ตอนที่ 32 หักหลัง รู้จักคนไม่จริง
เธอและกนกอรนิสัยเหมือนกัน ผ่านความทุกข์สุข มากด้วยกัน ดังนั้นเธอจึงดูแลเธอเป็นอย่างดี คิดไม่ ถึงว่ามันจะมาถึงจุดนี้ สุมิตรพูดไม่ผิด เธอเป็นแค่คนที่ รู้จักคนไม่จริง
ไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ทำให้จันวิภา เพื่อนสนิทที่คบกันมา 20 ปี อยู่ๆกลายเป็นคนแปลก หน้า
“จันวิภา ฉันอธิบายให้เธอได้นะ มันไม่ใช่แบบ นั้น!” กนกอรกัดปาก พยายามเสแสร้งต่อไป
จันวิภาโกรธจริงๆแล้ว ตัดบทด้วยความโกรธ ทันที : ” อธิบาย? ยังคิดจะอธิบายอีกหรอ ที่เธอทำ เมื่อกี้ฉันไม่เห็นไม่ได้ยินงั้นหรอ? กนกอรเธอเป็นเพื่อน สนิทที่สุดของฉันนะ เชื่อใจมาก ฉันมีอะไรก็อยากจะ แบ่งให้เธอทั้งหมด คิดไม่ถึงเลยว่าเธอ….กี่ปีมานี้เธอ คิดว่าฉันจันวิภาโง่ ไร้เดียงสา หลอกง่ายใช่ไหม? เธอ ถึงพูดแบบนั้นออกมา!”
จันวิภากัดฟันพูด อดทนต่อไปไม่ได้ น้ำตาไร้เสียง รินไหลออกมาราวกับสายฝน
เดินทึกนกอรคิดจะอธิบายยังไงต่อไปดีหรือจะ หลอกต่อไปยังไงดี แต่คาดไม่ถึงจันวิภาจะรู้ทุกอย่างหมดแล้ว ยังได้ยินทั้งหมดอีก ทันทีที่หน้ากากถูกกระ ฉาก เธอเงยหน้าขึ้นมองอย่างเย็นชาแล้วตะโกนออก มาทันที : “ไม่ผิดหรอกจันวิทภา เหมือนที่เธอคิดทุก อย่าง ในสายตาฉันเธอมันแค่ปัญญาอ่อน หน้าโง่ เท่านั้น!”
หลังจากพูดประโยคแรกจบ กนกอรหยาบคลาย มากยิ่งขึ้น เธอแคร์อะไรอีกแล้ว ชี้หน้าจันวิภาและเริ่ม ต่าขึ้นมา : “จันวิภา เธอไม่รู้จริงๆเหรอว่ากี่ปีมานานี้เธอ รู้สึกตลอดเวลาตัวเองเก่ง พวกเราต้องอยู่รอบๆเธอ ตลอดเหรอ?
“ฉันไม่เคยคิดอะไรแบบนี้เลย!” จันวิภาตะโกน ออกมา เธอไม่เคยคิดเลยว่าในสายตาของกนกอรเธอ จะเป็นแบบนี้
เธอคิดมาตลอดว่ากนกอรคือเพื่อนที่ดีที่สุด ก็ เหมือนครั้งนี้ที่ต้องการให้กนกอรพัก ต้องสละเกรียติ ของตัวเอง ถูกสุมิตรบังคับให้ทำเรื่องอย่างแต่กลับคิด ไม่ถึง…
“นั้นเธอคิดไปเอง เธอไม่รู้หรอกพวกเราคิดยังไง กับเธอ คนที่ไม่ทีอะไรแบบเธอทำไมนราวิชญ์ถึงสนใจ ดูแล รอคอยมาตลอก แต่สุดท้ายกลับยอมทำผิด แต่งงานให้กับคนมีเงินอย่างสุมิตร? จันวิภาเธอตอบสิ ว่าทำไม? เธอรู้ไหมหลายปีมานี้ฉันอิจฉาเธอเกลียดเธอมาก?” กนกอรสะอื่นพร้อมตะคอกออกมา
“เธอเกลียดฉัน? เธอมีสิทธิ์อะไรเกลียดฉัน?” จัน วิภาหัวเราะรู้สึกเหยียดหยามมากกว่าตอนที่เธอเห็น กนกอรกับสุมิตรอยู่ด้วยกันซะอีก
“ฉันมีสิทธิ์อะไรไปเกลียดเธอ? จันวิภาอย่าแกล้ง โง่เลย ที่เป็นเพื่อนไม่กี่ปีมานี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ สามารถช่วยฉันได้ เธอคิดว่าฉันจริงใจงั้นเหรอ? อย่า ให้ข้าไปหน่อยเลย!”
ใจของจันวิภาเหมือนถูกมีดกรีต : ดีฉันโง่….โง่ เกินไป..ฉันรู้จักคนไม่ดีพอ…”
“รู้จักคนไม่ดีพอ?” กนกอรหัวเราะอย่างเย็นชา: “จันวิภา อย่าพูดให้ตัวเองดูดีเลย ฉันขอบอกเลยนะฉัน กนกอรทั้งสวยทั้งอายุน้อย แล้วของที่เธอมีสิทธ์จะมี แล้วฉันทำไมถึงจะไม่มี? ฉันมีจุดไหนด้อยกว่าเธอเห รอ?
“เธอไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่อยากฟัง…” จันวิภา เจ็บปวดมากเอามือปิดหูไม่ฟังอีกต่อไป
แต่กนกอรยังไม่หยุด พูดอย่างผู้ชนะ”ทำไมฉันจะ พูดไม่ได้? จันวิภา ฉันอิจฉาเธอ เธอมีทั้งนาราวิชญ์และ สุมิตร ฉันกลับไม่มีอะไรเลย!”
“เธอรู้ทำไมฉันถึงอยากจะอยู่ต่อ? อยากจะแยก สามีใช่ไหม? นั้นฉันไม่ได้คิดจะแย่งหรอก แต่เป็นเพราะ เธอเอาสามีของเธอไม่อยู่ เรื่องนี้เธอมาโทษฉันเหรอ?”
คำพูดของกนกอรยิ่งพูดยิ่งน่ารังเกียจ โดยเฉพาะ ประโยคสุดท้าย ทำให้จันวิภาระเบิดออกมา จ้องมอง ด้วยความโกรธพร้อม ตะคอกออกมา”กนกอรเธอไม่รู้ จักคำว่าละอายใจเหรอ?”
“อายอะไรไม่อาย ไม่มีปัญญาเองยังมาโทษคนอื่น อีก จันวิภา เธอไม่รู้สึกที่พูดมามันมากเกินไปเหรอ? เธอ ไม่กี่ปีนี้แสร้งเป็นแม่พระไม่รู้สึกเหนื่อยบ้างหรอ?” กนก อรหัวเราะ
“ทำไม? กนกอร นี้ใช่เธอจริงเหรอ?” จันวิภาไม่ อยากจะเชื่อ
“อะห่ะ จันวิภา สมองเธอมีปัญหาเหรอ? ยังไม่ เข้าใจอีก ฉันไม่ชอบเธอมาตั้งนานแล้ว!” กนกอรยิ้น เย็นชาขณะพูด: “กนกอร ฉันจะบอกเธอให้นะ ถ้าเธอ คิดว่าฉันเป็นพี่น้องจริงๆล่ะก็หย่ากับสุมิตรสิ เติมเต็ม ฉันให้ฉันแต่งกับสุมิตร เธอถึงจะเรียกว่าพี่น้องฉันจริงๆ ไม่งั้นความสัมพันธ์ของเราต่อจากนี้ถือว่าขาดกัน”
“เธอ…กนกอร ทำไมถึงเป็นแบบนี้…” ทำไมถึง หน้าด้านขนาดนี้! จันวิภาโมโหสุดขีด
“ว่าไง เธอไม่ยอมยกสุมิตรให้ฉันไหม?” กนกอร ชมวดคิ้วพร้อมกับคิด และยิ้มเล็กๆจ้องมองจันวิภา พร้อมพูดขึ้น: “จันวิภา ฉันรู้เธอให้ความสำคัญกับ ความสัมพันธ์พี่น้องใช่ไหม เธอลองคิดดูนะถ้าเธอยกสุ มิตรให้ฉัน เธอยังเหลือนราวิชญ์อีก เขารักเธอมากเลย แล้วก็ถ้าเถอะหย่าแล้วละก็เธอก็อยู่ที่นี้ได้นะฉันต้อนรับ เธอเสมอ!”
จันวิภายังงงอยู่ ผ่านไปสักพักใหญ่ถึงจะเรียกสติ กลับมาได้ เธอเงินหน้าขึ้นนัยน์ตาแสนเย็นชาจ้องไปที่ กนกอร สำหรับเธอเธอไม่สนอะไรกนกอรอีกแล้ว
“เรื่องของฉันเธอไม่ต้องยุ่งหรอก แล้วก็ฉันกับนรา วิชญ์เธอก็ไม่ยุ่งด้วย!” จันวิภากัดฟันและพูดอย่างเย็น ชา
กนกอรตกใจ คิดไม่ถึงเลยว่าจันวิภาจะพูดแบบนี้ เลยโกมาก พูดคิดอย่างเคียดแค้น : “จันวิภา นั่ง สารเลวไร้ยางอาย เธอคอยดูแล้วกันสักวันฉันจะแย่งสุ
มิตรมาให้ได้!” พูดจบเธอก็เปิดประตูแล้วออกไปทันที
จันวิภากัดปากและไม่พูดอะไรอีกตามองที่ประตู เธออยู่ในห้องตั้งนาน รู้สึกได้แค่มีนไปหมดหนาวเหน็บ จนสั่นสะท้าน
จันวิภานิ่งไปสักพัก ถึงจะมีสาวใช้เดินเข้ามาแล้ว พูด: “นายหญิงกินข้าวแล้ว”
“ฮะ?” จันวิภาตกใจ รีบพยักหน้า “เดี๋ยวฉันรีบลง
ไป”
จัดการอารมณ์ของตัวเองสักพัก จันวิภาถึงจะตั้ง สติได้แล้วเดินลงไปที่ห้องอาหาร แต่กลับมีเงา 2 คนอยู่ คือ สุมิตรและกนกอร จันวิภาเห็นก็อยากจะหันตัวหนีไป
แต่กลับคิดได้ว่า ที่โชคร้ายนี้คือบ้านของสุมิตร เธอเป็นถึงนายหญิงของบ้านนี้แล้วกนกอรล่ะเป็นอะไร? พอคิดได้แบบนี้จันวิภาก็กำหมัดรีบเดินลงไปทันที
แต่คาดไม่ถึงกนกอรมองเห็นจันวิภาเดินลงไปมาก็ หัวเราะขึ้น: “เอ่า จันวิภา เธอลงมาแล้วหรอ ฉันกำลังจะ ขึ้นไปเรียกเธอลงมากินข้าวเลย”
ขณะพูดเธอก็เรียกจันวิภานั่งลง ราวกับเป็นเพื่อน สนิทอย่างงั้น เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ไม่ได้เกิด