ชายาเคียงหทัย – ตอนที่ 97-1 ประมุขตระกูลหานคนใหม่
สีหน้าหานหมิงซีขณะที่เดินเข้ามานั้น แตกต่างจากปกติที่มักยิ้มแย้มอยู่เป็นนิจประหนึ่งเป็นคนละคน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มักปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อเหลา มายามนี้กลับไม่เหลือเค้านั้นอยู่เลย เหลือเพียงความเหนื่อยล้าและความหดหู่ใจที่ปรากฏให้เห็น และดูเหมือนจะมีความน้อยใจและผิดหวังจากการถูกทอดทิ้งแฝงอยู่ด้วย เยี่ยหลีได้แต่ทอดถอนใจในใจ ม่อซิวเหยาทำในสิงที่เขาคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุด หานหมิงเย่ว์เลือกคนที่เขาคิดว่าสำคัญที่สุด ส่วนหานหมิงซี…อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาเป็นคนที่น่าสงสารที่สุด
“ท่านอ๋อง พระชายา” น้ำเสียงของหานหมิงซีมีความอัดอั้น
ม่อซิวเหยาพยักหน้าเล็กน้อย “คุณชายหาน เชิญนั่ง”
หานหมิงซีนั่งลงเงียบๆ เขาส่งสายตามองไปทางเยี่ยหลี หยุดมองนางอยู่พักหนึ่งก่อนหันกลับไปมองม่อซิวเหยาเช่นเดิม “ท่านอ๋องรู้แผนการของพี่ชายข้าแต่แรกแล้วหรือ” หานหมิงซีมองจ้องม่อซิวเหยา พร้อมเอ่ยถามอย่างไม่เกรงใจ
ม่อซิวเหยาพยักหน้า “หานหมิงเย่ว์รู้จักข้าดี ข้าเองก็รู้จักเขาดีเช่นกัน ดังนั้น…เขาจะตัดสินใจทำอันใด ทำเพื่อผู้ใดนั้น ข้าจึงพอเดาได้อยู่หลายส่วน เพียงแต่ว่า เขาไม่น่าจะคิดว่าข้าจะมาได้รวดเร็วเช่นนี้” หานหมิงซีนิ่งเงียบไป ถูกต้อง หากม่อซิวเหยามิได้มาปรากฏตัวขึ้นที่กว่างหลิงอย่างกะทันหัน บางทีหานหมิงเย่ว์อาจหายตัวไปคืนใดคืนหนึ่งหรือวันใดวันหนึ่งหลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้ แต่ยามนี้ เมื่อแผนการทั้งหมดถูกทำให้วุ่นวาย หานหมิงเย่ว์จึงจำต้องลอบทำร้ายหานหมิงซีโดยไม่ตั้งใจ แล้วจากไปด้วยความเร่งร้อน พร้อมทิ้งความยุ่งยากกองโตไว้ให้เขาผู้เป็นน้องชายที่ได้รับการตามใจมาตั้งแต่เล็กมาตามสะสาง
“เช่นนั้น ที่ยามนี้คุณชายหานมาพบข้าด้วยมีแผนการอันใดหรือหรือ” ม่อซิวเหยาเอ่ยถามเสียงขรึม
หานหมิงซีจ้องหน้าเขาแล้วเอ่ยถามว่า “หากข้าไม่มีแผนการใดเลยเล่า ท่านอ๋องคิดจะทำเช่นไร”
ม่อซิวเหยาหลุบตาลง “สายลับของเทียนอี้เก๋อในเมืองกว่างหลิงและในแคว้นต้าฉู่ทั้งหมดจะถูกกำจัดสิ้นภายในสามวัน ส่วนตระกูลหานนั้น ข้าไม่มีสิทธิ์เข้าไปจัดการ แต่หากมีราชโองการจากเมืองหลวงลงมา เนื้อความภายในจะเป็นเช่นไร คุณชายหานคงรู้ดีแก่ใจ”
“ประหารเก้าชั่วโคตร…” หานหมิงซีเอ่ยงึมงำด้วยความขมขื่น พี่ใหญ่ เพื่อผู้หญิงผู้นั้น ท่านถึงกับไม่สนใจข้า ไม่สนใจตระกูลหานเลยหรือ ในห้องโถงใหญ่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหานหมิงซีก็เงยหน้าขึ้นพูดกับม่อซิวเหยาว่า “ตระกูลหานได้ขับหานหมิงเย่ว์ออกจากตระกูลแล้ว ต่อไปนี้หานหมิงเย่ว์จะมิใช่คนของตระกูลหานแห่งกว่างหลินอีก!”
ม่อซิวเหยาเพียงเลิกคิ้วขึ้น ผู้ใดบอกว่าหานหมิงซีทำอันใดไม่เป็นกัน หากดูจากเรื่องที่ตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและเด็ดขาดนี้แล้ว หานหมิงซีเหมาะที่จะปกครองตระกูลหานยิ่งกว่าหานหมิงเย่ว์เสียอีก ม่อซิวเหยาพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะเขียนฎีกาถึงฝ่าบาท อธิบายความบริสุทธิ์ของตระกูลหานให้เอง”
หานหมิงซีหลุบตาลงเอ่ยเรียบๆ ว่า “ขอบพระทัยท่านอ๋อง” ถึงแม้เขาจะไม่ชอบม่อซิวเหยาเท่าไรนัก แต่หานหมิงซีก็มิอาจไม่ขอบคุณเขาได้ ถึงแม้ตระกูลหานกับหานหมิงเย่ว์จะตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว แต่ในอนาคต เมื่อใดก็ตามที่หานหมิงเย่ว์ทำงานให้กับแคว้นซีหลิง ตระกูลหานก็คงหนีไม่พ้นที่จะถูกตัดสินลงโทษอยู่ดี ต่อให้โชคดีรอดพ้นมาได้ แต่เงินที่ต้องใช้ในการวิ่งเต้นหาเส้นสายก็คงมากพอที่จะทำให้ตระกูลหานล่มสลายได้เลยทีเดียว แต่เมื่อติ้งอ๋องรับสั่งเช่นนี้แล้ว ต่อให้เป็นฮ่องเต้ก็คงมิอาจเคลือบแคลงใจในความบริสุทธิ์ใจของตระกูลหานได้
ตำหนักติ้งอ๋องกับทั้งสามแคว้นโดยรอบ เรียกได้ว่ามีความแค้นต่อกันอย่างลึกซึ้ง ต่อให้ฮ่องเต้เข้าร่วมกับฝ่ายศัตรู แต่อย่างไรติ้งอ๋องก็ไม่มีทางเข้าร่วมกับฝ่ายศัตรูอย่างแน่นอน
“ข้าน้อยยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ขอท่านอ๋องได้โปรดให้ความช่วยเหลือ”
“คุณชายเชิญกล่าวได้เลย” ม่อซิวเหยาเอ่ย
หานหมิงซีดวงตาเป็นประกายด้วยความแน่วแน่ หันมองเยี่ยหลีแล้วกล่าวว่า “หานหมิงซีด้วยฐานะของประมุขตระกูลหาน ยินดีที่จะติดตามท่านอ๋องและพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” หากใช้ฐานะประมุขตระกูลหานในการติดตาม นั่นก็หมายความว่าตระกูลหานทั้งตระกูลจะให้การสนับสนุนตำหนักติ้งอ๋อง
“ด้วยเงื่อนไขใดบ้าง” ม่อซิวเหยาเอ่ยถาม หานหมิงซีวางเดิมพันยิ่งใหญ่เช่นนี้ ย่อมมิใช่การวางเดิมพันโดยไม่มีเงื่อนไข
หานหมิงซีเอ่ยเสียงขรึมว่า “ขอเพียง…หากในอนาคตพี่ใหญ่เกิดมาตกอยู่ในมือท่านอ๋อง ขอท่านอ๋องโปรดให้ความเมตตาไว้ชีวิตเขาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ในใจหานหมิงซีรู้ดีว่า ด้วยฐานะและจุดยืนในอนาคตของหานหมิงเย่ว์ ไม่มีทางที่เขาจะไม่ได้ประมือกับตำหนักติ้งอ๋อง เช่นเดียวกัน เขายิ่งกว่ารู้ดีว่า พี่ใหญ่ของเขายังห่างชั้นกับติ้งอ๋องมากนัก ซึ่งไม่ใช่เพียงเพราะเขามีวิทยายุทธและสติปัญญาที่อ่อนด้อยกว่าติ้งอ๋อง แต่อีกเหตุผลสำคัญคือ…เขาไม่มีคนอย่างชายาติ้งอ๋องคอยช่วยเหลือ นังแพศยาผู้นั้นมีแต่จะหาเรื่องยุ่งยากมาให้พี่ใหญ่
ม่อซิวเหยาหัวเราะเบาๆ “คุณชายหานช่างให้ความสำคัญกับความเป็นพี่น้องยิ่งนัก ในเมื่อคุณชายหานเชื่อใจในตัวข้าเช่นนี้…ข้าจะทำตามที่ท่านต้องการ ต่อไปหากคุณชายหานมีเรื่องอันใด ท่านทำตามที่อาหลีว่าได้เลย”
หานหมิงซีเหลือบมองม่อซิวเหยาด้วยความประหลาดใจ แล้วเหลือบมองเยี่ยหลีที่นั่งอยู่ด้านข้าง ก่อนหลุบตาลง “ข้าน้อยรับพระบัญชา ข้ารบกวนท่านอ๋องและพระชายาแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
เมื่อเห็นหานหมิงซีกำลังจะลุกเดินจากไป ม่อซิวเหยานิ่งคิดครู่หนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ที่หานหมิงเย่ว์ตัดสินใจไปอย่างไร้เยื้อไยเช่นนี้ ด้วยเพราะเขาเองก็รู้ดีว่าข้าจะทำเช่นไร เขารู้ว่า ข้าไม่มีทางทำร้ายรากเหง้าของตระกูลหาน”
ฝีเท้าของหานหมิงซีชะงักไป ก่อนก้าวเดินออกจากห้องโถงใหญ่ไป โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
“เหตุใดจึงต้องบอกเรื่องนี้แก่เขาด้วยหรือเพคะ ซ้ำยังให้เขาทำตามข้าอีก” เยี่ยหลีหันมองม่อซิวเหยาพร้อมเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ
ม่อซิวเหยายิ้ม “หานหมิงเย่ว์ให้ความสำคัญกับความรัก หานหมิงซีเองก็ให้ความสำคัญกับความรักเช่นกัน เพียงแต่ความรักที่หานหมิงเย่ว์ให้ความสำคัญนั้นเป็นความรักฉันชู้สาว แต่หานหมิงซีกลับให้ความสำคัญกับความรักฉันพี่น้อง ดังนั้นหากเขาคิดว่าข้ามีแนวโน้มที่จัดการตระกูลหานจนกลายเป็นมีกำแพงในใจ สู้บอกเขาไปตรงๆ เสียแต่ตอนนี้เลยจะดีกว่า เขาเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรตัดสินใจทำเช่นไร ส่วนเรื่อง…อาหลี ในเมื่อเข้ามาอยู่ในความขัดแย้งนี้แล้ว ผู้ใดก็คงมิอาจถอนตัวออกไปได้ อาหลี เจ้าจะต้องมีอำนาจที่มากพอในการปกป้องตนเอง อำนาจที่ต่อให้ไม่มีข้า ก็จะมิมีผู้ใดสามารถทำอันใดเจ้าได้ง่ายๆ อีกอย่าง หานหมิงซีผู้นี้เป็นคนหยิ่งทระนงและเจ้าแผนการ หากเขาไม่ศรัทธาในตัวข้า ต่อให้เขามีความภักดีแต่สุดท้ายคงหนีไม่พ้นหน้าไว้หลังหลอก ข้าเห็นว่าเขาไม่มีวันทำร้ายเจ้า แต่ว่าอาหลี…” ดูเหมือนเขาจะคิดสิ่งใดขึ้นมาได้ ม่อซิวเหยามองเยี่ยหลีด้วยสีหน้าจริงจัง เยี่ยหลีเลิกคิ้ว ม่อซิวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและอ่อนโยนว่า “เจ้าอย่าได้ทำดีกับเขาจนเกินไป มิเช่นนั้น…”
“ทำไมหรือ” เยี่ยหลีเอ่ยถาม สายตาเขาที่มองนางอย่างประหลาดทำให้นางอยู่ไม่เป็นสุข
“มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเขา!” ม่อซิวเหยาเอ่ยเสียงต่ำ แต่เยี่ยหลีกลับได้ยินความจริงจังในน้ำเสียงนั้น “อย่างน้อยในตอนที่ข้ามีชีวิตอยู่”
เยี่ยหลีใจกระตุกขึ้นมาทันที ยื่นมือไปกุมมือเขาไว้ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ท่านไม่เป็นอันใดหรอก”
ม่อซิวเหยาเพียงยิ้ม ไม่เอ่ยถึงหัวข้อสนทนานี้ต่อ “เอาเถิด อาหลี เรามาคุยเรื่องเมื่อครู่กันต่อเถิด”
แน่นอนว่าความจำของเยี่ยหลีก็ใช่ว่าจะไม่ดี นางเลิกคิ้วพร้อมเอ่ยถามม่อซิวเหยาว่า “สตรีเช่นใดกันที่ทำให้คนอย่างหานหมิงซีหลงไหลอย่างหัวปักหัวปำได้เช่นนี้” ไม่ต้องพูดถึงว่าตัวหานหมิงเย่ว์เคยพบเห็นหญิงงามมามากน้อยเพียงใดเลย เอาแค่ว่าเขาป็นนายใหญ่ของหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์ สตรีในหอชิงเฟิงหมิงเย่ว์ผู้ใดบ้างที่ไม่งดงามและมากด้วยความสามารถ จะต้องเป็นหญิงสาวที่งดงามเพียบพร้อมเช่นไรกันถึงจะสามารถทำให้หานหมิงเย่ว์หลงไหลได้เช่นนี้
ม่อซิวเหยาหันมองเยี่ยหลี ก่อนพ่นชื่อสามคำออกมาเสียงขรึม “ซูจุ้ยเตี๋ย”
“ซูจุ้ย…ซูจุ้ยเตี๋ยหรือ!” เยี่ยหลีตกใจสุดขีด “ซูจุ้ยเตี๋ยยังไม่ตายหรือ”
ม่อซิวเหยาเพียงพยักหน้า ประหนึ่งไม่ใส่ใจเรื่องที่อดีตคู่หมั้นของตนยังไม่เสียชีวิตเท่าไรนัก และทำประหนึ่งไม่เป็นเดือดเป็นร้อนที่หานหมิงเย่ว์ อดีตสหายรักหลงใหลอดีตคู่หมั้นของตนกระนั้น
เพียงครู่เดียว ในสมองของเยี่ยหลีมีความคิดและอารมณ์อันหลากหลายประดังประเดเข้ามา ครู่ใหญ่ถึงได้เอ่ยถามว่า “ปีก่อน คนที่ให้หานหมิงเย่ว์มาลักพาตัวข้าก็คือซูจุ้ยเตี๋ยหรือ ตอนนี้นางอยู่ที่ซีหลิง…ซ้ำยังมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์ของแคว้นซีหลิงด้วยหรือ”
ม่อซิวเหยามองเยี่ยหลีด้วยความเสียใจ ก่อนพยักหน้า
เยี่ยหลีอดยกมือขึ้นนวดขมับไม่ได้ ในสมองคิดวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่นางมี ซูจุ้ยเตี๋ยป่วยจนเสียชีวิตหลังจากที่ม่อซิวเหยาบาดเจ็บสาหัสกลับมาได้สามเดือน แต่ยามนี้ตัวนางกลับไปอยู่ที่แคว้นซีหลิง ซ้ำยังมีความเป็นไปได้มากที่จะเป็นหนึ่งในราชวงศ์ซีหลิง หานหมิงเย่ว์กับม่อซิวเหยาเป็นสหายรักกัน แต่ทั้งสองกลับมีใจให้ซูจุ้ยเตี๋ย หลังจากซูจุ้ยเตี๋ยเสียชีวิต หานหมิงเย่ว์กับม่อซิวเหยาตัดสัมพันธ์ฉันเพื่อนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ หานหมิงเย่ว์ดูจะมีความรู้สึกผิดต่อม่อซิวเหยา หรือจะพูดได้ว่า…หานหมิงเย่ว์กับซูจุ้ยเตี๋ยร่วมกันทำอันใดที่ผิดต่อม่อซิวเหยา เพียงแต่ทั้งสองคนไม่น่าที่จะมีความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างกัน ดูจากท่าทีของหานหมิงซีที่มีต่อซูจุ้ยเตี๋ยแล้ว ซูจุ้ยเตี๋ยน่าจะกำลังหลอกใช้หานหมิงเย่ว์ถึงจะถูก “ซู…คุณหนูซูที่ป่วยจนเสียชีวิต มีหานหมิงเย่ว์คอยช่วยเหลือหรือ”
ม่อซิวเหยาเลิกคิ้วคมขึ้นเล็กน้อย “อาหลีช่างมีความคิดที่ว่องไวนัก”
เยี่ยหลียิ้มบางๆ “เรื่องนี้มิได้คาดเดายาก เรื่องที่คุณหนูซูยังมีชีวิตอยู่แต่สามารถปกปิดคนจำนวนมากเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมีคนมีอำนาจคอยช่วยเหลือ แต่ถึงแม้ผู้อาวุโสซูจะเป็นที่เคารพนับถือ แต่ตระกูลซูไม่มีอำนาจอันใดนักในเมืองหลวง หากมิใช่ท่านที่ช่วยสร้างการตายหลอกๆ ให้คุณหนูซู เช่นนั้นย่อมต้องเป็นนายใหญ่แห่งเทียนอี้เก๋อที่มีความสัมพันธ์อันดีกับคุณหนูซู ซ้ำยังมีใจรักใคร่ในตัวนางอย่างแน่นอน ท่าน…คงไม่ทำเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายเช่นนี้กระมัง” ดูจากท่าทีที่เขามีต่อซูจุ้ยเตี๋ยในยามนี้ ก็ไม่เหมือนกับคนที่จะให้คู่หมั้นปลอมแปลงการตายเพื่อหนีการแต่งงานไปง่ายๆ
สีหน้าม่อซิวเหยาไม่สู้ดีนัก แต่กลับไม่มีความโกรธแค้นหรือเสียใจให้ได้เห็น แค่เพียงไม่อยากเอ่ยถึงเท่านั้น
เยี่ยหลีเอียงคออย่างใช้ความคิด “อันที่จริงหากเทียบกับเรื่องที่เหตุใดคุณหนูซูถึงคิดปลอมแปลงการตายของตนแล้ว ข้ากลับอยากรู้มากกว่าว่า หลังจากปลอมการตายของตนแล้วเหตุใดถึงไปอยู่ที่แคว้นซีหลิงได้” หากเหตุผลคือเพียงเพราะนางไม่ยินดีที่จะแต่งงานกับม่อซิวเหยาที่กำลังบาดเจ็บสาหัสซ้ำยังพิการแล้ว หลังจากปลอมการตาย ด้วยความงามของนางสามารถหาสามีอย่างที่นางต้องการในต้าฉู่ หรือจะแต่งงานกับหานหมิงเย่ว์เลยก็ยังได้ หากมองข้ามบางจุดไปแล้ว หานหมิงเย่ว์ก็ถือเป็นสามีในอุดมคติอันดับต้นๆ ของหญิงสาวเลยทีเดียว หลายปีนี้ดูจากท่าทีของม่อซิวเหยาที่มีต่อซูจุ้ยเตี๋ยและหานหมิงเย่ว์แล้ว ต่อให้พวกเขาทั้งสองแต่งงานกันจริงๆ ม่อซิวเหยาก็คงไม่ถึงกับตามไปล้างแค้น คุณหนูชนชั้นสูงที่เติบโตมาในเมืองหลวงตั้งแต่เล็ก หลังจากปลอมการตายแล้ว กลับเดินทางไกลหนีไปอยู่ถึงแคว้นซีหลิง…
“สะดวกใจที่จะพูดถึงฐานะของคุณหนูซูในยามนี้หรือไม่” เยี่ยหลีเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้
“ชิงหรงกุ้ยเฟยแห่งแคว้นซีหลิง นามไป๋หลง”
“ชิงหรงกุ้ยเฟยหรือ” เยี่ยหลีเลิกคิ้ว ต่อให้ไม่มีความรู้เรื่องนี้มากนัก แต่นางยังจำได้ว่าอิสริยยศของกุ้ยเฟยดูเหมือนจะมีเพียงคำเดียว หากเป็นเช่นนี้แสดงว่าฐานะของซูจุ้ยเตี๋ยในแคว้นซีหลินคงไม่ต่ำนัก นางเหลือบมองม่อซิวเหยาแล้วตัดสินใจว่าจะไม่ถามต่อ ขอเพียงรู้ว่าระหว่างตนกับซูจุ้ยเตี๋ยม่อซิวเหยาเลือกที่จะยืนข้างตนก็เพียงพอแล้ว ส่วนเรื่องที่กุ้ยเฟยของแคว้นซีหลิงพระองค์นั้นจะยังมีใจรักใคร่ม่อซิวเหยาหรือยังไม่ยอมปล่อยม่อซิวเหยาหรือไม่นั้น…ไว้นางค่อยสืบต่อเองจะดีกว่า การถกกันเรื่องอดีตคู่หมั้นของสามีนั้น ดูจะมิใช่หัวข้อที่ดีสักเท่าไร