ชายาเคียงหทัย – ตอนที่ 74-1

ตอนที่ 74-1

ชายาเคียงหทัย – ตอนที่ 74-1 รอดพ้นจากอันตราย คุณชายจวินเหวย
ตอนที่องครักษ์หนึ่งและสามเดินขนาบข้างหลีอ๋องออกมาจากในห้องนั้น แม่นางเสี่ยวอวิ๋นก็รีบวิ่งมาถึงหน้าห้องทันทีเช่นกัน ดวงตาคู่งามเป็นประกายมองจ้องเยี่ยหลีที่เดินตามออกมาข้างหลังเขม็งจนแทบจะมีไฟลุกออกมา “ปล่อยคุณชายเดี๋ยวนี้นะ!” ด้านหลังนาง มีองครักษ์สองและสี่กระโดดลงมาจากกำแพงเงียบๆ “คารวะพระชายา”

เยี่ยหลีโบกมือเป็นสัญญาณว่าไม่ต้องมากพิธี ก่อนหันไปยิ้มตาหยีใส่เสี่ยวอวิ๋น “แม่นางเสี่ยวอวิ๋น หลายวันนี้ลำบากท่านคอยดูแลข้าแล้ว” เสี่ยวอวิ๋นถลึงตาใส่นาง ก่อนกัดฟันพูดว่า “เจ้าคิดจะทำอะไร ปล่อยท่านอ๋องเสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า!” เยี่ยหลีทำทีเป็นหลบอยู่ข้างหลังม่อจิ่งหลีด้วยความกลัว “ตายจริง แม่นางเสี่ยวอวิ๋นอย่าทำให้ข้ากลัวเช่นนี้ ข้าใจเสาะมากเลยนะ ดังนั้น…ทางที่ดีแม่นางเสี่ยวอวิ๋นเก็บของอันตรายนั้นไว้เสียดีกว่า หากข้าไม่ระวังเพียงนิดเดียว…” เยี่ยหลียกมือขึ้นใช้เล็บที่คมกริบกรีดลงบนคอม่อซิวเหยาจนเห็นเป็นรอยเลือด แล้วกะพริบตาใส่เสี่ยวอวิ๋นด้วยท่าทีใสซื่อ “เช่นนี้ หากข้าไม่ระวังกรีดคอท่านอ๋องจนเป็นรู แล้วแม่นางเสี่ยวอวิ๋นจะทำให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้หรือ”

“เจ้า!” เมื่อเสี่ยวอวิ๋นเห็นเยี่ยหลีที่แย้มยิ้มอย่างงดงามพร้อมกับเช็ดคราบเลือดที่เล็บมือกับชุดม่อจิ่งหลี ก็ทำให้นางโกรธจนใบหน้าเรียวแดงไปหมด แต่นางก็สามารถกลับมาเยือกเย็นได้อย่างรวดเร็ว แล้วยกยิ้มใส่ซื่อน่ารักให้เยี่ยหลี “แม่นาง ท่านอ๋องมีน้ำใจเชิญท่านมาเป็นแขก ท่านอยากจะไปก็ไปเสียอย่าได้จับตัวท่านอ๋องไว้เช่นนี้ นี่ถือเป็นมารยาทของคนที่เป็นแขกหรือ” เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ “ไม่คิดเลยว่าแม่นางเสี่ยวอวิ๋นไม่เพียงหน้าตาท่าทางน่ารักเท่านั้น แต่ยังรู้จักขนบธรรมเนียมของภาคกลางดีอีกด้วย แต่การใส่ยาสลายกำลังลงในกับข้าวให้แขกกินทุกวัน ก็ไม่ใช่ธรรมเนียมในการรับแขกเช่นกันกระมัง” นางตั้งใจเติมคำว่าขนมธรรมเนียมของภาคกลางลงไปซึ่งทำให้สีหน้าเสี่ยวอวิ๋นเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางหันไปมองม่อจิ่งหลีด้วยความเคยชินโดยไม่รู้ตัว

เยี่ยหลีไม่คิดจะให้นางถ่วงเวลาไว้จึงส่งยิ้มอย่างเยือกเย็นไปให้เสี่ยวอวิ๋น “รบกวนแม่นางเสี่ยวอวิ๋นช่วยเตรียมม้าเร็วให้สักสามสี่ตัว แล้วก็ได้ยินว่าสาวใช้ของข้าสองคนหายตัวไป รบกวนส่งตัวพวกนางกลับมาให้ด้วย มิเช่นนั้น…ข้าคงไม่กล้ารับประกันว่าท่านอ๋องจะได้กลับมาครบสามสิบสอง” ในที่สุดเสี่ยวอวิ๋นก็หุบรอยยิ้มบนในหน้าลง ใบหน้าเรียวงามเต็มไปด้วยแววมาดร้าย “ท่านอ๋องเป็นถึงหลีอ๋องแห่งต้าฉู่ หากบาดเจ็บไปเจ้าก็อย่าหวังจะรอดไปได้เลย” เยี่ยหลีเลิกคิ้วขึ้นยิ้ม “เจ้าพูดอย่างกับว่าเจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นพระชายาของติ้งอ๋องแห่งต้าฉู่กระนั้น ที่ลักพาตัวข้ามา ต่อให้เป็นหลีอ๋องของเจ้าก็คงไม่รอดเช่นกัน หากเจ้าฉลาดพอก็รีบไปทำตามคำสั่งของข้าเสีย มิเช่นนั้น…ต่อให้ข้าหนีไปไม่ได้ ข้าก็ขอรับประกันว่าหลีอ๋องของเจ้าจะได้ตายอย่างทรมานเป็นแน่ องครักษ์ลับสาม หากมีใครกล้าทำอะไรผลีผลาม เจ้าจัดการหลีอ๋องได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ หากเกิดเรื่องอันใดขึ้น ข้ารับผิดชอบเอง”

องครักษ์ลับสามตอบรับเสียงใสอย่างกระตือรือร้น “ข้าน้อยรับบัญชา”

ม่อจิ่งหลีส่งเสียงเหอะเยาะหยัน “เจ้าไม่ต้องขู่ข้า เสี่ยวอวิ๋น ให้คนถอยไปแล้วทำตามที่นางสั่ง ข้าจะไปส่งพวกมันด้วยตนเอง”

เสี่ยวอวิ๋นมีท่าทีลังเล นึกอยากปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นประกายเย็นวาบของกริชที่องครักษ์สามจ่อไว้ที่เอวของม่อจิ่งหลี สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจกลืนทุกอย่างลงคอไป นางจ้องเยี่ยหลีก่อนเอ่ยเตือนว่า “หากเกิดอันใดขึ้นกับท่านอ๋อง ต่อให้ข้าต้องเดินทางไปสุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้า” เยี่ยหลียิ้ม “วางใจได้ ข้าไม่สนใจในตัวท่านอ๋องของเจ้าหรอก ส่วนเจ้านั้น…ระวังตัวหน่อยนะ อย่าให้ข้าต้องเห็นหน้าเจ้าอีก”

องครักษ์ลับสามพาตัวม่อจิ่งหลีที่ถูกสกัดจุดไว้ออกมา ส่วนอีกสามคนยืนอารักขาอยู่ข้างๆ เยี่ยหลี พร้อมเดินออกจากเรือนหลังนี้ ก่อนหน้านี้ทั้งสี่คนได้จัดการผู้คุมอย่างเงียบๆ ไปจำนวนไม่น้อย ตอนนี้เมื่อพวกเขาเดินอย่างองอาจออกมาจึงไม่มีใครออกมาขวางหูขวางตาอีก เมื่อออกจากประตูใหญ่มาได้ ที่หน้าประตูมีม้ายืนอยู่สามสี่ตัว องครักษ์หนึ่งและสองเดินเข้าไปสำรวจความปลอดภัยก่อนหันมาพยักหน้าให้เยี่ยหลี เยี่ยหลีเอ่ยสั่งว่า “องครักษ์ลับสามพาตัวหลีอ๋องไป พวกเราไปกันเถิด”

เสี่ยวอวิ๋นที่เดินตามพวกนางออกมารีบเดินเข้าถามถามว่า “ม้าข้าก็เตรียมให้พวกเจ้าแล้ว เหตุใดจึงไม่ปล่อยตัวท่านอ๋องอีก”

องครักษ์สามยิ้ม “เจ้าคิดว่าพวกเราโง่หรือ หากปล่อยตัวหลีอ๋องตอนนี้ แล้วพวกเจ้าถือโอกาสเข้ามาจับพวกเราจะทำอย่างไร” พูดจบก็หันไปโยนหลีอ๋องที่ไม่สามารถขยับตัวได้ขึ้นบนหลังม้า แล้วองครักษ์สามก็หมุนตัวกระโดดขึ้นหลังม้าตามไป เยี่ยหลีที่นั่งอยู่บนหลังม้าหันมายิ้มให้เสี่ยวอวิ๋น “เจ้าวางใจได้ ข้ารับประกันว่าจะให้ท่านอ๋องของเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย เพียงแต่…หากข้ารู้ว่ามีใครที่ไม่ควรตามมาตามมาแล้วล่ะก็ ทุกครั้งที่พบข้าจะให้คนแทงเข้าที่หลังหลีอ๋องหนึ่งครั้ง”

เสี่ยวอวิ๋นกัดฟัน ตอนนี้ม่อจิ่งหลีอยู่ในมือเยี่ยหลีนางก็ทำอะไรไม่ได้จึงได้แต่พูดด้วยความแค้นว่า “เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่ได้ใครตามพวกเจ้าไปแน่ หวังว่าคำพูดของชายาติ้งอ๋องจะเชื่อถือได้”

“เช่นกัน”

ม้าทั้งห้าตัวออกวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เมื่อวิ่งไปได้ประมาณยี่สิบลี้จึงค่อยผ่อนฝีเท้าลง องครักษ์หนึ่งหันไปมองทางที่ตนวิ่งมา “ดูท่าอีกฝ่ายจะรักษาคำพูด ไม่ได้ส่งใครตามมา” องครักษ์ลับสามส่งเสียงเหอะๆ “หากพวกมันอยากเห็นหลีอ๋องเป็นรูทั้งตัวล่ะก็ รีบตามมาเสียก็หมดเรื่อง” ม่อจิ่งหลีที่ถูกพาดอยู่บนหลังม้าเลือดลงหัวจนหน้าดำไปหมดแล้ว สายตาที่เขาจ้องมองเยี่ยหลีดูเคียดแค้นจนแทบจะอยากจับนางมากินเสียให้ได้ น่าเสียดายที่ไม่ว่าแววตาของเขาจะรุนแรงเพียงใด เยี่ยหลีก็เลือกที่จะทำให้มองไม่เห็น

“พระชายา ตอนนี้กลับตำหนักเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องเป็นห่วงความปลอดภัยของพระชายามากนะพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ลับหนึ่งเอ่ยถามขึ้นเสียงขรึม

เยี่ยหลีส่ายหน้า “ไม่กลับ”

สายตาของหนึ่ง สอง สามและสีหันมองไปทางเยี่ยหลีพร้อมๆ กัน เยี่ยหลียิ้มตาหยีมองหน้าม่อจิ่งหลีที่ไร้สีเลือด “นานๆ หลีอ๋องจะลำบากลักพาตัวข้าสักที จะให้ปล่อยไปเช่นนี้ก็คงกระไรอยู่”

ม่อจิ่งหลีจ้องเตือนเยี่ยหลี “เจ้าคิดจะทำอะไร”

เยี่ยหลีหัวเราะเสียงใสอย่างไร้พิษสง “ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไร แต่ต่อให้…ข้าคิดจะทำอะไรก็ไม่มีทางบอกท่านอ๋องหรอก!” นางโค้งตัวลงพร้อมยกมือขึ้น ก่อนสับมือลงไปที่ท้ายทอยของของม่อจิ่งหลี จากเดิมที่มึนหัวมากอยู่แล้วจึงสลบลงไปทันที

องครักษ์ลับทั้งสี่ต่างไม่รู้ว่าเยี่ยหลีคิดจะทำสิ่งใด จึงหันไปมองเยี่ยหลีหวังว่าพระชายาจะช่วยอธิบายอะไรบ้าง เยี่ยหลีหัวเราะ “หาที่เหมาะๆ แล้วจับหลีอ๋องโยนลงไปเสีย พวกเราเปลี่ยนม้าแล้วไปเปลี่ยนที่เล่นสนุกกัน”

“พระชายา ท่านอ๋อง…” ถึงแม้ตอนนี้พวกเขาจะต้องทำตามคำสั่งพระชายาแต่เพียงผู้เดียว แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเอ่ยเตือนพระชายาว่าท่านอ๋องกำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของนางอยู่

เยี่ยหลีเอียงหัวคิดเล็กน้อย “ตอนนี้ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้ว สุขภาพของเขาคงไม่เป็นอะไรชั่วคราว องครักษ์ลับสาม ถ้าจัดการม่อจิ่งหลีเรียบร้อยแล้ว ก็หาทางส่งข่าวบอกท่านอ๋องหน่อยก็แล้วกัน พวกเราคงกลับไปช้าหน่อย”

“พ่ะย่ะค่ะ พระชายา” องครักษ์สามยิ้ม เข้ารู้สึกว่าการติดตามเป็นองครักษ์ให้พระชายานั้นมีแต่เรื่องน่าสนุก เทียบกับองครักษ์คนอื่นๆ ที่ต้องอยู่ประจำหน่วยและคอยเฝ้ายามเป็นกะที่แสนจะน่าเบื่อนั่น แบบนี้สนุกกว่ากันเยอะเลย

“ไม่ต้องเรียกพระชายาแล้ว เรียกคุณชายฉู่”

“ขอรับ คุณชาย”

องครักษ์สามไปจัดการเรื่องม่อซิวเหยาและส่งจดหมาย องครักษ์สองและสามไปจัดการเรื่องม้าและลบร่องรอยตามทางที่พวกเขาเดินทางมา องครักษ์ลับหนึ่งเดินตามเยี่ยหลีที่เดินอ้อยอิ่งไปเรื่อยเปื่อย ระหว่างที่เดินไป เยี่ยหลีก็ไม่ลืมที่จะถามเรื่องราวของสองสามวันที่ผ่านมา เรื่องที่ชิงหลวนและชิงอวี้หายตัวไปทำให้นางเป็นห่วงมาก “ชิงอวี้กับชิงหลวนรออยู่ที่หน้าตำหนักเหยาหวา พวกนางคงถูกจับไปตอนที่ไฟเริ่มลุกแล้วและคิดจะบุกเข้าไปข้างใน ม่อจิ่งหลีจับตัวสาวใช้ทั้งสองคนไปทำไม ไม่สิ…หากม่อจิ่งหลีต้องการจะพาคนหลายคนเช่นนั้นออกไปจากวังหลวงโดยไม่ให้ใครรู้คงไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้น ชิงอวี้กับชิงหลวนน่าจะยังอยู่ในวัง”

“พระชายา” องครักษ์หนึ่งรู้สึกเลื่อมใสเจ้านายที่ตนเพิ่งมารับใช้ได้ไม่นานคนนี้มาก หากไม่ใช่เพราะครึ่งปีมานี้ พราชายาคอยลอบสอนและแนะนำทักษะต่างๆ ให้พวกเขาทั้งสี่คน ครั้งนี้พวกเขาคงไม่เจอร่องรอยที่พระชายาทิ้งไว้จนสามารถหาบ้านลึกลับที่อยู่นอกเขตเมืองหลวงได้อย่างรวดเร็วเช่นนั้นเป็นแน่

“พระชายาเป็นห่วงแม่นางชิงอวี้กับแม่นางชิงหลวนหรือพ่ะย่ะค่ะ หากแม่นางทั้งสองยังอยู่ในวังจริง ท่านอ๋องจะต้องมีวิธีหาตัวพวกนางจนพบได้แน่ พระชายาไม่ต้องเป็นห่วง”

เยี่ยหลีขมวดคิ้วน้อยๆ นึกถอนใจในใจเบาๆ “หากพวกนางเพียงถูกจับขังไว้ยังพอว่า กลัวก็แต่…”

“หากองครักษ์ลับของท่านอ๋องที่อยู่ในวังยังหาตัวพวกนางไม่พบ พวกเรามาร้อนใจกันอยู่ที่นี่ก็ไม่มีประโยชน์ เชื่อว่าแม่นางทั้งสองเป็นคนดี สวรรค์ย่อมคุ้มครอง ไม่เป็นอะไรอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ แต่หากแม่นางทั้งสองยังอยู่ในมือหลีอ๋อง เพื่อความปลอดภัยของหลีอ๋อง เชื่อว่าพวกมันจะต้องส่งตัวพวกนางกลับมาแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยหลีพยักหน้า “ขอให้เป็นเช่นนั้น ไปกันเถิด พวกเรายังต้องอยู่ในเมืองหลวงกันอีกครึ่งเดือน ช่วงนี้เจ้าให้องครักษ์ลับสามกับสี่หาทางเข้าวังไปดูว่าพอมีเบาะแสอะไรหรือไม่”

องครักษ์ลับหนึ่งอึ้งไป ก่อนรีบเดินตามเข้ามาถามว่า “พ่ะย่ะค่ะ พระชายา…พวกเราจะไปจากเมืองหลวงหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่แล้ว”

ชายาเคียงหทัย

ชายาเคียงหทัย

Status: Ongoing

หลังถูกน้องสาวร่วมบิดาแทงข้างหลัง ทำให้ เยี่ยหลี คุณหนูสามแห่งจวนตระกูลเยี่ยถูกถอนหมั้นจาก ม่อจิ่งหลี ท่านอ๋องรูปงามแห่งเมืองหลวง แต่นางก็ยังมองโลกในแง่ดี หวังว่าตนจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปอีกสักสองสามปี ทว่าเหตุไฉนสามวันให้หลัง ฝ่าบาทถึงได้พระราชทานสมรสให้นางอีกครั้งเล่า!

การแต่งงานครั้งนี้แม้ฉากหน้าจะดูเหมือนเป็นเรื่องที่น่ายินดีนัก แต่คนที่นางต้องอภิเษกสมรสด้วยกลับเป็น ม่อซิวเหยา ท่านอ๋องพิการไร้ประโยชน์ อีกทั้งยังมีรูปโฉมอัปลักษณ์ เล่าลือกันว่าเขาเคยผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงสองครา ทว่าหญิงสาวทั้งสองคนที่เขาสมรสด้วยกลับต้องมีอันเป็นไปภายหลังจากการแต่งงานได้ไม่นาน

แต่ช้าก่อน…บุรุษที่แสนอ่อนโยนและเก่งกาจตรงหน้านางนี้น่ะหรือคือม่อซิวเหยา บุรุษที่กล่าวกันว่าเป็นคนน่ากลัว ไร้ค่า ไม่ได้เรื่องได้ความคนนั้น นี่คงมีอะไรที่เข้าใจผิดไปแล้วกระมัง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท