ตอนที่ 69 อ่านาจที่แข็งแกร่งของสุมิตร
จันวิภาชี้เพื่อต้องการที่จะเอ่ยถาม แต่สุมิตรกลับเดินลง บันไดไป มือซ้ายนิ้วกล่องใบหนึ่ง มือขวาจับมือของเวธัส แล้ว ลากเขาเดินออกไปข้างนอก
“พี่ พี่ทำอะไรน่ะ?” เวธัสค่อนข้างตกใจเมื่อเห็นสุมิตรทำ เช่นนี้ แต่ทว่าไม่อาจต้านทานความแข็งแกร่งจากมือของสุมิตร ได้
จันวิภาก็ตามพวกเขาออกไป จึงพบว่าสุมิตรกับลังโต้เถียง อะไรบางอย่างกับเวธัสอยู่
“ผมไม่ ผมไม่ไป! ” เวธัสกระวนกระวายใจขึ้นมาอย่าง ผิดปกติ แล้วผลักสุมิตรที่ลากมือของเขาเอาไว้อยู่ตลอด
“หลังจากที่นายกลับมาก็แค่มารบกวนผม อาศัยอยู่ที่นี่แต่ ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย และยังไม่ช่วยผมดูแลบริษัทอีก นายไสหัว ไปให้ไกลๆ ดีกว่า ให้พ้นจากสายตาผม ผมจะได้ไม่ต้อง
รำคาญ”
สุมิตรสะบัดมือของเวธัสออกไป แต่กลับยังไม่พร้อมที่จะ ปล่อยให้เวธัสเดินออกไปจากข้างกายตนเอง
“ซื้อตั๋วเครื่องบินไว้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้นายรีบไปซะแม้ว่าสุมิตรจะพูดคุยกับน้องชายของเขา แต่ก็ยังคงดูเหมือนว่า กำลังออกคำสั่งอยู่อย่างไรอย่างนั้น นั่นทำให้เวธัสอารมณ์เสีย อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่มีความกล้าพอ
คิ้วของเวธัสใกล้ที่จะขมวดขึ้นมาแล้ว เขาตระโกน “ให้ เหตุผลผมข้อหนึ่ง”
สุมิตรราวกับจะไม่พอใจกับคำพูดของเวธัส เขาพูดออกมา อย่างเยือกเย็น “เหตุผล? ผมจำเป็นต้องให้เหตุผลอะไรกับ นาย? คำพูดของผม คือค่าสั่ง แม้ว่านายจะเป็นน้องชายก็ตาม ทำตาม ไม่มีสิทธิ์ถาม! ”
หัวใจของเวธัสแทบจะเต้นออกมา “สุมิตร! นายคิดว่า นายเป็นใคร ทำไมถึงมาออกคำสั่งกับผม”
สุมิตรไม่โกรธ แต่กลับยิ้มออกมา เขาตบไหล่ของเวธัส “ฟังผมนะ มันไม่ผิด เรื่องนี้ผมทำเพื่อนาย และนายไม่ได้ชอบ เรียนดนตรีหรือไง? ผมสามารถส่งนายไปเรียนวิทยาลัยดนตรี ชั้นนำที่ต่างประเทศได้ แค่ต้อง….”
“ผมปฏิเสธ! ” เวธัสไม่รอให้สุมิตรพูดจบก็ได้แสดงจุดยืน
ของตนเองออกมา
สุมิตรก็ราวกับจะทำอะไรไม่ถูกอยู่เล็กน้อย แม้ว่าเขาจะทำ เหมือนเย็นชาใส่เวธัส แต่ไม่ว่าอย่างไง เวธัสก็ยังคงเป็นน้อง ชายของเขาอยู่ เขาจะทำเป็นไม่สนใจได้ที่ไหนกันล่ะ
สุมิตรถอนหายใจออกมา เข้าไปใกล้กับใบหูของเวธัส แล้วไม่รู้ว่าพูดอะไรบางอย่าง
หลังจากที่เวธัสได้ยินจึงตกใจเป็นอย่างมาก เขาตระโกน ออกมา งั้นผมก็ยิ่งควรอยู่เลย ผมจะไม่ไป”
รอยยิ้มของสุมิตรแข็งที่อขึ้นมาทันที นัยน์ตาดำทั้งสอง จ้องถลึงมองเวธัสอย่างเยือกเย็นและเอาเป็นเอาตาย พูดด้วย เสียงที่ขุ่นมัว “อย่าพยายามที่จะมาล้ำเส้นของผม นายรู้นี่ ผม รำคาญคนที่มาเพิ่มปัญหาให้ผม”
เวธัสยังคงแสดงท่าทีต่อต้านออกมาอยู่ แต่สิตรกลับผลัก เขาเข้าไปในรถ จากนั้นจึงพูดเตือนเขา “ถ้านายกล้าลงรถ จาก นี้ไปที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านของนายอีกต่อไปแล้ว! ”
ประโยคนี้เกือบจะทำให้เวธัสซึมกระทือ มันไม่มีทางเลือก เขาจึงทำได้เพียงแค่นั่งหายใจหอบอย่างโกรธแค้น
“ให้ผมพูดลากับพี่สะใภ้หน่อย” ในที่สุดเวธัสก็ยอมแพ้ นี่ เป็นการขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา
“ปฏิเสธ!
แม้จะเป็นคำของ่ายๆเช่นนี้แต่ทว่าสุมิตรกับไม่ยินยอม เขาเหยียบคันเร่ง แล้วขับรถออกไปทางสนามบิน แม้เวธัสจะ ร้องตระโกนออกมาก็ไม่สนใจอะไร
จันวิภาคาดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็ว เช่นนี้ เธอยังไม่ทันได้ถามเรื่องของหยกชิ้นนั้น แล้วก็ยังไม่ได้ นอกลากับเวธัสเลย
พอคิดถึงตรงนี้ จันวิภาก็รีบวิ่งออกประตูไป โบกรถแท็กซี่แล้วตามไปที่สนามบิน
เวรัสได้ถูกสุมิตรพาไปที่สนามบิน ในช่วงเวลาที่ตรวจสอบ ความปลอดภัยอยู่นั้น เขาก็ได้พบหยกอยู่บนคอของตนเอง
“นายจะอธิบายอย่างไง?” สุมิตรชี้ไปที่หยกนั่นแล้วเอ่ย ถาม นั่นเป็นของเพียงอย่างเดียวที่เชื่อมความสัมพันธ์ของเขา กับแมวน้อยแปลกหน้าคนนั้นเอาไว้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกเวธัส หยิบเอาไป เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
เวธัสส่งหยกคืนให้กับสุมิตรอย่างไร้ทางเลือก แล้วพูด อย่างสลดใจ “ผมคิดว่ามันสวยดีก็เลยหยิบออกมาดู”
หลังจากเรื่องนี้ได้ปรากฏออกมา ความกระตือรือร้นใน การต่อต้านก่อนที่จะเวธัสก็ตกสู่จุดเยือกแข็ง เขาไม่มีทางเลือก นอกจากนั่งเครื่องบินแล้วบินไปต่างประเทศ
หลังจากที่สุมิตรส่งเวธัสไปเรียบร้อยแล้ว มือข้างหนึ่งก็ได้ ลูบคลำหยก พร้อมกับรอยยิ้มจาก ๆ ที่อยู่บนริมีปาก
ทุกครั้งที่สุมิตรเห็นหยกนี้ เขามักจะจดจำความสัมพันธ์ที่ คั่งค้างของแมวน้อยในโรงแรมในวันนั้นได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาให้มือถูกหยกที่เนียนนุ่มและ อบอุ่น สุมิตรรู้สึกราวกับว่าเขากำลังลูบผิวที่เรียบเนียนของแมว ตัวน้อยตัวนั้นอยู่อย่างไรอย่างนั้น มันแต่ไม่ได้เลยที่จิตใจจะปั่น
ป่วน
ในเวลานี้ เขามองเห็นจันวิภาที่อยู่ใกลออกไป กำลังลงรถแท็กซี่จากทางหน้าต่าง ใบหน้ายิ้มขึ้นมาอยู่เล็กน้อย แล้วหยิบ หยกใส่ในกระเป๋าของเขา
หลังจากที่จันวิภาลงจากรถแท็กซี่แล้วจึงคิดที่จะวิ่งเข้าไป ในสนามบินอย่างรวดเร็ว แต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่าจะไปชนกับ สุมิตรที่เดินออกมาจากทางเข้าสนามบิน
สุมิตรใบหน้าแข็งที่อ จ้องมองจันวิภาที่หน้าแดงทั้งสอง ข้างกำลังหอบแฮ่กๆอยู่ จึงขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “เธอมาอยู่นี้ ได้อย่างไง? มีเรื่องอะไรหรือ?”
เดิมที่จันวิภาต้องการที่จะถามเรื่องหยก แต่ก็ไม่อยากที่จะ ให้สุมิตรรู้ เธอจึงรีบพูดออกไปว่า “เวธัสล่ะ? ไปแล้วหรอ?”
สุมิตรยิ้มแล้วพูดขึ้น “ผมคิดว่าเธอจะมาหาผม ที่แท้ก็มา หาเขา ทำไม? ขาดกนไม่ได้หรือไง?”
จันวิภาไม่สนใจคำถามและความเย้ยหยันของสุมิตร ใน ใจของเธอต่างก็คิดถึงแต่เรื่องหยกนั่น และก็ยังมาไม่ทันที่จะได้ พูกบอกลากับเวธัสอีก
ในเวลานี้จันวิภาเตรียมที่จะเอ่ยถามถึงเรื่องหยกนั่น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงเบรกรถที่แสดดังออกมาอยู่ข้างๆ มัน เกือบจะทำให้แก้วหูของเธอแตะละเอียด
ในขณะที่จันวิภาขมวดคิ้วแล้วมองไปทางด้านหลัง คนชุด ดำกลุ่มหนึ่งวิ่งลงมาจากรถตู้ที่อยู่ข้างๆ มือถือมีดแมเซเทเอาไว้ แล้วฟันมาทางจันวิภากับสุมิตร!
จันวิภาตกใจเสียจนยืนนึ่ง แต่กลับถูกสุมิตรโอบกอดและ ปกป้องจากทางด้านหลัง จากนั้นเขาก็ปะทะ แล้วใช้เท้าเตะคน ชุดดำสองสามคนจนกลิ้งไป
เมื่อมองไปยังมีดที่ถือแกว่งไปมาอยู่รอบๆ จันวิภาไม่รู้เลย ว่าสุมิตรไปล่วงเกินคนโหดร้ายคนไหนเข้า คาดไม่ถึงเลยว่า ต้องฆ่าสุมิตรเช่นนี้
สุมิตรปกป้องจันวิภาอยู่ทางด้านหลัง พร้อมกับต่อสู้กับ กลุ่มที่สิ้นคิดพวกนั้น แต่คนกลุ่มนี้บ้าไปแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะ ถูกสุมิตรต่อยล้มลงไปกี่ครั้ง ก็ยังคงลุกขึ้นมาและสู้กับเขาอีก ในเวลานี้ รถตู้อีกคันก็ได้วิ่งเข้ามา
สุมิตรเหลือบตามอง รู้ได้ทันทีว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของ พวกคนนี้ ดังนั้นจึงตระโกนไปหาจันวิภา “มากับผม เร็วๆ!
สิ้นเสียงลง สุมิตรดึงจันวิภาวิ่งไปทางรถของตนเอง
จันวิภารู้ดีว่าต่อสู้ต่อไปก็ไม่ใช่วิธีที่ดี ภายใต้ความหวาด กลัวจึงหยิบโทรศัพท์ออกมจากอ้อมแขนของเขา เพื่อต้องการที่ จะหาคนมาช่วย
“ยัยโง่เอ้ย ทำไมเธอไม่คิดดูก่อน?” สุมิตรถอนหายใจ ใบ มีดที่อยู่ในมือกับใบมีดของนักเลงทั้งสองคนเข้าด้วยกัน ทำให้ เกิดเสียงแสดดูเป็นอย่างมาก
จากนั้นจันวิภาก็ได้เห็นประกายไฟ พวกนักเลงหยิบมีด เล่มยักษ์ขึ้นมา แล้วฟันไปทางด้านหลังของสุมิตร แต่เขากลับ ไม่สามารถตอบโต้ได้
จันวิภาตกใจเป็นอย่างมาก และก็ไม่รู้ว่าอะไรกระตุ้นให้ เธอผลักสุมิตรออกไป จากนั้นจึงรีบวิ่งไปยังด้านหน้าอย่าง รวดเร็ว
มีดของชายคนนั้นฟันมาทางมือของจันวิภา ตอนนี้สุมิตร จึงจะมีท่าทีตอบสนองออกมา แล้วใช้แรงทั้งหมดเตะไปยังช่อง ท้องของชายคนนั้น
จ็บ!
ใบมีดยังคงฟันมาหาจันวิภา แต่ทว่าที่หลังมือของเธอ
นั้นมีแผลที่แคบและลากยาวหนึ่งแผล เลือดไหลทะลักออกมา
ไม่หยุด
เลือดสีแดงฉาน ผิวหนังที่ขาวซีด มันดูน่าตกใจเป็นพิเศษ
ในตอนนี้ สุมิตรตกใจเป็นอย่างยิ่ง มองอยู่หญิงที่อยู่ตรง หน้าเขาอย่างทำอะไรไม่เชื่อ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิด เหตุการณ์เช่นนี้ต่อหน้าต่อตาเขา
คาดไม่ถึงว่าเธอ…จะไม่ลังเลเลยที่จะช่วยเขารับมีดเช่น