ตอนที่36 ตกตะลึง ไหวพริบของจันวิภา
จันวิภาขึ้นไปชั้นบนอย่างหวาดผวา วางแผนการ ว่าจะหาหลักฐานได้อย่างไง แต่พอเงยหน้าขึ้นมาก็ได้ เห็นกนกอรที่กำลังยืนอยู่ด้านบนจ้องมองเธออยู่
การแสดงออกของกนกอรนั้นเหมือนกับหัวเราะอยู่ ราวกับกำลังดูเรื่องตลก,
จันวิภาสูดหายใจเข้าลึกๆ ระงับความโกรธที่อยู่ ในใจ จ้องมองกนกอรอย่างเยือกเย็น แล้วเดินจากไป
แต่ทว่ากนกอรกลับใช้ขาขวางเธอเอาไว้ เธอยิ้ม และเอ่ยปากพูดขึ้น “จันวิภา เป็นอะไรไป เรื่องมักง่าย ของเธอถูกปิดโปงงั้นหรอ? ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะ เป็นคนอย่างนั้นจริงๆ วันนั้นดูเธอโกรธฉันขนาดนั้น ส่วนใหญ่ก็เสแสร้งสินะ! ฉันจะคอยดูว่าเธอจะโกหก อย่างไงต่อไปอีก”
จันวิภาถลึงตาจ้องมองกนกอร “กนกอร ฉันไม่คิด มาก่อนเลยว่าเธอจะมีจิตใจโหดเหี้ยมเหมือนงูพิษ ขนาดนี้”
กนกอรหัวเราะฮ่าๆ ดูล่าพองใจเป็นอย่างมาก แต่ ใบหน้ากลับแฝงไว้ด้วยความสงสัย จึงเอ่ยปากพูดขึ้น “จันวิภา เธอกำลังพูดอะไร? ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจ เธอ ไม่ต้องการให้แผนการของตนเองถูกเปิดโปง ก็เลยจะมาเอาชนะฉัน ใสร่ายฉัน! ”
จันวิภาขี้เกียจจะสนใจเธออีก ยกเท้าขึ้นมาแล้ว ก้าวยาวเพื่อต้องการจะออกไป แต่ทว่ากนกอรกลับไม่ ยินยอม แล้วพูดขึ้นมาอย่างดูถูกเหยียดหยาม “แต่ว่า ฉันจะรอนะว่าเธอมีอะไรจะพูดหลังจากนี้อีกสามวัน! ”
จันวิภา วัน จากนั้นจึงเดินจากไปแม้แต่หน้าก็ไม่ หันกลับมามอง และไม่สนใจเธออีก
กนกอรกัดฟัน และไม่วางใจอยู่นิดหน่อย หลังจาก เดินหลับมาถึงห้อง จึงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมา และลบ ข้อความกับรูปของวันนั้นที่ผู้ชายคนนั้นส่งมาให้ ทำให้ ไม่กี่วันมานี้เธอระวังตัวมายิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากรอชายคนนั้นตอบกลับมา กนกอรจึงจะ วางใจขึ้นมายู่นิดหน่อย
แต่ทว่ากลับคาดไม่ถึง วันแรกจากทั้งสามวัน จัน วิภาท่าดูท่าทางสบายๆเป็นพิเศษ ไม่มีอะไรผิดปกติเลย แม้แต่น้อย กินและดื่มราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
ทางด้านของสุมิตรก็ไม่ได้สนใจจันวิภา และก็ไม่ ได้พูดถามอะไรออกมา นี่มันกลับยิ่งทำให้กนกอรกระ สับกระส่ายมายิ่งขึ้นไปอีก
วันที่สองมาถึง ตอนเช้าตรู่ หลังจากกินข้าวเช้า เสร็จ สุมิตรก็ขับรถไปที่บริษัท
กนกอรจ้องมองดูไบหน้าที่สงบนิ่งของจันวิภา ไม่ สบายใจอยู่นิดหน่อย จึงเอ่ยปากพูดออกไป “เฮ้ นี่มันก็ ผ่านไปวันหนึ่งแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมเธอถึงยังจะนึ่งอยู่ อีกล่ะ หรือว่าเธอมีแผนที่จะปล่อยมันไปทั้งอย่างนี้?”
จันวิภากำลังวางแผนที่จะกลับไปยังห้อง โดยไม่ สนใจกนกอร
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า เวลานี้ จะมีสาวใช้คนหนึ่งวิ่ง ถลันเข้ามาจากประตูด้านนอก เธอเอ่ยปากพูดขึ้นอย่าง อีกกะทึก “แย่แล้ว! แย่แล้ว! เกิดเรื่องแล้ว! ”
กนกอรกับจันวิภาตกใจไปพร้อมๆกัน ยังไม่ทันที่ จะเอ่ยปากถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ได้ยินสาวใช้คน นั้นร้องตระโกนออกมาอย่างต่อเนื่อง “มีคนก่อเรื่องขึ้น ข้างนอก! ”
น้ำเสียงของเธอสิ้นสุดลง คนที่ก่อเรื่องขึ้นที่ประตู บุกเข้ามาที่ห้องรับแขกแล้ว
“ออกมาให้หมด! “คนนั้นใส่ชุดเสื้อสีดำและใส่ หมวก ที่ดูหน้าอย่างชัดไม่ได้ “พวกเธอออกมาให้ หมด และไปหาสุมิตร คนเลวนั้นให้ออกมา! ”
จันวิภาก้าวเดินไปข้างหน้า หน้านิ่วคิ้วขมวดจ้อง มองดูเรื่องตลกของพวกเขา แล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “พวก นายคิดจะทำอะไรน่ะ? สุมิตรไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้าจะหาเขาก็ไปหาที่บริษัท มาเอะอะโวยวายที่นี่ทำไม! ”
พูดจบ กนกอรก็เดินมาพอดี
หลังจากที่คนพวกนั้นเห็นจันวิภากับกนกอร แล้ว จ้องมองกันอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับกำลังยืนยันว่าคนไหนที่มี ประโยชน์มากกว่ากัน
ณ เวลานี้ หนึ่งในคนพวกนั้นเอ่ยปากด่าขึ้น “ถ้า หาเจอ พวกเราจะมาที่นี่หรอไงอย่าพูดไร้สาระให้มัน มาก! วันนี้ต้องฟังคำสั่งของพวกเรา ไม่งั้นก็ตายมัน ทั้งหมดนี่แหละ! ”
พูดจบ ชายคนนั้นก็หยิบระเบิดออกมาจากบน ร่างกายของเขา ซึ่งทำให้จันวิภากับกนกอรตกใจกลัว เป็นอย่างมาก
หลังจากสอบถามอยู่หลายครั้ง จันวิภาถึงได้รู้ว่า บริษัทของพวกเขาถูกสุมิตรทำลายไป ดังนั้นจึงมาที่นี่ เพื่อเล่นนอกเกม
แต่ความโกรธของจันวิภาก็ไม่ได้หายไปแต่อย่าง ใด และตระโกนด่าใส่คนพวกนั้น “มีธุระก็ไปหาสุมิตร ถ้าไม่มีธุระก็กลับไปซะ! ”
ณ ตอนนี้กนกอรกลับกลัวอยู่เล็กน้อยจนตัวหดอยู่ ในห้อง ทันใดนั้นจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา “คนนี้เป็นภรรยาของสุมตร ถาพวกนายอยากลางเอาเลย”
จันวิภาตกตะลึง หันหน้ากลับมามองกนกอร ความ โกรธแค้นที่อยู่ในใจนั้นยากที่จะสงบลงได้
เมื่อคนพวกนั้นได้ยินสิ่งที่กนกอรพูด จึงได้จับจัน
วิภาเอาไว้ทันที
จันวิภาขมวดคิ้วขึ้นมา ชี้ไปทางกนกอรแล้วเอ่ย ปากพูดขึ้น “พวกนายไปจับเขาเถอะ เขาเป็นสัตว์เลี้ยง ตัวใหม่ของสุมิตร เข้าห้องอยู่ด้วยกันทุกวัน มีประโยชน์ กว่าฉันแน่ๆ!
“จันวิภา แก! ” กนกอรโกรธจัด แต่เวลานี้กลับ สำลักจนพูดไม่ออก เธอคิดไม่ถึงเลยว่าจันวิภาจะกล้า ทำกับเธออย่างนี้
“จันวิภา ทำอย่างนี้มันจะส่งผลดีกับเธอตรงไหน กัน? เธอไม่ได้ชอบสุมิตร มันจะไม่ดีกว่าหรอไม่มาสนับ สนุนฉัน? ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอย่างไง เธอก็คือเมียของสุ มิตร คนพวกนี้ต้องการตัวนายน้อยสุมิตร และเธอก็เป็น ภรรยาสุมิตร ก็ควรจะน้อมรับหน่อยไม่ใช่หรอ?” กนก อรกล่าว
จันวิภาหลี่ตาทั้งสองลงจ้องมองกนกอร แม้ว่าวันนี้ จะได้เรียนรู้ระดับความไร้ยางอายของกนกอรได้สำเร็จ แต่ในใจก็ยังคงกลัดกลุ้มอยู่ดี
จันวิภายิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น “กนกอร เธอพูด ไม่ใช่หรอไงว่ารักนายน้อยสุมิตรมากเลย และเต็มใจที่ จะมอบทุกสิ่งให้กับเขา? ตอนนี้มีคนมาหาถึงหน้า ประตูแล้ว เธอไปสิ? จะหดหัวทำไม? หรือที่เธอบอกว่า รักนักรักหนานั่นจะโกหก?”
“แก..” กนกอรโกรธจนหน้าแดง เนื่องจากสุ มิตรไม่อยู่ เธอจึงไม่พะว้าพะวัง ทันใดนั้นจึงได้ด่าจัน วิภาชุดใหญ่อย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ใดๆ
จันวิภาขี้เกียจจะสนใจเธอ หันหน้ากลับไปเหลือบ มองชายพวกนั้น แล้วพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ฉัน รบกวนพวกนายที่กำลังทำเรื่องพวกนี้หน่อย ว่าคิดให้ ดีๆ ว่าอย่าขโมยไก่จนเสียข้าวสาร! ”
คนพวกนั้นประหลาดใจ ไม่เข้าใจความหมายที่จัน วิภาพูด จันวิภาจึงพูดอธิบาย “สุมิตรเป็นอัจฉริยะใน โลกธุรกิจ ตัวคนเดียวโดดเดี่ยว พวกนายคิดดูให้ดีๆ สุ มิตรสามารถทำลายบริษัทของนายได้ แล้วจะไม่ สามารถแก้ปัญหาให้พวกนายได้หรือไง?”
หลังจากจันวิภาพูดจบ คนพวกนั้นก็นิ่งอึ่งขึ้นมา ทันที นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำเรื่องอย่างนี้ แต่ก็ต้อง ยอมรับว่าสิ่งที่เธอพูดขึ้นมานั้นเป็นเรื่องจริง หลังจาก ครุ่นคิดดูแล้ว จึงรีบเอ่ยปากขึ้นถาม “งั้นเธอพูด พวกเราควรจะทาอยางเง? ถาพูด เองขนาดนน แต่เมม วิธีล่ะก็ พวกเราก็จะฆ่าเธอทิ้งสะแล้วฝังพร้อมกับสามี เธอ! ”
จันวิภาขมวดคิ้ว หลังจากครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้ว จึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา “ฉันขอแนะนำให้นายปล่อยฉันไป ถ้าพวกนายไม่ฆ่าฉัน สุมิตรก็จะไม่ทำอะไรพวกนาย! แต่ถ้าพวกนายฆ่าฉัน ถึงอย่างไรฉันก็ยังเป็นภรรยาของ สุมิตรอยู่ พวกนายก็น่าจะรู้ว่าสุมิตรจะแก้แค้นอย่างไร จริงไหม? นายคิดว่า จะมีชีวิตรอดอยู่อีกหรอไง?”
เมื่อคนพวกนั้นได้ฟังคำพูดเช่นนี้ จึงสั่นไหวขึ้นมา ทันที และหารือกันอีกครั้ง จึงพูดออกมา “แต่ บริษัทของ พวกเราถูกสุมิตรทำลายไปแล้ว แล้วพวกเราควรทำ อย่างไงล่ะ?”
จันวิภากัดฟัน แล้วพูดออกมาอย่างกระโชก
โฮกฮาก “นั่นเป็นเพราะตัวพวกนายเองไม่มีความ สามารถ ทำบริษัทโดยไม่มีประสบการณ์อะไรเลย แม้แต่น้อย? หากนายยังเป็นผู้ชายอกสามศอกอยู่ก็ไป สร้างบริษัทขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ไม่งั้นก็ร้องไห้อยู่ที่นี่ แหละ! ”
คนพวกนั้นถูกจันวิภาพูดผลักดันจนจิตใจสั่นไหว หนึ่งในนั้นนิ่งเงียบอยู่นาน แล้วเอ่ยปากพูดกับจันวิภา ขึ้นมาทันที “เธอคิดว่าถ้าพวกเราทำมันอีกครั้ง จะสำเร็จงั้นหรอ?”
“จะสำเร็จหรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่ท่าทีของพวกนาย ในตอนนี้ เมื่อเจอเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ทำแบบนี้ มันเป็น ไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งใด! พวกนาย ที่เป็นอย่างนี้ มันเป็นท่าทางของคนขี้ขลาด! ไม่สู้ย้อน กลับไปคิดทบทวนดูให้ดีๆ ว่าจะเริ่มสร้างขึ้นมาใหม่ อย่างไง! ”
คนพวกนั้นรู้สึกประทับใจ หลังจากหยุดนิ่งไปจึง พูดขึ้น “งั้นก็ดี พวกเราจะปล่อยเธอไป แต่ว่า เธอจะ ต้องรับปากเราว่าจะไม่ให้สุมิตรกลับมาแก้แค้น! ”
จันวิภาพยักหน้า
คนพวกนั้นจึงถอนหายใจออกมาทันที และรีบ ปล่อยจันวิภากับกนกอร จากนั้นจึงหลบหนีออกไป
ณ ตอนนี้ สุมิตรที่อยู่ตรงมุมห้องข้างๆได้เดินออก มา สายตาของเขาลึกซึ้ง จ้องถลึงมองจันวิภาอย่าง เงียบๆ ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“จันวิภา….
ผู้หญิงคนนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าจะสงบได้ถึงขนาดนี้ ความกล้าหาญเช่นนี้ ทำให้สุมิตรรู้สึกแปลกใจอยู่เล็ก
น้อย
สำเร็จงั้นหรอ?”
“จะสำเร็จหรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่ท่าทีของพวกนาย ในตอนนี้ เมื่อเจอเรื่องเล็กๆน้อยๆก็ทำแบบนี้ มันเป็น ไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จในสิ่งใด! พวกนาย ที่เป็นอย่างนี้ มันเป็นท่าทางของคนขี้ขลาด! ไม่สู้ย้อน กลับไปคิดทบทวนดูให้ดีๆ ว่าจะเริ่มสร้างขึ้นมาใหม่ อย่างไง! ”
คนพวกนั้นรู้สึกประทับใจ หลังจากหยุดนิ่งไปจึง พูดขึ้น “งั้นก็ดี พวกเราจะปล่อยเธอไป แต่ว่า เธอจะ ต้องรับปากเราว่าจะไม่ให้สุมิตรกลับมาแก้แค้น! ”
จันวิภาพยักหน้า
คนพวกนั้นจึงถอนหายใจออกมาทันที และรีบ ปล่อยจันวิภากับกนกอร จากนั้นจึงหลบหนีออกไป
ณ ตอนนี้ สุมิตรที่อยู่ตรงมุมห้องข้างๆได้เดินออก มา สายตาของเขาลึกซึ้ง จ้องถลึงมองจันวิภาอย่าง เงียบๆ ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“จันวิภา….
ผู้หญิงคนนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าจะสงบได้ถึงขนาดนี้ ความกล้าหาญเช่นนี้ ทำให้สุมิตรรู้สึกแปลกใจอยู่เล็ก
น้อย