ตอนที่ 22 สยบอสูรมายา
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการเพิ่มระดับพลัง ฉินอวี้โม่ก็พบว่าเปลวเพลิงที่อยู่รอบๆ ตัวได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับว่าสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพลวงตา
หากมิใช่เพราะในตอนนี้มีสิ่งแปลกประหลาดเข้ามาอยู่ในมิติเชื่อมอสูร และไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของตัวนางเองเพิ่มขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด บางทีนางอาจจะคิดว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น
‘นายหญิง ท่านเรียกข้าว่า ‘ซิว’ ก็ได้’
เสียงยังคงดังขึ้นจากภายในจิตของฉินอวี้โม่ ทว่าดูเหมือนมันจะอ่อนพลังลงมากและดูอ่อนระโหยมากกว่าเดิมเสียอีก
‘ยูนิคอร์นสีนิลตัวนี้คอยช่วยข้าดูแลที่แห่งนี้ มันแข็งแกร่งและยังมีศักยภาพที่ดี ตอนนี้นายหญิงยังอ่อนแออยู่มาก ท่านสามารถสยบมันและนำมันไปเป็นผู้ช่วยได้’
ฉินอวี้โม่มองดูยูนิคอร์นสีนิลที่เพิ่งจะปรากฏขึ้นตรงหน้า มันกำลังนอนหลับอยู่และดูไร้พิษสง แน่นอนว่าไม่ว่าผู้ใดก็ต้องอยากจะได้ผู้ช่วยดี ๆ ทั้งนั้น แต่นางไม่ใช่ผู้ฝึกสัตว์อสูร นางไม่รู้วิธีการที่จะทำให้อสูรมายาเชื่องหรือแม้แต่ยอมเชื่อฟัง
‘ผู้ฝึกสัตว์อสูรในโลกภายนอกจะมาเทียบกับนายหญิงได้อย่างไร ?’
เสียงลึกลับยังคงดังขึ้นมาภายในจิตของฉินอวี้โม่
‘นายหญิง ท่านลองวางมือลงบนหัวของยูนิคอร์นสีนิลสิ’
ฉินอวี้โม่ทำตามอย่างว่าง่าย
ทันทีที่นางวางมือลงบนหัวของยูนิคอร์นสีนิล นางก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังประหลาดสายหนึ่งถูกส่งออกจากมือบางลงไปสู่หัวของเจ้ายูนิคอร์น พลังนั้นทั้งรุนแรงและคลุ้มคลั่ง
ผ่านไปชั่วครู่ ฉินอวี้โม่ก็ได้ยินเสียงที่ฟังดูเคารพยำเกรงดังขึ้นภายในจิตของตัวเอง
‘เสี่ยวเฮย (ดำน้อย) ยินดีที่ได้พบนายหญิง’
เสียงอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นในจิตของฉินอวี้โม่ ซึ่งนั่นเป็นตัวบ่งบอกว่าพันธสัญญาระหว่างทั้งสองสำเร็จลุล่วงอย่างสมบูรณ์แล้ว
เมื่อสิ้นเสียงของเสี่ยวเฮย แสงที่บ่งบอกถึงการพัฒนาขึ้นของระดับพลังก็ปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้าของอดีตคุณหนูอีกครั้ง บัดนี้ ดาราจากที่มีสามดวงก็ก้าวกระโดดขึ้นมาเป็นเก้าดวงในทันที ตอนนี้นางกลายเป็นจอมยุทธ์ในขอบเขตทิพย์มายาเก้าดาราแล้ว
ขณะเดียวกันร่างกายของเสี่ยวเฮยที่อยู่ตรงหน้าร่างบางก็เปล่งประกายแสงอันเข้มข้นออกมา
ในตอนนั้นเองที่ฉินอวี้โม่มองเห็นว่ายูนิคอร์นสีนิลขยับปากและพูดว่า “นายหญิง ข้าวิวัฒนาการแล้ว”
เสี่ยวเฮยเองก็วิวัฒนาการจากระดับศักดิ์สิทธิ์เก้าดาราก้าวขึ้นเป็นอสูรเทวะแล้วเช่นกัน
‘นายหญิง ตอนนี้ท่านสามารถสยบอสูรมายาได้แล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไร ด้วยความแข็งแกร่งของท่านในตอนนี้ ท่านจะทำได้เพียงสยบอสูรที่ระดับพลังไม่สูงนักและยินดีที่จะติดตามท่านเท่านั้น ท่านต้องจดจำให้ดี อย่าได้คิดจะสยบอสูรมายาที่ต่อต้านท่านเด็ดขาด โปรดจำไว้ด้วยนายหญิง โปรดจำเอาไว้ !….’
เสียงของซิวดังอู้อี้อยู่ในหัวของฉินอวี้โม่ คำพูดสุดท้ายของซิวเป็นคำเตือน และมันย้ำเตือนอยู่ถึงสองครั้งก่อนจะจางหายไปอย่างสมบูรณ์
ทันทีที่เสียงของซิวหายไป ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังวิ่งตรงมายังจุดที่นางอยู่ด้วยความเร็วสูง
“นี่เสี่ยวเฮย เหมือนข้าจะเคยได้ยินว่าอสูรเทวะสามารถย่อขนาดได้ด้วยนี่ เรื่องนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า ?”
“นี่เสี่ยวเฮย เหมือนข้าจะเคยได้ยินว่าอสูรเทวะสามารถย่อขนาดได้ด้วยนี่ เรื่องนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า ?”
ตอนนี้เสี่ยวเฮยเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่ เป็นธรรมดาที่นางจะต้องอยากพามันออกไปด้วย แต่ถ้าหากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ พายูนิคอร์นสีนิลซึ่งเป็นถึงอสูรมายาระดับสูงสุดแห่งบึงสายหมอกที่ตอนนี้วิวัฒนาการเป็นระดับเทวะออกไปโต้ง ๆ นางก็คิดไม่ออกว่าจะอธิบายกับคนที่รออยู่ข้างนอกอย่างไร และนางเองก็เชื่อว่า ‘ซิว’ จะต้องมีความเกี่ยวข้องกับกายเทพมายา ดังนั้นการปกปิดเรื่องนี้จึงจำเป็นอย่างมากต่อการรักษาความลับของนาง
จริงอยู่ที่ว่าผู้ฝึกสัตว์อสูรสามารถนำอสูรมายาของตัวเองเข้าไปอยู่ในมิติเชื่อมอสูรได้ ทว่าตอนนี้มิติเชื่อมอสูรของฉินอวี้โม่มีซิวจับจองไว้แล้ว และหากว่าอยากจะได้พื้นที่มิติเชื่อมอสูรเพิ่มมากขึ้นจะต้องรอให้นางพัฒนาขึ้นไปถึงระดับมายารัตนะเสียก่อน
ตอนนั้นเองที่ร่างกายของเสี่ยวเฮยมีแสงสว่างเจิดจ้าเปล่งออกมา ในชั่วพริบตา ฉินอวี้โม่ก็เห็นว่ามันแปรเปลี่ยนไปเป็นลูกม้าตัวน้อยน่ารักขนาดเล็กกะทัดรัด
“แน่นอนอยู่แล้ว”
เวลานี้เสี่ยวเฮยเป็นอสูรมายาของฉินอวี้โม่ เมื่อนายหญิงของมันมีเรื่องหนักใจมันจึงรีบแก้ปัญหาให้ในทันที และทันทีที่สิ้นเสียงถามของเจ้านายสาว ร่างกายของเสี่ยวเฮยก็หดเล็กลงไปกลายเป็นม้าตัวน้อยที่มีเขาแหลมคมและปีกที่สวยงามซึ่งมีขนาดเท่ากับลูกแมวตัวหนึ่งเท่านั้น
ต้องยอมรับเลยว่ายูนิคอร์นเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามอย่างแท้จริง ร่างกายจริงแท้ของมันดูสง่างาม ผ่าเผย ทรงพลัง และแข็งแกร่งน่าเกรงขาม ทว่าเมื่อมันอยู่ในร่างขนาดกะทัดรัดเช่นนี้กลับมีความน่ารักได้อย่างไม่น่าเชื่อ และก็สามารถทำให้ผู้คนโดยเฉพาะเหล่าสตรีหลงรักได้มากยิ่งขึ้น
เสี่ยวเฮยบินมาร่อนลงบนไหล่ของฉินอวี้โม่อย่างนิ่มนวล ตอนนี้มันไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงตัวจิ๋วแสนน่าเอ็นดูเลยแม้แต่น้อย
และในตอนที่ปัญหาทุกอย่างคลี่คลาย หานโม่ฉือก็ปรากฏตัวขึ้น
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือก็รีบปราดเข้ามาอยู่ข้าง ๆ ในทันที มนุษย์น้ำแข็งแสนเย็นชาใช้สายตาที่ไม่เย็นชามองนางขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างร้อนรน ทว่าเมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับนาง สีหน้าท่าทางของเขาก็กลับมาเยือกเย็นเช่นเดิม
ในตอนที่เห็นฉินอวี้โม่ถูกยูนิคอร์นสีนิลพาตัวไป หานโม่ฉือก็เป็นกังวลและร้อนใจมาก เขารีบตามมาอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
อย่างไรก็ตาม เพราะถูกอสูรบินได้จำนวนมากก่อกวนตลอดเส้นทางจึงทำให้ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยกว่าจะมาถึงที่นี่
หากมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับฉินอวี้โม่ เขาก็คงจะรู้สึกผิดไปตลอดเป็นแน่
“ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้าเป็นห่วง”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ร้อนรนของสหายผู้เคยเยือกเย็นเป็นน้ำแข็ง ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มและกล่าวขอโทษอย่างรู้สึกผิด
หานโม่ฉือไม่ตอบรับ และไม่กล่าวสิ่งใดกับสตรีตรงหน้า ทว่าตอนนั้นเองที่เขามองเห็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยสีดำสนิทเกาะอยู่บนไหล่ของนาง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่ได้กล่าวถามสิ่งใดอีกเช่นเคย
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบเพียงชั่วครู่ จู่ ๆ ร่างของชื่อเซียวก็ปรากฏขึ้น เมื่อเห็นว่าฉินอวี้โม่ปลอดภัยเขาก็ดูจะโล่งอกไม่น้อย
เป็นเพราะเขาถูกโจมตีจนหานโม่ฉือต้องเข้ามาช่วย และนั่นก็เป็นสาเหตุให้ฉินอวี้โม่ถูกยูนิคอร์นสีนิลจับไปได้ง่าย ๆ ถ้าหากนางเป็นอะไรไปจริง ๆ ชื่อเซียวคงต้องตำหนิตัวเองอย่างหนัก
.
.
.