ตอนที่ 10 บึงสายหมอก
บึงสายหมอกจัดเป็นหนึ่งในสถานที่เร้นลับที่อยู่ใกล้กับอาณาเขตของเมืองหลิงซี ในทุกปี สถานที่แห่งนี้จะดึงดูดเอานักผจญภัยจำนวนมากจากทั้งภายในเมืองหลิงซีเองและจากเมื่องอื่น ๆ ทั่วดินแดนให้เข้ามาเยือน คนเหล่านี้ล้วนมาเพื่อตามหาประสบการณ์ท้าทายใหม่ ๆ และมีจำนวนไม่น้อยที่เอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่บึงแห่งนี้
ตามตำนานเล่าขานกันว่า บึงแห่งนี้จะถูกปกคลุมด้วยกลุ่มหมอกหนาที่ขาวโพลนคล้ายก้อนเมฆตลอดทั้งปีทำให้แม้แต่ในเวลากลางวันที่ฟ้าใสและแดดจ้า แสงอาทิตย์ก็ยังไม่สามารถส่องผ่านม่านหมอกหนานั้นเข้าไปได้ ซึ่งนั่นก็เป็นที่มาของนามเรียกขานของบึงน้ำกว้างใหญ่นี้
ตำนานยังกล่าวไว้ด้วยว่า แท้จริงแล้วบึงสายหมอกเป็นชื่อเรียกโดยรวมของกลุ่มบึงขนาดยักษ์ ที่แห่งนี้ประกอบไปด้วยบึงน้ำใหญ่น้อยจำนวนมากมาย บ้างก็ตื้นเขินจนมองเห็นก้นบึง บ้างก็ลึกจนสุดจะหยั่ง ทว่าจากคำเล่าขาน ว่ากันว่าหากผู้ใดพลัดตกลงไปในบึงเหล่านั้น คนผู้นั้นก็ยากจะเอาชีวิตรอดมาได้ บางคนเชื่อว่าที่เป็นเช่นนั้นส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะกลุ่มหมอกหนาจัดที่ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่แห่งนี้ทำให้แม้แต่นักผจญภัยมากประสบการณ์ก็ยังพลาดพลั้ง
เนื่องจากไม่เคยมาเยือนบึงสายหมอกมาก่อน ทำให้ฉินอวี้โม่เองก็ไม่ทราบว่าตำนานดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
แม้ว่าจะเต็มไปด้วยอันตรายรอบด้าน แต่ที่แห่งนี้ก็มีอสูรมายาระดับต่ำอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้าหากมีโชคมากพอเหล่าผู้มาเยือนก็สามารถกอบโกยแก่นมายาหรือแม้กระทั่งจับอสูรมายาที่หายากได้ แต่แน่นอนว่าคนผู้นั้นก็จะต้องแข็งแกร่งเพียงพอที่จะหลบเลี่ยงหรือเอาชนะอสูรมายาระดับสูงได้ด้วย
บริเวณโดยรอบของบึงสายหมอกถูกห้อมล้อมด้วยพื้นที่ของป่าพรุที่หนาทึบและกว้างใหญ่ การจะไปถึงตัวบึงได้จึงต้องตัดผ่านป่าพรุนี้ไปให้ได้เสียก่อน
ในระหว่างทางที่กำลังเร่งติดตามหลินจิ้งหงและหานโม่ฉือไป ฉินอวี้โม่ก็ใช้เวลาครุ่นคิดเกี่ยวกับภารกิจในครั้งนี้ไปด้วย
…..เพราะว่าภารกิจที่พวกเขารับมานั้น มีความยากใน ‘ระดับพิเศษ’…..
ระดับความยาก-ง่ายของภารกิจในสมาคมทหารรับจ้างจะถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดระดับนั่นก็คือ มือใหม่, ง่าย, ทั่วไป, ยาก, พิเศษ, เชี่ยวชาญ และระดับยอดฝีมือ
ภารกิจระดับมือใหม่นั้นง่ายที่สุดและรางวัลที่ได้รับก็จะเป็นรางวัลที่สุดแสนธรรมดา ส่วนระดับที่ยากที่สุดคือระดับยอดฝีมือซึ่งจะได้รับรางวัลที่เรียกได้ว่าล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง
ถึงแม้จะประหลาดใจอยู่บ้างที่บุรุษสองคนนี้เชื้อเชิญเธอเข้าร่วมภารกิจระดับพิเศษที่ถือว่าค่อนข้างยาก และมีข้อสงสัยถึงระดับฝีมือของคนทั้งสอง แต่ฉินอวี้โม่ก็ยังคงมุ่งหน้าติดตามพวกเขาสองคนไปอย่างไม่หวั่นเกรง
ในครั้งนี้ ภารกิจที่หานโม่ฉือและหลินจิ้งหงรับมาก็คือการค้นหาและระบุพิกัดของสถานที่ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของอสูรมายาที่ทรงพลังที่สุดในบึงสายหมอกแห่งนี้—ยูนิคอร์นสีนิล
การที่ภารกิจนี้มีความยากแค่เพียงระดับพิเศษก็เป็นเพราะสิ่งที่พวกเขาต้องทำมีเพียงการค้นหาตำแหน่งที่อยู่ให้เจอแต่ไม่ต้องลงมือสังหาร ซึ่งถ้าหากต้องฆ่ายูนิคอร์นสีนิลด้วย ความยากของภารกิจนี้จะถูกยกขึ้นเป็นระดับยอดฝีมือ
สิ่งที่ทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกกดดันอยู่บ้างก็คงจะเป็นเรื่องที่ยูนิคอร์นสีนิลที่ว่านั้นเป็นถึงอสูรมายาระดับศักดิ์สิทธิ์เก้าดารา ซึ่งใกล้ที่จะวิวัฒนาการณ์ไปเป็นระดับเทวะแล้ว
ในดินแดนแห่งนี้ ระดับของอสูรมายาจะถูกแบ่งออกเป็นระดับต่ำ, ภูต, ศักดิ์สิทธิ์, เทวะ, เทวะราชัน และระดับที่สูงกว่านั้น
ในแต่ละระดับจะถูกแบ่งย่อยออกไปอีกเก้าขั้นและถูกเรียกแทนในแต่ละขั้นด้วยจำนวนดวงดารา เริ่มต้นจากหนึ่งดาราไปจนถึงเก้าดาราซึ่งก็คล้ายกันกับรูปแบบของการจัดระดับขอบเขตพลังของมนุษย์
และหากต้องการจะรับมือกับอสูรมายาระดับศักดิ์สิทธิ์เก้าดารา ก็จะต้องใช้ยอดฝีมือในขอบเขตมายารัตนะระดับเก้าดาราเท่านั้นจึงจะมีพลังเพียงพอที่จะต่อสู้กับมันอย่างสูสีได้
ในทวีปนี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรืออสูรมายาก็ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยพลังมายาในการบ่มเพาะร่างกาย ดังนั้น การแบ่งระดับพลังของทั้งมนุษย์และอสูรมายาจึงมีระบบที่คล้ายคลึงกันมาก
ขอบเขตพลังของมนุษย์ถูกจัดแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ อันได้แก่ จิตมายา, ทิพย์มายา, มายารัตนะ, นภมายา และระดับที่สูงยิ่งกว่า
สำหรับเมืองหลิงซี ยอดฝีมือในขอบเขตมายารัตนะถือเป็นตัวตนระดับแนวหน้าแล้ว พวกเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเมือง ยังไม่มีผู้ใดในเมืองที่ก้าวถึงขอบเขตที่สูงกว่า การจะให้ตามหาถิ่นที่อยู่ของอสูรมายาที่มีระดับเทียบเท่ากับขอบเขตมายารัตนะนั้นจึงถูกจัดเป็นภารกิจยากระดับพิเศษนั่นเอง
เมื่อผ่านพ้นเขตป่าพรุไป ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกว่าหมอกที่ดูบางเบาในตอนแรกเริ่มหนาขึ้นอย่างช้า ๆ
“คุณหนูฉิน ท่านต้องตามพวกเราอย่าให้ห่าง บึงสายหมอกแห่งนี้อันตรายมาก ถึงแม้ข้าจะทราบดีว่าท่านไม่ใช่ผู้ไร้พรสวรรค์อย่างที่คนเล่าลือกัน แต่อสูรมายาบางตัวที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะรับมือได้”
หลินจิ้งหงหันไปเตือนฉินอวี้โม่ แม้ว่าเขาจะต้องการทดสอบความแข็งแกร่งของคุณหนูสี่ผู้นี้ แต่ทว่าเขาก็ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ร่วมภารกิจทุกคนในกลุ่มก่อนเสมอ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในจุดที่มีอันตรายสูงในสถานที่ที่มีอันตรายรอบด้านเช่นนี้
ฉินอวี้โม่พยักหน้ารับทราบก่อนจะกล่าวเสียงเรียบ “คุณชายหลิน ท่านไม่ต้องเกรงใจถึงเพียงนั้นหรอก เรียกข้าว่าฉินอวี้โม่ก็พอแล้ว อย่าเรียกว่า ‘คุณหนู’ อีกเลย ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นคุณหนูของตระกูลไหนอีกต่อไปแล้ว”
เพราะคำว่า คุณหนู นั้นไม่เหมาะสมกับตัวนางในตอนนี้… หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ มันไม่เหมาะกับเธอเลยเสียมากกว่า
แม้ว่าฉินอวี้โม่จะเป็นอดีตนักฆ่า แต่จริง ๆ แล้วพื้นฐานนิสัยของเธอไม่ใช่คนเย็นชาหรือโหดร้าย เธอเป็นผู้หญิงเรียบง่ายธรรมดา ๆ ที่อยากจะทำอะไรก็ทำ อยากจะไปไหนมาไหนก็ได้ไป เธอให้อิสระเสรีกับชีวิตเสมอ มีเพียงแค่เวลาปฏิบัติภารกิจเท่านั้นที่เธอจะสวมใส่หน้ากากแห่งความเย็นชาเคลือบใบหน้าที่แท้จริงไว้
อย่างไรก็ตาม มันอาจจะเป็นเพราะงานที่ทำและสิ่งที่เป็น ทำให้ปกติแล้วฉินอวี้เป็นคนเข้าถึงยากและจะไม่ยอมเชื่อใจใครง่าย ๆ และนั่นก็ทำให้นักฆ่าสาวมีเพื่อนอยู่น้อยมาก แต่ใครก็ตามที่สามารถเอาชนะใจและทำให้เธอเชื่อใจได้ คนคนนั้นก็จะกลายเป็นเพื่อนแท้ที่รู้ใจและพร้อมจะปกป้องซึ่งกันและกันในที่สุด
“ก็ได้ งั้นเจ้าก็เรียกข้าว่าหลินจิ้งหง ไม่จำเป็นต้องเรียกว่าคุณชายหลิน”
หลินจิ้งหงพยักหน้าพลางแย้มรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรให้ก่อนจะหันไปมองหานโม่ฉือที่ยังไม่เคยเอ่ยปากพูดสิ่งใดออกมาแม้แต่คำเดียวตั้งแต่เข้ามาที่นี่ หลินจิ้งหงยักไหล่เล็กน้อยแล้วหันกลับมาพูดคุยกับสหายคนใหม่อีกครั้ง “สำหรับหานโม่ฉือ เจ้าจะเรียกเขาว่าอะไรก็ได้ เขาไม่ถือสาเจ้าหรอก”
เมื่อฟังวาจาของหลินจิ้งหงและหันไปมองหานโม่ฉือที่อยู่ข้าง ๆ เขา ฉินอวี้โม่ก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มขำ นางลอบพิจารณาคนทั้งสองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างถูกใจ
‘พวกเขาสองคนเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ’
“เข้าไปกันเถอะ”
ทันใดนั้นหานโม่ฉือก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นและเดินตรงเข้าไปยังกลุ่มหมอกหนาที่อยู่เบื้องหน้าเป็นคนแรก
.
.
.