ตอนที่ 45 อสูรล้อมเมือง
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินอวี้โม่พาเสี่ยวโร่วตรงไปยังประตูเมืองเยว่กวางเพื่อเข้าร่วมเทศกาลอสูรล้อมเมือง
ณ ลานกว้างด้านบนกำแพงเมืองถูกจัดเป็นจุดสำหรับตั้งรับการโจมตีของเหล่าอสูรมายา เหล่าผู้เข้าร่วมจะเดินทางมารวมตัวกันในบริเวณนี้
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมื่อถึงวันอสูรล้อมเมือง เหล่าอสูรมายาน้อยใหญ่จะพากันออกมาจากป่าแสงจันทร์และมุ่งตรงเข้าโจมตีเมืองเยว่กวาง อสูรมายาเหล่านั้นมีจำนวนมากมายหลายหลากชนิดและยังเป็นอสูรมายาในหลากหลายระดับ ตั้งแต่อสูรระดับต่ำไปจนถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่มีขั้นดาราสูง หรือในบางครั้งก็อาจจะมีอสูรเทวะที่มีดาราต่ำปรากฏตัวออกมาด้วย
ตามปกติแล้วปรากฏการณ์อสูรล้อมเมืองนั้นจะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาไม่นานนัก และว่ากันว่าที่นานที่สุดน่าจะจะกินเวลาราวๆ สองชั่วยามเท่านั้น
สำหรับฉินอวี้โม่แล้ว การมีโอกาสได้เข้าร่วมเทศกาลอสูรล้อมเมืองถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันจะต้องให้ประสบการณ์ล้ำค่าและยังเป็นโอกาสทองที่นางจะได้ลงมือเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ นางได้แต่หวังว่าวันนี้จะมีเหล่าอสูรมายาบุกมากันเป็นจำนวนมาก เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้ว ไม่เพียงแต่ขุมทรัพย์มหาศาลที่จะกอบโกยได้ แต่นางยังจะสามารถเลือกสรรอสูรมายาดี ๆ สักตัวมามอบให้กับเสี่ยวโร่วได้อีกด้วย
“อรุณสวัสดิ์ แม่นางอวี้โม่”
เมื่อเห็นฉินอวี้โม่เดินทางมาถึง ลั่วอวิ๋นที่กำลังทำหน้าที่ตรวจดูความเรียบร้อยของงานก็รีบตรงเข้ามาหาพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“อรุณสวัสดิ์คุณชายลั่ว”
ฉินอวี้โม่แย้มยิ้มตอบกลับและโค้งตัวลงเล็กน้อยเป็นการทักทายอีกฝ่าย
“ปกติแล้วอสูรล้อมเมืองจะเริ่มขึ้นในยามใด ?”
ฉินอวี้โม่มองลั่วอวิ๋นและเอ่ยถามด้วยเสียงหวานใส
“ข้าเองก็บอกไม่ได้เช่นกัน บางครั้งพวกมันก็จะบุกกันมาตั้งแต่เช้าตรู่ บางครั้งจนมืดค่ำก็ยังไม่ปรากฏ ตัวข้าก็เพิ่งจะเคยได้เข้าร่วมอสูรล้อมเมืองเพียงสองครั้งจึงไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก”
ลั่วอวิ๋นตอบตามตรง… ในครั้งล่าสุดที่เขาเข้าร่วมอสูรล้อมเมือง เขายังอ่อนแออยู่มาก เพียงแค่อสูรมายาระดับต่ำ เขาก็ยังต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดกว่าจะจัดการกับพวกมันได้แต่ละตัว ส่วนอสูรระดับภูตหรือระดับที่สูงกว่านั้นไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่พบเจอพวกมันแล้วหลบหนีไปให้รอดได้ก็นับว่าดีมากแล้ว… จนตอนนี้ก็ผ่านมาห้าปีแล้ว เขาแข็งแกร่งขึ้นและก้าวหน้าไปจากเดิมมากซึ่งต่อให้วันนี้ต้องเผชิญหน้ากับอสูรเทวะ เขาก็มั่นใจและพร้อมจะต่อสู้เต็มกำลัง
“อ่อ เช่นนั้นก็คงต้องรอต่อไปก่อนสินะ”
ฉินอวี้โม่พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินไปหาที่เหมาะ ๆ เพื่อรอคอย
ไม่นานนัก ชื่อเซียวพร้อมด้วยสมาชิกแห่งกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนก็เดินทางมาถึง
“อรุณสวัสดิ์แม่นางฉิน”
ชื่อเซียวทักทายฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้มสดใส
“อรุณสวัสดิ์ แม่นางฉิน !”
สมาชิกกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนยิ้มกว้างแล้วส่งเสียงทักทายฉินอวี้โม่กันอย่างพร้อมเพรียง กิริยาของพวกเขาทั้งนอบน้อมและเต็มไปด้วยความอบอุ่น
“อรุณสวัสดิ์ทุกคน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและทักทายตอบทุกคน
เวลานี้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอสูรล้อมเมืองคนอื่น ๆ ต่างก็ทยอยมาถึงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ซึ่งเมื่อมองเห็นฉินอวี้โม่ หลายคนก็เดินเข้ามาทักทายอย่างสุภาพ
ผ่านไปครู่ใหญ่ หลี่เปียวก็นำคนจากกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจของเขาเดินทางมายังลานเตรียมตัวเช่นกัน อดีตนักฆ่าสาวเห็นว่าลิ่วเยว่เองก็เดินเคียงคู่มากับเขา
“แม่นางฉินมาแต่เช้าเลยนะ อยากจะแพ้ข้าจนทนไม่ไหวเลยหรือ ?”
ลิ่วเยว่ที่เดินนำหน้ามาตรงเข้ามาหาฉินอวี้โม่ในทันทีที่มองเห็นร่างบาง เขากล่าววาจายั่วยุก่อนจะยิ้มเย้ย
อย่างไรก็ตามเมื่อได้มองสตรีตรงหน้าชัด ๆ และลอบพิจารณารูปลักษณ์ของนางในวันนี้แล้ว ลิ่วเยว่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลืนน้ำลาย
วันนี้ฉินอวี้โม่สวมชุดกางเกงเข้ารูปทั้งตัว ถึงแม้ว่าจะดูกระฉับกระเฉงและคล่องตัวพร้อมต่อสู้แต่ก็เผยให้เห็นรูปร่างอันสมบูรณ์แบบของนางอย่างเด่นชัด ผมยาวสลวยทุกเส้นถูกเก็บรวบเป็นหางม้าอย่างรัดกุม เผยให้เห็นใบหูเล็กและดวงหน้าหวานอย่างเด่นชัด อดีตคุณหนูในวันนี้ดูงดงามไปอีกแบบ นางดูเป็นจอมยุทธ์หญิงที่สูงส่งและสง่างามน่าเลื่อมใส
“ที่ข้ามาเร็ว เป็นเพราะข้าคิดถึงลูกอสูรน้อย ๆ สองตัวของพวกท่านจนอดใจไม่ไหวต่างหาก เอ… ถ้าหากว่าข้าได้อสูรมายามาเพิ่มอีกสองตัว พลังในการต่อสู้ของข้าจะพัฒนาไปมากขนาดไหนกันนะ ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและยั่วยุกลับไปเบา ๆ
“เหอะ เรื่องโอ้อวดพอแค่นี้จะดีกว่า มาพูดถึงกฎของการแข่งในวันนี้ได้แล้ว”
ลิ่วเยว่เปล่งเสียงออกมาอย่างเย็นชาพลางส่งสายตาเป็นเชิงบอกใบ้ให้หลี่เปียวอธิบายกฎของการแข่งในวันนี้
หลี่เปียวก้าวออกมาพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้น “กฎการแข่งขันของวันนี้คือ…”
…หลี่เปียวและลิ่วเยว่หารือกันและตกลงกันได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า การแข่งในวันนี้จะไม่ใช่การแข่งแบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่จะเป็นการแข่งแบบกลุ่ม…
ในฐานะที่หลี่เปียวให้การสนับสนุนลิ่วเยว่ ดังนั้นกองทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจจะจับกลุ่มร่วมกับลิ่วเยว่ ขณะเดียวกันฉินอวี้โม่เองก็สามารถหาผู้ที่จะเข้าร่วมกลุ่มกับนางได้เช่นกัน กฎการแข่งนั้นง่ายมาก นั่นคือในระหว่างเกิดปรากฏการณ์อสูรล้อมเมืองวันนี้ ฝ่ายใดสามารถสังหารหรือจับอสูรมายาได้มากกว่า ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ
กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจถือเป็นเจ้าถิ่นและเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเย่วกวางแห่งนี้ ฉะนั้นพวกเขาจึงมีคนที่จะเข้าร่วมในการล่าอสูรอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนฉินอวี้โม่นั้นเพียงแค่เดินทางผ่านมายังเมืองเยว่กวางกับสาวใช้ตัวเล็กๆ หนึ่งคนจึงเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างหนัก และต่อให้นับรวมพันธมิตรของนางซึ่งก็คือกองทหารรับจ้างชื่อเหยียนที่อยู่ที่นี่เข้าไปด้วย จำนวนคนก็ยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของฝ่ายตรงข้ามอยู่ดี เห็นได้ชัดว่าฝ่ายฉินอวี้โม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบตั้งแต่ยังไม่เริ่ม
ด้วยเหตุนี้ทำให้สองบุรุษเจ้าเล่ห์–หลี่เปียวและลิ่วเยว่ มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าฝ่ายของตนจะเอาชนะได้อย่างแน่นอน แม้ว่าฉินอวี้โม่จะมีอสูรมายาที่แข็งแกร่งอยู่ด้วย แต่อย่างไรก็ไม่มีทางสังหารอสูรมายาได้มากกว่ากลุ่มของพวกเขาที่มีกำลังพลจำนวนมากกว่าเป็นสิบเท่าได้แน่
เมื่อได้ยินกฎในการประลองอันแสน ‘ยุติธรรม’ ที่ออกมาจากปากของหลี่เปียว ชื่อเซียวก็ขมวดคิ้ว เขาต้องยอมรับเลยว่าการประลองในวันนี้ฉินอวี้โม่กำลังตกที่นั่งลำบากอย่างแท้จริงแล้ว กฎเช่นนี้เอื้อประโยชน์ให้ฝ่ายที่มีกำลังคนมากกว่าอย่างชัดเจน
“ไม่มีปัญหา ข้าจะนำคนจากจวนเจ้าเมืองมาช่วยด้วยอีกแรง”
ลั่วอวิ๋นก้าวออกมาพร้อมกับประกาศเสียงดัง หากนำกำลังพลจากจวนเจ้าเมืองมาก็จะมีไม่น้อยกว่ากลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ ถ้าฝ่ายฉินอวี้โม่รวมเข้ากับทหารจากจวนเจ้าเมืองก็จะกลายเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบไปในทันที
“คุณชายลั่ว ทำเช่นนั้นมันไม่ถูก ทหารของจวนเจ้าเมืองก็มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของท่านเจ้าเมืองและประชาชน ไม่ใช่ว่าจะเอามาใช้งานตามอำเภอใจได้ ที่สำคัญถ้าอยากเอาทหารของทางการเข้ามาเกี่ยวข้องแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการทำลายธรรมเนียมปฏิบัติที่เรามีมาช้านานของเทศกาลอสูรล้อมเมือง”
หลี่เปียวแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะคัดค้านลั่วอวิ๋น
ตั้งแต่ปรากฏการณ์อสูรล้อมเมืองกลายมาเป็นเทศกาล รวมถึงมีของรางวัลล้ำค่าจากสำนักเจ้าเมืองมาเกี่ยวข้อง ทหารของทางการก็ไม่เคยเข้ามาร่วมในการต่อสู้กับเหล่าอสูรมายาอีกเลย ในหลายปีที่ผ่านมาเทศกาลนี้เสมือนกลายเป็นการละเล่นของบรรดาจอมยุทธ์ไปแล้ว และลั่วอวิ๋นผู้ซึ่งเป็นถึงลูกเจ้าเมืองก็ไม่ควรจะทำลายธรรมเนียมปฏิบัติเหล่านี้
เมื่อได้ยินคำทัดทานที่ดูมีหลักการและสมเหตุสมผลนั้น ลั่วอวิ๋นก็นิ่วหน้าในทันที เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนัก
“ไม่เป็นไร อวี้โม่ซาบซึ้งในน้ำใจของคุณชายลั่ว แต่ในเมื่อนี่เป็นธรรมเนียมเราก็ไม่ควรจะฝ่าฝืน”
ฉินอวี้โม่ยิ้มน้อย ๆ ให้อีกฝ่าย นางไม่อยากให้ลั่วอวิ๋นต้องถูกมองว่าทำสิ่งไม่ถูกต้องเพื่อตัวนาง
“แม่นางฉิน หากแม่นางไม่รังเกียจ กลุ่มทหารรับจ้างของเรายินดีจะเข้าร่วมเพื่อช่วยแม่นาง”
ในระหว่างที่เหล่าพันธมิตรแห่งหน่วยพิทักษ์โฉมงามกำลังเคร่งเครียดหาทางแก้สถานการณ์อยู่นั้น ก็มีบุรุษผู้หนึ่งเดินมาเข้ามาพูดกับโฉมงามของพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
กลุ่มทหารรับจ้างของบุรุษผู้นี้มีชื่อว่า–กลุ่มทหารรับจ้างสลาตัน และเขาก็คือหัวหน้าของกลุ่มหทารรับจ้างนี้นามว่า–ขวงจ้าน กลุ่มทหารรับจ้างสลาตันเองก็เป็นกลุ่มทหารรับจ้างของเมืองเยว่กวางเช่นกัน แม้ว่าหลายปีนี้จะพัฒนาและก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่พวกเขาก็ยังคงถูกกดอยู่ใต้อำนาจบารมีของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจ
พวกเขามักจะถูกกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจหาเรื่องกลั่นแกล้งและดูถูกเหยียดหยามอยู่บ่อยครั้ง ขวงจ้านผู้เป็นหัวหน้ามีนิสัยเถรตรง ยอมหักไม่ยอมงอ เมื่อคืนในงานเลี้ยงเขาเองก็ได้เห็นความกล้าหาญของฉินอวี้โม่ ‘เป็นสตรีบอบบางผู้หนึ่งแต่ไม่ยอมอ่อนข้อให้บุรุษจากขุมกำลังมากอำนาจ ช่างน่าเลื่อมใสโดยแท้’ ซึ่งนั่นก็ทำให้เขารู้สึกนับถือสตรีผู้นี้ไม่น้อย ยิ่งเมื่อได้ยินกติกาบัดซบของหลี่เปียวเมื่อครู่ เขาก็ทนไม่ได้จนต้องอาสาเข้าร่วมกับฝ่ายของนาง
“ข้าจะรังเกียจท่านได้อย่างไร ท่านคงจะเป็นขวงจ้าน หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างสลาตันสินะ”
เมื่อฉินอวี้โม่ได้ยินสิ่งที่บุรุษผู้รักความยุติธรรมผู้นี้กล่าว นางก็ตอบรับอย่างนอบน้อม น้ำใจดีงามของเขาน่าซาบซึ้งยิ่งนัก
หลายวันที่อยู่ภายในเมืองเยว่กวาง แม้จะอยู่แต่ภายในที่พัก แต่นางก็ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารของเมืองนี้มาไม่น้อย นั่นก็เพราะได้ยินเรื่องเล่าจากเหล่าผู้มาจิบน้ำชาและกินอาหารในห้องอาหารของโรงเตี๊ยม ฉะนั้นจึงไม่แปลกนักที่นางจะรู้จักกลุ่มทหารรับจ้างสลาตันเพราะเป็นหนึ่งในกลุ่มเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง อีกทั้งเหล่าชาวเมืองยังเล่าลือกันว่าผลงานของพวกเขาในเทศกาลอสูรล้อมเมืองครั้งนี้ก็น่าจับตามองไม่น้อย และการที่ได้พวกเขามาช่วยอีกแรงจึงถือเป็นเรื่องดี
“ขวงจ้าน เจ้าแน่ใจแล้วรึที่จะออกหน้าต่อต้านกลุ่มหมาป่าปีศาจของข้า โดยเลือกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ อาราม แบบนี้ ?”
ใบหน้าของหลี่เปียวมืดมนในทันที คิ้วยุ่งเหยิงของเขาขมวดแน่น เมื่อเห็นว่าจู่ ๆ ขวงจ้านก็อาสาเข้าร่วมกับฝ่ายตรงข้าม
‘จริงอยู่ว่า ขวงจ้านผู้นี้และกลุ่มทหารรับจ้างสลาตันของมันแสดงท่าทีแข็งขืน ไม่ยอมอ่อนข้อให้เขามาโดยตลอด แต่วันนี้คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะใจกล้าออกหน้าต่อต้านเขาซึ่งมีพันธมิตรเป็นถึงคนจากอารามอย่างโจ่งแจ้งได้ถึงเพียงนี้’
แม้ว่าถ้าหากเทียบกับกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจแล้ว กลุ่มทหารรับจ้างสลาตันจะดูเล็กกว่ามาก แต่ก็จะประมาทคนพวกนี้ไม่ได้ เพราะการที่มีพวกเขาเข้าไปร่วมก็ทำให้โอกาสชนะของฉินอวี้โม่เพิ่มขึ้นมาบ้างแล้ว
ด้วยเหตุนั้นหลี่เปียวจึงกล่าววาจาข่มขู่ออกไปทันที เขาหวังว่าเมื่อขวงจ้านได้ยินนามของอารามจะทำให้เขากลัวจนถอนตัวออกไป
“เพ่ย ! หลี่เปียว เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าขู่ข้า ?”
ความโกรธแค้นที่มีต่อหลี่เปียวนั้นสุมอยู่ในใจของขวงจ้านมานานแล้ว วันนี้เมื่อได้โอกาสที่ดีที่จะได้หักหน้าหลี่เปียวบ้างเขาจึงไม่ลังเล
“เจ้าคิดว่าทุกคนต้องกลัวพวกเจ้ารึไง พวกเราเป็นทหารรับจ้าง พวกเรามีเกียรติ พวกเราชื่นชมแม่นางฉินที่กล้าหาญเด็ดเดี่ยวไม่เกรงกลัวผู้ใด ข้าไม่สนใจอารามหรืออะไรทั้งนั้น ต่อให้เป็นคนจากอารามถ้าทำเรื่องชั่วช้าข้าก็กล้าประณามได้”
วาจาของขวงจ้านทำให้ใบหน้าของหลี่เปียวและลิ่วเยว่ถึงกับเปลี่ยนเป็นสีคล้ำเข้ม พวกเขาทั้งสองสำลักคำพูดจนเอ่ยสิ่งใดไม่ออก
“ฮึ่ย ! ตามใจเจ้า อยากเข้าร่วมก็เข้าร่วมไม่ต้องพูดมาก หลังจากนี้เจ้าก็เตรียมใจเอาไว้ด้วย !”
หลี่เปียวกล่าวขึ้นมาด้วยใบหน้าถมึงทึง
“แม่นางฉิน แม้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างของเราจะเล็กและมีคนน้อย แต่เราเองก็อยากจะเข้าร่วมกับแม่นาง ไม่ทราบว่าข้าจะร่วมด้วยได้รึไม่ ?”
บุรุษอีกคนก้าวออกมาและยิ้มให้ฉินอวี้โม่
“จำนวนไม่ใช่ปัญหาเลย ท่านหัวหน้าอู๋เผย”
ฉินอวี้โม่ยิ้มพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อทักทายและแสดงความขอบคุณต่ออีกฝ่าย
พวกเขาคือกลุ่มทหารรับจ้างระดับสามที่อยู่ในเมืองเยว่กวางที่มีชื่อว่า–กลุ่มทหารรับจ้างพเนจร กลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้เป็นเพียงกลุ่มทหารรับจ้างขนาดเล็กและยังตั้งขึ้นมาได้ไม่นาน อู๋เผยเป็นผู้นำของกลุ่ม เขาเป็นคนอัธยาศัยดีและน่าคบหา
“ไม่อยากเชื่อว่าแม่นางฉินจะรู้จักข้าด้วย”
เมื่อได้ยินฉินอวี้โม่เอ่ยชื่อตน อู๋เผยก็ตกตะลึงเล็กน้อย เขารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก แท้จริงแล้วที่เขาตัดสินใจมาช่วยฉินอวี้โม่ก็เพราะชื่นชมในความกล้าหาญของนาง ยิ่งกว่านั้นกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจก็เป็นที่รังเกียจของคนในเมืองนี้ แต่การที่ฉินอวี้โม่รู้ชื่อเขานับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายมากจริง ๆ
เขาอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ ในขณะเดียวกันก็คิดว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้เป็นคนที่น่าคบหาอย่างมาก
“อู๋เผย เจ้าเองก็อยากจะเอาด้วยงั้นรึ ?”
สิ่งที่อู๋เผยกล่าวทำให้หลี่เปียวหน้ายุ่งขึ้นมาอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึง เดิมทีเขาคิดว่าทุกคนในเมืองเยว่กวางที่รู้ถึงสถานะของลิ่วเยว่คงไม่กล้าคิดจะต่อต้านพวกเขา และถึงคนเหล่านั้นจะไม่ช่วยพวกเขาก็คงไม่ถึงขั้นไปเข้าร่วมกับฉินอวี้โม่เช่นนี้ เมื่อได้เห็นว่ากลุ่มทหารรับจ้างในเมืองเยว่กวางต่างก็เทไปเข้ากับฝ่ายตรงข้ามเขาก็ทำให้หัวหน้ากลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจตกตะลึงไม่น้อยเลย
อู๋เผยไม่สนใจคำพูดของหลี่เปียวและเพิกเฉยต่อเขาโดยสิ้นเชิง เขาไม่ต้องการจะสนทนากับอันธพาลเช่นนี้
หลังจากอู๋เผยประกาศเข้าร่วมกับฝ่ายของฉินอวี้โม่ กลุ่มทหารรับจ้างเล็ก ๆ อีกหลายกลุ่มก็ขอเข้าร่วมกับนางด้วยเช่นกัน ฉินอวี้โม่กล่าวขอบคุณพวกเขาทีละคนอย่างนอบน้อมและต้อนรับทุกคนเข้ากลุ่มอย่างยินดี
ทว่าก็ยังมีกลุ่มทหารรับจ้างอีกหลายกลุ่มที่รั้งรอดูสถานการณ์แต่เพียงภายนอกเท่านั้น พวกเขาไม่ได้รู้สึกชื่นชมสตรีงามแปลกหน้าผู้มาจากเมืองอื่น ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการจะเป็นศัตรูกับกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าปีศาจและทำเรื่องล่วงเกินอารามด้วย
และเพื่อที่จะเอาใจคนของอารามก็ทำให้มีบางกลุ่มเลือกเข้าร่วมกับฝ่ายของลิ่วเยว่และหลี่เปียวด้วยเช่นกัน ซึ่งในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีกลุ่มจอมยุทธ์ที่ทรงพลังซึ่งมีสมาชิกเป็นผู้อาวุโสแห่งสมาคมผู้ฝึกสัตว์อสูรรวมอยู่ด้วย และผู้นำของกลุ่มนี้ก็คือบุรุษวัยกลางคนที่ออกหน้าช่วยลิ่วเยว่ในงานเลี้ยงเมื่อคืนนี้
และการที่กลุ่มยอดฝีมือที่ทรงพลังเช่นนั้นประกาศตัวเข้าร่วมกับฝ่ายลิ่วเยว่ก็ทำให้อีกหลายกลุ่มจอมยุทธ์ต้องกัดฟันกันเข้าร่วมด้วยในที่สุด พวกเขาคิดว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยผูกสัมพันธไมตรีกับคนของอารามได้… และในเมื่อขุมกำลังใหญ่ของเมืองยังเข้าร่วม พวกเขาก็ควรจะทำบ้าง อย่างน้อยที่สุดในอนาคตก็จะได้ไม่เป็นที่เพ่งเล็งว่าเฉยเมยต่อขุมกำลังอำนาจล้นฟ้าอย่างอาราม
ในที่สุดการประกาศจุดยืนแบ่งฝักฝ่ายกันในเทศกาลอสูรล้อมเมืองครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง ฝ่ายฉินอวี้โม่ที่แต่เดิมเสียเปรียบด้านจำนวนอย่างมหาศาลนั้น เวลานี้สถานการณ์ก็ดีขึ้นอย่างมหาศาลเช่นกัน หลังจากที่มีหลายกลุ่มจอมยุทธ์ขอเข้าร่วมด้วย ตอนนี้ ‘กลุ่มพันธมิตรอวี้โม่’ มีกำลังพลไม่ห่างชั้นกับฝ่ายของลิ่วเยว่จนดูน่าหวาดหวั่นอีกแล้ว
เมื่อเห็นจำนวนสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรอวี้โม่ หลี่เปียวและลิ่วเยว่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย การที่มียอดฝีมือจำนวนมากมายยอมแสดงตัวต่อต้านพวกเขาและเข้าร่วมกับสตรีอย่างฉินอวี้โม่เป็นสิ่งที่คนทั้งสองไม่เคยคาดคิดมาก่อน
“เอาล่ะ เรื่องสนุกกำลังจะเริ่มแล้ว !”
เมื่อได้ยินเสียงที่ดัง *ครืน* อันกึกก้อง จากฝั่งของป่าแสงจันทร์ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินอวี้โม่
.
.
.