ตอนที่44 งานเลี้ยง หายนะที่ไม่คาดคิด
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน จันวิภาจึงได้ถูกสาวใช้เปลี่ยน เสื้อผ้าให้ แล้วพาลงไปที่ชั้นล่าง
เมื่อเห็นจันวิภาสวมชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ ส่วนเอวตัด รัดรูปเข้ามาอย่างเหมาะสมกับสัดส่วน ทำให้เรือนร่างที่สูงยาว ของเธอเด่นสง่าขึ้นมา เสื้อผ้าตรงส่วนหน้าอกเป็นลวดลายที่ถูก ออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม มันถูกเย็บขึ้นอย่างประณีตแต่กลับใช้ มือทำขึ้นมาล้วนๆ ส่วนเว้านูนที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนมาขึ้น ทำให้สรีระรูปร่างของเธอมีเสน่ห์น่าดึงดูด
แต่เดิมที่เรือนร่างของจันวิภาก็เลิศเลอเพอร์เฟคอยู่แล้ว ควบคู่กับชุดเดรสนี้ที่สร้างขึ้นมาพิเศษเพื่อเธอ ทุกรายละเอียด ต่างก็ถูกจัดทำอย่างประณีต
สาวใช้ม้วนผมให้จันวิภาเสร็จเรียบร้อย เส้นผมสีดำห้อย ย้อยลงมาจากทั้งสองข้างของหน้าผากดูเหมือนกับตกลงมา อย่างไม่ได้ตั้งใจ แต่กลับมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ยิ่งทำให้จุกผม ที่ม้วนไว้อยู่ทางด้านหลังมีความสง่างามและดูอิสระมากยิ่งขึ้น ไปอีก
รวมกับจันวิภาที่เดิมทีก็ค่อนข้างสวยงามอยู่แล้ว ดังนั้นแม้ จะเป็นแค่เพียงการแต่งหน้าที่บางเบา แต่มันก็เจิดจ้าเสียจน ทำให้ดวงตาของผู้คนเบิกกว้างได้!
สุมิตรจ้องมองจันวิภาที่อยู่ทางด้านหน้า ค่อนข้าง ประหลาดใจอยู่เล็กน้อย นัยน์ตาทั้งสองเปี่ยมไปด้วยความงุนงงที่ซ่อนเร้นอยู่ ผู้หญิงคนนี้..ปกติแล้วจะไม่แต่งตัว แต่พอ แต่งตัวแล้ว คาดไม่ถึงว่าจะงดงามเช่นนี้ งามเสียจนน่าตก ตะลึง!
เมื่อเห็นสายตาของสุมิตร จันวิภาจึงยิ้มขึ้นมาแล้วเอ่ยปาก พูดขึ้น “ฉันใส่แล้วดูดีขนาดนั้นเลยหรอ? สวยล่ะสิ? แล้ว พวก เราจะไปไหนกัน?”
คาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะงดงามเช่นนี้ เมื่อคิดว่าเธอชอบ ยั่วยวนคนอื่น และเมื่อคิดว่าคืนแรกของเธอไม่ใช่ตนเองแล้ว สุ มิตรจึงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที สีหน้าเย็นลงอย่างฉับพลัน ความ รู้สึกเจ็บปวดแผ่ซ่านลงในหัวใจ เขาไม่สนใจจันวิภา เปล่งเสียง หือยู่ในลำคอแล้วเดินจากไป
เมื่อเห็นสุมิตรมีท่าทีเช่นนี้อีก จันวิภาจึงทำได้เพียงแค่แลบ ลิ้นออกมา แล้วย่ำรองเท้าส้นสูงที่สูงสิบเซนติเมตรเดินตามไป
สาวใช้ที่อยู่ข้างๆเห็นท้องฟ้าด้านนอกราวกับจะอืมครีมขึ้น มาเล็กน้อย จึงหยิบเสื้อคลุมออกมาไว้หนึ่งชุด แล้วส่งให้กับจัน วิภา
จันวิถารีบร้อน จึงไม่ได้รับมันเอาไว้
เดินมาจนถึงหน้าประตูรถ ก็มีคนเปิดประตูรถให้จันวิภา จันวิภาเหลือบมองเข้าไปข้างในอย่างไม่รู้ตัว ก็ได้เห็นสุมิตร กำลังหลับตาอยู่ ท่าที่ราวกับกำลังพักผ่อนหรือนอนหลับอยู่
หยุดนิ่งไปชั่วขณะ จันวิภาเห็นสีของท้องฟ้าไม่ค่อยดีเท่า ไหร่นัก ดังนั้นจึงคิดขึ้นมาได้ หันตัววิ่งกลับเข้าไปในบ้าน หยิบเสื้อคลุมที่สาวใช้เหล่านั้นส่งให้กับเธอ จากนั้นจึงคิดที่จะสวม ใส่ให้สุมิตร
กลับมาข้างในรถ จันวิภามองดูสุมิตร ตอนที่กำลังสวมใส่ ให้เขาอย่างระมัดระวังอยู่นั้น เขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างฉับ พลัน จับแขนของจันวิภาเอาไว้ แล้วพูดอย่างเยือกเย็น เธอคิด จะทำอะไร?”
จันวิภาถูกสุมิตรจับเสียจนตกใจ จึงรีบส่ายหัวออกไปแล้ว พูดอธิบาย “เปล่านะ ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไร ฉันแค่เห็นท้องฟ้า ด้านนอกมันครีม อากาศใกล้จะเปลี่ยนแปลงแล้ว ฉันกลัวว่า นายจะนอนหนาว! ”
น้ำเสียงของจันดูไร้เดียงสาเป็นอย่างยิ่ง แต่นั่น กลับทำให้นัยน์ตาของสุมิตรดุร้ายยิ่งขึ้น ผมไม่สนว่าเธอจะทำ อะไร แต่ไม่ต้องทำ และอย่ามาสนใจให้มาก”
น้ำเสียงของสุมิตรหม่นหมองเป็นอย่างมาก เขาจ้องมอง จันวิภา แต่ทว่าในใจกับบอกตนเองไม่หยุดหย่อน “เธอเป็น ลูกสาวของผู้หญิงคนนั้น” เธอเป็นโสเภณีที่ไม่บริสุทธิ์เนี่ย!
จันวิภาถูกคำพูดของสุมิตรตอกหน้าหงายไป ได้ยินเตือนที่ไม่อาจให้อภัยได้ของเขา จึงเม้มปาก นั่งลงข้างๆแล้วไม่
พูดอะไรออกมาอีก
จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ชายคนนี้ช่างน่ารังเกียจเสียจริง เธอเพียงแค่อยากที่จะดูแลเขาสักหน่อยก็เท่านั้นเอง แต่กลับ คาดไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เขารังเกียจขนาดนั้น น่าหัวเราะจริงๆให้เขาแข็งตายไปเลยแล้วกัน ที่!
รถกำลังขับเคลื่อนอยู่ เสื้อโค้ทที่ถูกจันวิภาหยิบมาอยู่ใน มือสุมิตรตลอด เพียงเวลาแค่ไม่นาน ตัวของจันวิถาจึงรู้สึก หนาวขึ้นมาเสียเล็กน้อย
ทันใดนั้นจันวิภาก็ได้จามขึ้นมาครั้งหนึ่ง สุมิตรขมวดคิ้ว
จึงจะสนใจเธอ
สุมิตรส่งคืนเสื้อโค้ทให้เธอ แล้วเอ่ยปากพูดอย่างเข้ย หยัน “เรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองก่อน จากนั้นค่อยพิจารณาว่าจะ ดูแลคนอื่นอย่างไงเถอะ! ”
จันวิภาเม้มริมฝีปาก ไม่พูดอะไร ทั้งสองนิ่งเงียบอยู่ตลอด ทางจนถึงโรงแรมที่จัดงานเลี้ยง โรงแรมแห่งใหญ่นี้ตกแต่งได้อย่างหรูหราโอ่อ่า ห้องโถง ที่สวยงามและประตูบานใหญ่สีทองต่างก็ช่วยเติมเต็มซึ่งกัน และกัน และภายในห้องโถงได้ถูกปูไว้ด้วยพรมสีแดงขนาด
ใหญ่ ความนุ่มนวลของพรมผืนนั้นไม่ได้แพ้พรมที่อยู่ในบ้าน
วีระนนท์เลย
จันวิภากวาดสายตามองเฟอร์นิเจอร์ที่อยู่รอบๆ เครื่อง ตกแต่งทุกชิ้นที่อยู่ในนี้ต่างก็มีมูลค่ามหาศาลทั้งสิ้น
แต่ทว่าสุมิตรกลับแสดงความเย้ยหยันต่อพฤติกรรมของ จันวิภาเป็นอย่างยิ่ง เขาพูดออกมาอย่างเย็นชา “เดินไป พวก เรามาสายแล้ว รีบเข้าไปเถอะ! ”
พูดจบ จึงได้ให้จันวิภาเกาะแขนของตนเองเอาไว้ แล้วคน ทั้งสองจึงเดินเข้าไปในสถานที่จัดงานด้วยกัน
ในงานเลี้ยงมีผู้คนเดิมผ่านไปผ่านมาอยู่มากมาย มีหลาย คนที่รู้จักและทักทายกับสุมิตร เขาก็พยักหน้าตอบรับอยู่ หน่อยๆ แต่เห็นได้ชัดว่าจันวิภาที่อยู่ข้างๆกลับระวัดระวังตัวเล็ก น้อย
สุมิตรหยุดนิ่ง แล้วพูดกับเธอ “เธอไปดูรอบๆก่อนเถอะ อีก เดี๋ยวผมจะมาหา” พูดจบ ก็ได้ปล่อยมือของจันวิภาไป
จันวิภาจึงทำได้แค่เดินไปมาอยู่ในงานเลี้ยงคนเดียว นอกจากกินอาหารแล้วก็ไม่มีอะไรทำ
จ้องมองผู้คนรอบข้างที่หัวเราะกันอย่างครึกครื้น เธอสวม ร้องเท้าส้นสูงไว้อยู่นาน จึงรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึง อยากจะหาที่นั่งพักสักหน่อย แต่ทว่าบริเวณโดยรอบต่างก็ได้ ถูกวางแก้วเหล้าเอาไว้จนหมด จันวิภามองอยู่นานแต่ก็หาที่นั่ง พักไม่ได้
ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จันวิภาทำได้เพียงแค่ถอย หลังเข้ามุมห้อง พิงกำแพง แล้วถ่วงไว้ชั่วคราว
ณ ตอนนี้ ทันใดนั้นก็ได้มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมาจากที่ ไม่ไกลนัก
ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดเดรสสีแดงแจ๋ เรือนร่างสวมใส่เครื่อง ประดับแพรวพราว ท่าทางดูเหมือนจะร่ำรวยอยู่เล็กน้อย การ แต่งหน้าก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีรสนิยมเสียเท่าไหร่
ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่จันวิภา มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็ได้พบว่าผู้หญิงคนนี้งามเสียจนน่าตกตะลึง สวยมากกว่า ตนเอง ทันใดนั้นจึงเกิดความอิจฉาขึ้นมาทันที และเอ่ยปากพูด อย่างไม่พอใจ “เธอเข้าใจกฎของงานเลี้ยงนี้หรือเปล่า ที่นี่เป็น สถานที่ที่จะให้เธอพิงหรือไง?”
จันวิภาตกตะลึง แปลกประหลาดใจขึ้นมาทันที เธอเพียง แค่พังอยู่ที่มุมห้องก็เท่านั้นเอง ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ไปได้? !
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาจันวิภาเป็นคนที่ไม่อยากมีปัญหาเกิด ขึ้น เธอเหลือบมองผู้หญิงคนนั้นอยู่แวบหนึ่ง หลังจากหัวเราะ
แล้วพูดขอโทษ เธอก็หันตัวแล้วเตรียมที่จะออกไป
แต่ทว่าผู้หญิงคนนั้นกลับไม่ยอมปล่อยวาง เธอก้าวเดินไป ข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อนแล้วขวางทางจันวิภาเอาไว้ “ทำไม? พึ่งพูดแค่ประโยคเดียวก็จะไปแล้ว ทนฟังไม่ได้หรือไง? ฉันคนนี้ พูดอย่างตรงไปตรงมา แต่เธอนี่กลับเป็นผู้หญิงเจ้าอารมณ์ซะ จริง!
จันวิภาถึงกับพูดไม่ออก รู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงทำได้เพียงแค่เอ่ยคำขอโทษอีกครั้ง แล้วเตรียมที่จะเดินจาก ไป
“ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ เธอจะรีบไปไหนอีก? ไม่มีมารยาท จริงๆ ผู้หญิงอย่างเธอนี่ มาเพื่อล่อผู้ชายสินะ? พูดก็พูดไป วันนี้ สวมชุดอย่างนี้ คิดจะเกี่ยวผู้ชายไปกี่คนกันล่ะ?” ผู้หญิงคนนั้น กรอกตามองจันวิภา เอ่ยปากพูดขึ้นอย่างเหยียดหยามเป็นอย่างยิ่ง
คำพูดของเขาเข้าหูอย่างแรง และเสียงที่พูดก็ตัง ผู้คนที่ อยู่รอบๆต่างก็หันมามองทางด้านของจันวิภาทันที