ชายาเคียงหทัย – ตอนที่ 98-3 ลักลอบพบกัน
“ชิงหลวนกับชิงอวี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว ปล่อยพวกนางออกมาได้หรือยังเพคะ” เยี่ยหลีหันหน้าไปเอ่ยถามเสียงเบา
ม่อซิวเหยาเพียงยิ้ม “เดิมทีก็มิได้มีอันใด ที่ไม่ให้พวกนางออกมาก็เพื่อความปลอดภัยของพวกนางเอง ยามนี้เจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย ย่อมไม่มีอันใดแล้ว อีกเดี๋ยวให้พวกนางออกมาก็ได้”
เมื่อกลับไปยังเรือนของตน สีหน้าของชิงหลวนและชิงอวี้เป็นปกติดี ดูท่าสองเดือนมานี้คงมิได้มีผู้ใดทำอันใดพวกนาง ชิงสยาและชิงซวงก็วุ่นวายอยู่รอบๆ ตัวเยี่ยหลีมิได้หยุด เดี๋ยวยาบำรุง เดี๋ยวเสื้อผ้าชุดใหม่ ทำประหนึ่งว่ายามที่นางอยู่ข้างนอกต้องอยู่อย่างยากลำบากกระนั้น
เยี่ยหลีมิได้ใส่ใจ ปล่อยให้บรรดาสาวใช้ของนางยุ่งวุ่นวายกันให้พอ รอจนพวกนางเริ่มหยุดพักกันบ้างแล้วจึงได้สั่งให้ชิงสยาและชิงซวงถอยออกไป เหลือชิงอวี้และชิงหลวนไว้ถามความ
“บ่าวบกพร่องในหน้าที่ พระชายาได้โปรดลงโทษด้วยเพคะ” ภายในห้องนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนชิงอวี้และชิงหลวนจะพากันคุกเข่าลงกับพื้น
“ลุกขึ้นเถิด” เยี่ยหลีขมวดคิ้ว มองทั้งสองแล้วพูดว่า “สองเดือนมานี้พวกเจ้าสบายดีหรือไม่”
ชิงอวี้และชิงหลวนต่างอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ชิงหลวนพยักหน้าไม่หยุด “พวกบ่าวสบายดีทุกอย่างเพคะ เพียงแต่เป็นห่วงพระชายามากเท่านั้น…หากเกิดอันใดขึ้นกับพระชายา ต่อให้พวกบ่าวตายเป็นหมื่นครั้งก็คงไม่มีหน้ากลับไปพบนายท่านผู้เฒ่ากับนายท่านเพคะ”
เมื่อเห็นสีหน้าที่ทั้งยินดีและโล่งใจของทั้งสองคนแล้ว เยี่ยหลีก็เข้าใจว่าสองเดือนมานี้สาวใช้ทั้งสองคงนึกเป็นห่วงนางอย่างสุดซึ้ง จึงถอนใจออกมาเบาๆ “พวกเจ้าปิดบังเรื่องใดเอาไว้หรือ นิสัยของท่านอ๋องข้ารู้ดี พวกเจ้าเป็นคนของข้า หากมิได้ปิดบังเรื่องใดไว้จริงๆ สองเดือนนี้เขาไม่มีทางกักบริเวณพวกเจ้าเป็นแน่ พวกเจ้าไม่สะดวกใจที่จะบอกท่านอ๋อง หรือว่าแม้แต่ข้าก็บอกไม่ได้ด้วย”
ทั้งสองเหลือบมองหน้ากันโดยไม่รู้ตัว สายตาที่มองเยี่ยหลีมีแววลังเลเล็กน้อย เยี่ยหลีเองก็ไม่ได้เร่ง เพียงมองพวกนางอยู่เรียบๆ เท่านั้น พักใหญ่ ชิงอวี้ถึงได้หันมองเยี่ยหลี และเอ่ยพูดประหนึ่งตัดสินใจได้แล้วว่า “พวกบ่าว…บกพร่องในหน้าที่จริงๆ เพคะ อันที่จริง…ก่อนที่ตำหนักเหยาหวาจะเกิดเพลิงไหม้ บ่าวได้ออกมาจากที่นั่นก่อนแล้ว หลังจากนั้นชิงหลวนก็ตามออกมาเพื่อช่วยบ่าว ดังนั้นหลังจากที่ตำหนักเหยาหวาเกิดเพลิงไหม้ องครักษ์ลับถึงหาพวกเราไม่พบเพคะ”
เยี่ยหลีพยักหน้า “เช่นนั้น…พวกเจ้าไปที่ใดกัน”
“บ่าวเห็นคนคนหนึ่ง ถึงได้ตามไปเพคะ” ชิงอวี้เอ่ยเสียงต่ำ
“บ่าวได้ยินเสียงชิงอวี้ร้องถึงได้ตามไปเพคะ” ชิงหลวนเอ่ยต่อ
เยี่ยหลีขมวดคิ้ว “เจ้าเห็นผู้ใดกัน”
ชิงอวี้เอ่ยเสียงต่ำว่า “ซูจุ้ยเตี๋ย กับ…ท่านอ๋องเพคะ”
“ซูจุ้ยเตี๋ยกับท่านอ๋องหรือ” เยี่ยหลีกะพริบตาด้วยความตกใจ “เจ้าบอกว่าเจ้าเห็นซูจุ้ยเตี๋ยกับท่านอ๋องอยู่ด้วยกันในวัง ถึงได้ตามพวกเขาไปหรือ เจ้าแน่ใจหรือว่าคนที่เจ้าเห็นคือซูจุ้ยเตี๋ย”
ชิงอวี้ก้มหน้าลงคิด “บ่าวเคยเห็นภาพยอดหญิงงามแห่งต้าฉู่ที่มีคนมอบให้ท่านอ๋องกับพระชายาในวันเสกสมรส อย่างน้อยหญิงผู้นั้นก็มีความคล้ายคลึงกับหญิงในภาพอยู่เจ็ดถึงแปดส่วน หญิงสาวที่มีความงดงามหยาดเยิ้มเช่นนั้น ต่อให้อยู่ในวังก็มีอยู่ไม่มากนัก แล้วยังท่านอ๋อง…เป็นท่านอ๋องบ่าวถึงได้…”
เยี่ยหลีพยักหน้าเล็กน้อย เข้าใจแล้วว่าเหตุใดสาวใช้ทั้งสองคนถึงไม่ยอมพูดความจริงกับม่อซิวเหยา “พวกเจ้าเห็นท่านอ๋องอยู่กับหญิงสาวที่หน้าตาคล้ายซูจุ้ยเตี๋ยในวัง พอดีกับที่ตำหนักเหยาหวาเกิดเพลิงไหม้และข้ายังมาหายตัวไป ดังนั้นจึงตั้งใจปิดบังเรื่องนี้กับท่านอ๋อง ไม่ยอมพูดความจริงกับท่าน”
ชิงอวี้กัดริมฝีปากพร้อมพยักหน้า
เยี่ยหลีนิ่งคิดก่อนเอ่ยถามว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าเคยคิดถึงข้อนี้หรือไม่ว่า…หากในยามนั้นที่ขาทั้งสองข้างของท่านอ๋องยังไม่หายดี การนัดพบกับหญิงสาวในวังจะเป็นที่สะดุดตาเกินไปหรือไม่ ด้วยวิทยายุทธของท่านอ๋องคงไม่ให้พวกเจ้าเข้าใกล้ได้มากเกินไปนัก หากพวกเจ้าเข้าใกล้ไม่ได้มากนัก แล้วพวกเจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าคนที่เจ้าเห็นคือซูจุ้ยเตี๋ยกับท่านอ๋อง”
ชิงอวี้เอ่ยว่า “หญิงผู้นั้นใช่ซูจุ้ยเตี๋ยหรือไม่บ่าวไม่กล้ายืนยันจริง แต่เสียงของชายผู้นั้นเป็นเสียงของท่านอ๋องแน่นอนเพคะ”
เยี่ยหลีขมวดคิ้ว หูของชิงอวี้ดีเพียงใดนางย่อมรู้ดี ชิงอวี้หูดีมาตั้งแต่เล็กๆ ดีกว่าชิงหลวนที่ร่ำเรียนวิทยายุทธมาตั้งแต่เล็กๆ เสียอีก ขอเพียงนางได้ยินเสียงนั้นเพียงหนึ่งครั้งก็จะไม่มีวันลืม อีกทั้งนางติดตามอยู่ข้างกายเยี่ยหลี และได้พบม่อซิวเหยาอยู่เกือบทุกวัน
“เช่นนั้นชิงหลวนเล่า”
“บ่าวได้ยินเสียงร้อยของชิงอวี้ ถึงแม้ชิงอวี้จะสามารถใช้ยาพิษได้ แต่นางไม่เป็นวิทยายุทธ ดังนั้นบ่าวจึงรีบตามไปทันที แต่เพียงแค่เห็นหลังของชิงอวี้บ่าวก็สลบไปทันทีเพคะ”
ชิงอวี้ขมวดคิ้ว “บ่าวได้ยินเสียงของท่านอ๋องก็ตกใจเป็นอย่างมาก แต่จากนั้นก็ถูกคนตีจนสลบไป เพียงแต่…บ่าวส่งเสียงเบาๆ เท่านั้น ไม่มีทางที่ชิงหลวนจะได้ยินได้เพคะ”
เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ “สองเดือนมานี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว ลองพูดมาสิว่าพวกเจ้าคิดเห็นเช่นไร”
ทั้งสองเหลือบมองหน้ากันโดยไม่รู้ตัว ชิงหลวนเหลือบมองเยี่ยหลีด้วยความระมัดระวัง ก่อนเอ่ยว่า “บ่าว…บ่าวไม่มีความคิดเห็น…”
ชิงอวี้เอ่ยว่า “ยามนั้นบ่าวนึกสงสัย…ท่านอ๋องกับผู้ใด…จากนั้นก็ได้ยินว่าพระชายาหายตัวไป จึง…”
เยี่ยหลียิ้ม “ดังนั้นเจ้าจึงสงสัยว่าท่านอ๋องจะร่วมมือกับอีกคนเพื่อทำร้ายข้าหรือ”
ชิงอวี้หน้าแดงขึ้นทันที ชิงหลวนถลึงตาใส่ชิงอวี้ ด้วยสีหน้าตกใจอย่างสุดขีด เยี่ยหลีเข้าใจว่าที่พวกนางพูดออกมาคงเป็นเรื่องจริง เพราะถึงอย่างไรสองเดือนมานี้ ชิงหลวนกับชิงอวี้ต่างก็แยกกันอยู่คนละห้อง ไม่มีโอกาสได้พบหน้ากัน องครักษ์ลับก็พบตัวพวกนางจากคนละที่ นอกเสียจากว่าพวกนางจะเตี๊ยมกันก่อนที่องครักษ์ลับจะหาตัวพบ มิเช่นนั้นแล้ว คำพูดของทั้งสองคงไม่น่าเชื่อถือ สองเดือนนี้ชิงหลวนอยู่อย่างสงบเงียบเรียบร้อย มีเพียงช่วงแรกที่นางเอาแต่ร้องไห้ทุกวัน แต่กลับเป็นชิงอวี้ที่เงียบๆ เรียบร้อยมาตลอดที่คิดหาทางหลบหนีอยู่เป็นประจำ หนำซ้ำยังดูไม่เป็นมิตรกับคนในตำหนักอีกด้วย หากว่าเพราะชิงอวี้เป็นคนเห็นม่อซิวเหยาแต่ชิงหลวนไม่เห็น คำพูดของพวกนางก็พอฟังขึ้น
เยี่ยหลีนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้ว ชิงอวี้ ต่อไปอย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีก ข้าเชื่อใจท่านอ๋อง เข้าใจหรือไม่”
ชิงอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดอยากจะพูดอันใดอีก เยี่ยหลีเพียงเอ่ยเรียบๆ ว่า “บางครั้งสิ่งที่หูได้ยินก็อาจมิใช่ความจริงเสมอไป เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า หากเป็นท่านอ๋องจริงๆ ด้วยความรอบคอบของท่านอ๋อง ท่านจะเข้าไปปรากฏตัวในวังในวันที่รู้ว่าข้าต้องเข้าวังหรือ อีกอย่าง ยังมีอีกจุดใหญ่ๆ ที่น่าสงสัย นั่นก็คือพวกเจ้าทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ เจ้าถูกตีจนสลบเพราะไปเห็นท่านอ๋องเข้า เช่นนั้น…ชิงหลวนก็แล้วไปเถิด เหตุใดยามนี้พวกเจ้ายังปลอดภัยดีอยู่ ที่นี่คือตำหนักติ้งอ๋อง หากท่านอ๋องคิดอยากฆ่าปิดปาก อย่าว่าแต่พวกเจ้าเลย ต่อให้เป็นข้าที่เป็นพระชายาเอง ก็คงหนีไม่รอดเช่นกัน พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”
ชิงอวี้หน่าซีดลงทันที “ความหมายของพระชายาคือ…”
ชิงหลวนไม่เข้าใจ “หากพวกเขาตั้งใจที่จะสร้างเรื่องเข้าใจผิดขึ้น เขาจะต้องรู้ว่าพระชายาจะต้องปลอดภัยจากเพลิงไหม้ครานั้นหรือเพคะ”
เยี่ยหลีพยักหน้า “เป็นไปได้มากทีเดียว เพียงแต่ หากเกิดเรื่องอันใดกับข้าเข้าจริงๆ และหากท่านอ๋องรู้ว่าพวกเจ้าไม่มีความผิด ย่อมต้องปล่อยพวกเจ้าออกมา เมื่อชิงอวี้ออกมาได้แล้วจะไปทำอันใด”
ชิงอวี้เอ่ยด้วยความมั่นใจว่า “บ่าวย่อมต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้กับนายท่านผู้เฒ่า นายท่าน และคุณชายใหญ่ เพื่อหาความเป็นธรรมให้กับคุณหนูเพคะ!”
ชิงหลวนเอ่ยด้วยความตกใจว่า “อีกฝ่ายต้องการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักติ้งอ๋องกับตระกูลสวีหรือ!”
เยี่ยหลียกมือเท้าศีรษะ “จะต้องการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านอ๋อง หรือทำลายความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักติ้งอ๋องกับตระกูลสวีคงต้องดูว่าเขารู้เรื่องที่ตำหนักเหยาหวาเกิดเพลิงไหม้หรือไม่เสียแล้ว อันที่จริงก็คงไม่ต่างกัน หากความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านอ๋องสะบั้นลง ความสัมพันธ์ระหว่างตำหนักติ้งอ๋องกับตระกูลสวีจะดีได้อย่างไร”
ชิงอวี้หน้าขาวซีด “บ่าว…บ่าวสงสัยท่านอ๋อง…ทำให้เสียเรื่องหรือเปล่าเพคะ” แต่ที่นางคิดจนหัวแทบแตกก็คิดไม่ออกนั่นคือ คนผู้นั้นคือผู้ใดกันแน่ นางมั่นใจในประสาทหูของนางเสียยิ่งกว่าสายตาของนางเสียอีก
“ไม่เป็นไร โชคดีทีท่านอ๋องเองก็นึกสงสัยว่าพวกเจ้ารู้เรื่องใดที่เป็นอันตรายหรือไม่เช่นกัน ถึงได้สั่งกักบริเวณพวกเจ้าไว้ ยามนี้จึงไม่เกิดเรื่องที่ไม่ดีขึ้น ส่วนท่านอ๋องที่เจ้าพูดถึงนั้น…เดี๋ยวข้าจะลองสืบดูว่าเป็นเรื่องอันใดกันแน่” เยี่ยหลียิ้มน้อยๆ ในดวงตามีประกายเย็นเยียบ เพียงกลับมาถึงเมืองหลวงก็มีแต่เรื่องไม่ได้หยุดเลยสินะ เช่นนั้นนางก็ขอดูหน่อยแล้วกันว่าในเมืองหลวงจะยังมีซูจุ้ยเตี๋ยและท่านอ๋องคนที่สองหรือไม่
ชิงอวี้พยักหน้าอย่างจริงจัง “บ่าวก็อยากรู้เช่นกันว่ามันผู้ใดที่สามารถหลอกหูของบ่าวได้เพคะ”
เยี่ยหลีเพียงยิ้มน้อยๆ เห็นกับตายังสามารถหลอกกันได้ นับประสาอันใดกับเสียงที่ได้ยิน เพียงแต่…นางเองก็อยากรู้ว่าผู้ใดกันที่รู้จักนางและคนข้างกายนางดีเช่นนี้