ตอนที่ 26 เสี่ยวเฮยแผลงฤทธิ์
“อ๊ากกก !”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น กริชเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นที่บริเวณต้นขาของฉินซือขวง ปลายของมันฝังลึกลงไปในเนื้อของเขา ร่างกายของคุณชายรองตระกูลฉินทรุดลงไปคุกเข่าอยู่กับพื้นทันที
“เยี่ยเสี่ยวตี๋ เจ้าจะบอกหรือไม่บอก ?!”
ฉินอวี้โม่กำกริชอีกเล่มในมือแน่นและมองเยี่ยเสี่ยวตี๋ด้วยสายตาแสนเย็นเฉียบและโหดเหี้ยมไร้ความปรานี
— ฉึก ! —
ในตอนที่เยี่ยเสี่ยวตี๋กำลังจะกล่าวยืนยันอีกครั้งว่านางไม่รู้ ฉินอวี้โม่ก็ปากริชที่อยู่ในมือเข้าใส่ต้นขาอีกข้างของฉินซือขวง
ในเมื่ออีกฝ่ายปากแข็งนัก อดีตนักฆ่าสาวในร่างคุณหนูก็มีวิธีบีบบังคับให้นางต้องพูดออกมา
“ขะ… ข้าไม่ทราบ”
เมื่อมองไปที่ฉินซือขวงที่กำลังเจ็บปวดทรมาน เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็กัดฟันแน่นทว่านางก็ยังคงไม่ยอมบอกความจริงออกไป ด้วยสถานการณ์ของนางในตอนนี้และต่อหน้าสามีที่รัก สตรีผู้เป็นฮูหยินรองแห่งตระกูลฉินไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้จริง ๆ
“นังเด็กปีศาจ หยุดเดี๋ยวนี้นะ !”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ใช้กริชแทงฉินซือขวงถึงสองครั้ง ฉินเทียนก็คำรามเสียงดังลั่นพร้อมกับชักกระบี่ออกมาแล้วพุ่งเข้าแทงเด็กสาวที่เขาให้กำเนิด
“เสี่ยวเฮย หยุดเขาไว้”
ฉินอวี้โม่ไม่คิดจะปกปิดความลับอะไรอีกแล้ว เพราะอย่างไรเสียหลังจากเหตุการณ์วันนี้ นางก็จะไม่อยู่ที่เมืองหลิงซีแห่งนี้อีก ทันทีที่หาตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นพบ นางก็จะพาทั้งมารดาและสาวใช้ออกไปจากที่นี่ ไปใช้ชีวิตให้ไกลจากคนต่ำช้าเหล่านี้
เสี่ยวเฮยบินลงจากไหล่เจ้านายสาวทันที และภายในพริบตาร่างขนาดเล็กก็ขยายใหญ่ขึ้นจนกลับเป็นยูนิคอร์นสีนิลขนาดปกติ อสูรมายาระดับเทวะยืนประจันหน้ากับฉินเทียนอย่างองอาจ
“หึ เจ้าหน้าโง่ อยู่แค่ขอบเขตมายารัตนะกลับกล้ามาคิดทำร้ายนายหญิงของข้า”
เสี่ยวเฮยเปิดปากเอ่ยวาจากับฉินเทียนอย่างเหยียดหยาม พร้อมกันนั้นมันก็ปลดปล่อยสภาวะพลังแห่งอสูรเทวะเข้ากดดันเขาอย่างรุนแรง บุรุษผู้เป็นถึงผู้นำตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลิงซีหวาดหวั่นจนถึงขั้นก้าวขาไม่ออก
ฉินเทียนมองดูเสี่ยวเฮยด้วยสายตาตื่นตะลึง ตัวเขาไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่ามีเพียงอสูรมายาระดับเทวะขึ้นไปเท่านั้นจึงจะสามารถพูดได้ นอกจากนั้นเขายังรู้สึกด้วยว่าอสูรมายาที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้มีรูปลักษณ์ที่คุ้นตาเป็นอย่างมาก
“อ๊ากกก !”
เสียงกรีดร้องของฉินซือขวงดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาถูกกริชแทงเข้าที่บริเวณน่องด้านขวา
“เยี่ยเสี่ยวตี๋ จะพูดหรือไม่พูด !”
เมื่อมองดูเยี่ยเสี่ยวตี๋ ฉินอวี้โม่ก็เห็นสีหน้าแสนเจ็บปวดและร่องรอยแห่งความกระวนกระวายใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสตรีน่ารังเกียจผู้นี้อย่างชัดเจน
‘ถ้าหากอวี๋เสี่ยวอวิ๋นอยู่ในมือเยี่ยเสี่ยวตี๋จริง ๆ นางก็ควรจะนำตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นออกมาเพื่อต่อรองหรือข่มขู่ฉินอวี้โม่แล้วไม่ใช่หรือ ? แต่ทำไมในตอนนี้กลับยังไม่ยอมเปิดปากพูด แถมยังทอสีหน้ากระวนกระวายถึงขีดสุดแบบนั้น ?’
ข้ารับใช้ตระกูลฉินจำนวนมากรีบวิ่งตรงมาที่นี่เพื่อที่จะควบคุมสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือเจ้านายทั้งสาม ทว่าแรงกดดันจากอสูรเทวะอย่างเสี่ยวเฮยนั้นรุนแรงเกินไปจนทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามายุ่ง พวกเขาทำได้เพียงยืนมองดูจากระยะไกลเท่านั้น
“สวรรค์ นั่นมันยูนิคอร์นสีนิลนี่ !”
เมื่อได้เห็นรูปร่างลักษณะของเสี่ยวเฮยที่กำลังยืนปกป้องฉินอวี้โม่อยู่ ก็มีบางคนที่จดจำอสูรมายาระดับสูงสุดแห่งบึงสายหมอกได้และอุทานชื่อของมันออกมา
“นั่นมันคุณหนูสี่นี่ คุณชายสองไปอยู่ในมือนางได้อย่างไร ?!”
เหล่าคนรับใช้ที่ยืนดูอยู่ต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าคุณชายรองผู้มีฝีมือสูงส่งเหตุใดจึงตกอยู่ในมือของคุณหนูสี่ผู้เป็นเพียงขยะไร้ค่าได้ ทั้งสถานการณ์ในตอนนี้ยังดูเหมือนว่าคุณชายไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้แต่เป็นเพียงเหยื่อของนางเท่านั้น
ฉินฉืออวี้ที่ได้ยินเสียงดังจากด้านนอกก็รีบใช้ให้บ่าวไพร่พยุงตัวนางออกมาจากห้องเพื่อมาดูด้วยเช่นกัน ทว่าเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นางก็เกิดอาการหน้ามืดและเกือบจะเป็นลมล้มพับไปจนบ่าวไพร่ต้องเข้ามาพยุง
เมื่อเห็นขาทั้งสองข้างที่อาบไปด้วยเลือดของพี่ชาย นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว
เมื่อวานนี้นางก็เพิ่งถูกฉินอวี้โม่เล่นงานจนมือและเท้าทั้งหมดใช้การไม่ได้ และถึงแม้ว่าฉินเทียนจะเร่งรีบหาหมอที่ดีที่สุดมารักษาให้ ทว่าอาการของนางก็ยังไม่ดีขึ้น
ท่านหมอพยายามอย่างเต็มที่จนเริ่มมีความหวังที่จะทำให้นางสามารถขยับตัวได้บ้างในอนาคต แต่เขาก็บอกให้นางล้มเลิกความคิดเรื่องการฝึกวิชาไปได้เลย ตลอดชั่วชีวิตนี้คุณหนูสามตระกูลฉินไม่สามารถฝึกยุทธ์ได้อีกแล้ว !
เมื่อได้ยินเรื่องนั้น ฉินฉืออวี้ก็แทบจะเสียสติ ผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นอย่างนางต้องมากลายเป็นแบบนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะฉินอวี้โม่หญิงชั่วช้านั่นผู้เดียว ! นางเกลียดชังฉินอวี้โม่มาก ทว่าขณะเดียวกันในตอนนี้นางก็กลัวน้องสาวต่างมารดาของนางมากด้วย
ไม่ว่าพยายามคิดเท่าไหร่ นางก็คิดไม่ตกเลยว่าเหตุใดคนไร้ค่าเช่นนั้นถึงได้กลายมาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้ คุณหนูสี่ที่ถูกนางรังแกมาตลอดเหตุใดจึงเปลี่ยนไปจนราวกับเป็นคนละคนเช่นนั้น
แม้ว่าจะกลัวจนตัวสั่นแต่ฉินฉืออวี้ก็ยังสั่งให้คนรับใช้พยุงนางเข้าไปหามารดา
“ท่านแม่ ถ้าท่านรู้ว่าฮูหยินอวี๋อยู่ที่ไหนก็โปรดบอกนางไปเถอะ ตอนนี้ฉินอวี้โม่ถูกปีศาจร้ายสิงสู่ร่าง ถ้าท่านไม่รีบบอกนาง ท่านพี่จะต้องถูกทรมานจนตายแน่ !”
ฉินฉืออวี้เปิดปากเอ่ยกับมารดาอย่างกระวนกระวายใจ น้ำเสียงของนางสั่นเครืออย่างเห็นได้ชัด และทันทีที่กล่าวจบ คุณหนูสามตระกูลฉินก็เห็นฉินอวี้โม่ผู้ที่ไม่ต่างจากปีศาจร้ายในสายตานางกำลังเอากริชแทงเข้าที่แขนของพี่ชาย
— ฉึก ! —
“กรี๊ดดด”
ตั้งแต่ยูนิคอร์นสีนิลปรากฏตัวก็ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งฉินอวี้โม่ได้เลย ตอนนี้บนใบหน้าของเยี่ยเสี่ยวตี๋ซีดขาวไร้สีเลือด เหงื่อมากมายผุดพรายขึ้นตามไรผมและใบหน้าของนาง จวนตระกูลฉินอยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ไม่มีใครคาดคิดว่าฉินอวี้โม่จะน่ากลัวได้ถึงเพียงนี้
ตอนนี้ถ้าหากนางยังไม่ยอมรับ เห็นทีว่าตระกูลฉินจะต้องพินาศย่อยยับแน่ ที่สำคัญนางเองก็ไม่อาจทนดูบุตรชายตายต่อหน้าต่อตาได้
“ฉินอวี้โม่ ! ขะ… ข้าจะบอกเจ้า ได้โปรดปล่อยลูกชายข้าไปเถอะ”
เยี่ยเสี่ยวตี๋มองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่ราวกับมองดูภูตผี นางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก ในเวลานี้นางไม่มีความคิดที่จะยั่วยุหรือกลั่นแกล้งเอาคืนสิ่งใดกับอดีตคุณหนูสี่ผู้นี้อีกแล้ว
.
.
.