ตอนที่ 37 ตอบโต้ กนกอรผู้ปราชัย
จันวิภาหันหน้า จึงได้เห็นสุมิตร เธอตกตะลึงขึ้นมา ทันที อ้าปากค้างแค่กลับไม่มีคำพูดใดลอยออกมา
จากนั้นกนกอรที่อยู่ข้างๆ เมื่อเห็นสุมิตร เธอจึง ถลันเข้าไปหาทันที และเริ่มที่จะร้องไห้ฟูมฟายออกมา
“นายสุมิตร คุณรู้มั้ยว่าพวกคนเมื่อกี้นี้น่ากลัว มากๆเลย ฉันกลัวจริงๆ…..ยังดีที่ไม่เป็นอะไร ไม่งั้นละ ก็ ฮือๆๆ..”
กนกอรพูดไปพลางร้องไห้ออกมา มือข้างหนึ่งของ เธอดึงแขนเสื้อของสุมิตรเอาไว้ ส่วนอีกข้างหยิบ กระดาษทิชชูขึ้นมาซับน้ำตา
สุมิตรไม่ค่อยที่จะอดทนมากนัก เขาสะบัดเธอออก ไป แล้วตะคอกอย่าง โมโห “คนไร้ประโยชน์ ไสหัวออก
ไปให้พ้นหน้าผม! ”
ทันใดนั้นสาวใช้พวกนั้นก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันทีแล้ว รีบคุกเข้าลงกับพื้น กอดเขาและร้องขอความเมตตา แต่ทว่าสุมิตรก็เดินออกไปโดยที่แม้แต่หน้าก็ไม่หันกลับ มามอง
กนกอรตกตะลึง มองสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ ในใจ ครุ่นคิด ฉันไม่ใช่ชาวใช้ไม่ได้พูดถึงฉันแน่ๆ
พูดจบ เธอจึงเดินตามสุมิตรไป
สุมิตรเหลือบตามองจันวิภา เมื่อเห็นเธอยังคงสงบ นึ่งอยู่ จิตใจก็ยุ่งเหยิงขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง ความคิดที่อยู่ ในใจก็ได้พลั่งพลูออกมา
จันวิภา ถ้าเธอไม่ใช่ลูกสาวของนัชชาคงดี ถ้าเธอ ไม่สกปรกขนาดนั้นก็คงจะดี และถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิง ร่านแล้วล่ะก็…
เขาส่ายหัวอย่างรุนแรง สุมิตรฝืนตัวเองไม่ให้คิด เรื่องไร้สาระอีก
หลังจากจันวิภากลับมาถึงห้อง ก็ได้ฝากข้อความ ถึงพัชรี เรื่องที่จะนัดเจอกันในคืนนี้
หลังจากอาบน้ำเสร็จ จึงได้เปลี่ยนชุดใหม่อีกครั้ง จากนั้นจึงเก็บของแล้วเตรียมตัวออกไป
สุมิตรพึ่งจะออกมาจากห้องของตนเอง พึ่งจะเดิน ไปที่บันได ก็ได้เห็นจันวิภาที่พร้อมเดินทาง เหมือนจะ ออกไปข้างนอกอย่างไรอย่างนั้น
ทำให้สุมิตรมีความแปลกใจอยู่เล็กน้อย เขาเดิน ไปข้างหน้า เอ่ยปากพูดขึ้นอย่างดูถูก “เฮ้ จันวิภา ดึกตื่นอย่างนี้แล้วเธอจะไปไหน? คงไม่ได้ไปเล่นสนุกกับผู้ชายคนไหนอีกหรอกนะ? หม?”
จันวิภาใบหน้าขาวซีด ตกใจเป็นอย่างมาก และ คิดว่าสุมิตรจะเข้าใจตนเองผิดอีก จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา อย่างเยือกเย็นทันที “แน่นอนว่าฉันจะต้องทำสิ่งที่ฉัน ทำได้ในช่วงสามวันนี้”
พูดจบ เธอจึงหันตัวเดินจากไป
สุมิตรนิ่งอึ้ง เมื่อได้ยินประโยคนี้ จึงถอนหายใจ ด้วยความโล่งอกออกมาอย่างไม่มีเหตุผล
จันวิภานัดเจอกับพัชรีที่จัตุรัสอันอยู่ไม่ไกลจาก บ้าน เธอเห็นพัชรีแล้ว และดูเหมือนพัชรีก็เห็นเธอเช่น เดียวกัน
ทั้งสองคนหาม้านั่งเพื่อที่จะได้นั่งคุยกัน จันวิภา พูดเกี่ยวกับเรื่องของกนกอรเมื่อไม่กี่วันนี้ให้พัชรีฟัง พูด คำพูดของกนกอรที่ได้พูดกับเธอ และการประชันหน้า เมื่อเร็วๆนี้ของตนเอง
เมื่อพัชรีฟังจบ ความโกรธก็พุ่งพลันขึ้นมา “กนก อรทำเกินไปแล้ว! เธอช่วยเหลือมันทุกอย่างแต่มัน กลับหักหลังเธอ แย่งสามีของเธอไปอีก สารเลวจริงๆ บัตสบจริงๆ ! ”
พูดจบ พัชรีก็ต่าขึ้นมาลอยๆอยู่สองประโยค จึงจะระบายความโกรธแค้นออกมาได้บ้าง หลังจากนั้น เมื่อ คิดถึงความรู้สึกของคนทั้งสามคน จึงได้ถอนหายใจ ยาวๆขึ้นมาอีกครั้ง
จันวิภาก็รู้สึกทุกข์ระทมอยู่นิดหน่อย พัชรีตบไหล่ เธอราวกับจะปลอบโยน แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นมา “เอาน่า พัชรี อย่าโกรธไปเลย ไม่ต้องคิดมาก ฉันก็ไม่คิดมาก แล้ว คนพันธุ์นี้ไม่คู่ควรที่จะโกรธหรอก! และที่ฉันออก มาหาเธอวันนี้ก็เพราะมีเรื่องอยากจะขอให้ช่วยหน่อย เธอก็รู้ว่าฉันพูดกับสุ มิตรไปแล้วว่าจะหาหลักฐานให้ เจอภายในสามวัน นี่มันก็ใกล้จะวันที่สามแล้ว”
เมื่อพัชรีฟังคำพูดประโยคนี้ สีหน้าก็เผยออกมา ให้เห็นถึงความวิตกกังวล เธอจึงรีบเอ่ยปากพูดขึ้นมา ว่า “จริงสิ พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วหนิ งั้นเธอจะทำไง ล่ะ? เจ้าสารเลวกนกอรนั่นจะทักหา คนนั้นไปแล้ว แน่นอน พวกเราจะทำไงดี?”
จันวิภายิ้มขึ้นมา เอ่ยปากพูดขึ้น “ฉันมีวิธี…”
ต่อมา จันวิภาจึงพูดแผนของตนเองขึ้นมา เธอขอ ให้พัชรีช่วยพาแม่เลี้ยงของกนกอรมาหา และถือ โอกาสที่จะทำความเข้าใจสถานการณ์ไปด้วยเลย
หลังจากวางแผนเสร็จสิ้น จัรวิภาก็ได้กลับมาที่ บาร์แห่งนั้นในวันนั้นอีกครั้ง แล้ว
ชายคนนั้นยังคงปิดบัง แสร้งจำไม่ได้ว่าจันวิภา เป็นใคร แต่ทว่าจันวิภากลับยิ้มขึ้นมา เปิดประตูแล้ว พูดโพล่งขึ้นมา “ฉันเป็นภรรยาของนายน้อยสุมิตร ฉัน สามารถจ่ายให้นายได้สองเท่า ดังนั้นนายคิดดูให้ดีอีก ที และอย่ามาคิดเล่นกับนายน้อยสุมิตร”
เมื่อชายคนนั้นได้ยินชื่อของสุมิตร ในใจก็สั่นอยู่ เล็กน้อย ตอนนั้นกนกอรพูดเอาไว้ว่าเมื่อตนเองได้ กลายเป็นภรรยาของสุมิตรแล้วตนเองจะได้ประโยชน์ ไปด้วย แต่คนที่นั่งอยู่ทางด้านหน้าตอนนี้เป็นภรรยา ที่แท้จริงของนายน้อยสุมิตร!
เมื่อเห็นคนๆนั้นกำลังครุ่นคิด จันวิภาจึงพูดต่อไป ว่า “ฉันรับปาก ว่าจะคุ้มครองนาย แต่ว่า ถ้านายยังยืน กรานอย่างนี้อยู่ละก็ อย่างนั้นวิธีการของสุมิตร นายก็ น่าจะรู้นะ..ถึงผลที่ตามมา! ”
เมื่อชายคนนั้นได้ยิน ก็คิดถึงสุมิตรขึ้นมา หลังจาก คิตละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว จึงรับปากทันที และยอมที่จะ เป็นพยานให้แก่จันวิภา ขณะเดียวกัน เขาบอกกับจันวิภา พวกเขามีนิสัย ชอบบันทึกเสียงในงานเอาไว้ วันนั้นที่กนกอรพูด เขาได้
บันทึกไว้ทั้งหมด จันวิภาปลื้มปีติขึ้นมาทันที คิ้วที่ขมวดอยู่ตลอดในที่สุดก็ได้คลายลงบ้าง เมื่อทำการนัดเสร็จเสร็จ ในเช้า ตรู่วันพรุ่งนี้ก็ได้เวลาที่จะไปเปิดโปงกลอุบายของกนก
อร
เช้าวันที่สามของช่วงเวลาสามวัน
ตอนเข้าตรู่ จันวิภาเดินออกจากบ้าน จะรวบรวม หลักฐานที่นี่ได้อย่างไรล่ะ อีกด้านหนึ่ง กนกอรยังคงพูด ต่อถึงคำพูดที่แย่ๆของจันวิภา
“สุมิตร เมื่อคืนวานนี้ฉันได้ยินจันวิภาโทรหาผู้ชาย ด้วยแหละ น้ำเสียงออดอ้อนมาก ไม่แน่ว่าผู้ชายคนนั้น อาจจะพาเธอออกไปก็ได้”
สุมิตรกวาดสายตามองกนกอรอย่างเย็นยะเยือก อยู่วาบหนึ่ง แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมา
ณ ตอนนี้ ทันใดนั้นก็มีสาวใช้คนหนึ่งวิ่งถลันเข้า มาที่ประตูแล้วพูดขึ้นว่า “คุณหญิงกลับมาแล้ว!
สุมิตรเงยหน้าขึ้น มองไปที่ประตู
จันวิภาพาผู้ชายเข้ามาจริงๆ กนกอรจ้องมอง ผู้ชายคนนั้นแล้วหวาดผวาอย่างถึงขีดสุด ชายคนนั้น คือคนที่วางแผนการร่วมกับเธอ
จันวิภายืนอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร เพียงแค่เห็นชายคนนั้นเดินมาด้านหน้า โค้งคำนับไปทางสุมิตร แล้วเอ่ยปากพูดขึ้น คุณชายสุมิตร วันนี้ผมมาเยี่ยม ท่าน และรับคำไหว้วานของภรรยาท่าน ให้มาบอก ความจริงเกี่ยวกับรูปที่ถ่ายออกมาในวันนั้นครับ
พูดจบ ชายคนนั้นก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองกรกอรอ ยู่แวบหนึ่ง กนกอรตกใจสะดุ้งโหยง
หลังจากที่สุมิตรมองจันวิภาแล้ว จึงพยักหน้าไป ทางชายผู้นั้น และส่งสัญญาณให้เขาพูดต่อไป
ดังนั้นชายคนนั้นจึงพูดขึ้นด้วยอย่างนี้ครับ วันนั้นที่จริงแล้วเป็นคุณหญิงข้างๆท่านคนนี้ขอให้ผมช่วย เธอพูดว่าให้ผมช่วยถ่าย ภาพให้หน่อย หลังจากเรื่องสำเร็จแล้วผมจะได้ตอบแทนมหาศาล ดังนั้นผมเลยรับปาก”
“ถ่ายรูปอะไร? พูดคำพูดของเธอออกมา” น้ำของสุมิตรช่างเย็นยะเยือก ไม่มีความอบอุ่นอยู่เลย แม้แต่น้อย จึงทำให้กนกอรกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ชายผู้นั้นจึงเล่าต่อไปว่า “คำพูดตอนนั้นของคุณ
หญิงกนกอรก็คือ ถ่ายรูปของจันวิภากับลังออดอ้อนกับ พวกผู้ชายกลุ่มนั้น ถ่ายให้ดูเหมือนกับยั่วผู้ชายอยู่ก็ พอแล้ว!
“แก..แกพูดอะไร! แกใส่ร้ายฉัน!
จู่ๆกนกอรก็โกรธขึ้นมาทันที จะตกใจต่อไปไม่ได้แล้ว จึงรีบลุก ขึ้นยืนแล้วตะคอกไปทางผู้ชายคนนั้น
พูดจบ เธอก็สะอึกสะอื้นไปหาสุมิตรอีกครั้ง “คุณชายสุมิตร คุณจะเชื่อคำพูดเหลวไหลของพวกเขา ไม่ได้เด็ดขาดเลยนะคะ คนๆนี้ต้องรับเงินก้อนโตและ ผลประโยชน์มากมายมาจากจันวิภาแน่ๆ และมาที่นี่ เพื่อทำร้ายฉัน โดยเฉพาะ”