมีลูกศิษย์ลูกหาที่ดำรงตำแหน่งในหน่วยงานต่างๆของเมืองเจียงจำนวนไม่น้อย
เบื้องหลังของประธานบริษัท MX คนนี้ไม่อาจดูแคลนได้อย่างเด็ดขาด