ตอนที่ 74 หัวใจที่ไร้ซึ่งความรัก
นราวิชญ์ยิ้มออกมาแล้วส่ายหัว แล้วพูดกับจันวิภา “เจ้า คนขี้เกียจ เลิกเรียนตั้งนานแล้วยังไม่ตื่นขึ้นมาอีก ผมไม่อยาก ปลุกเธอ ดังนั้นก็เลยรอเธอตื่นอยู่ข้างๆมาโดยตลอด”
จันวิภาบิดขี้เกียจออกมา พยักหน้าราวกับกำลังครุ่นคิด
อะไรอยู่ เธอสังเกตเห็นสิ่งแปลก ๆ อย่างหนึ่งจากดวงตาของ นราวิชญ์
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จันวิภาไม่เคยเห็นถึงสิ่งที่ไม่ บริสุทธิ์ที่ออกมาจากนัยน์ตาของนราวิชญ์
“พี่นราวิชญ์ พี่มาหาฉันมีธุระอะไรหรอ?” น้ำเสียงของจัน วิภาสงบนิ่งอย่างไม่รู้ตัว ดูราวกับเธอจะเล็งเห็นว่าได้มีเรื่องที่ไม่ ค่อยดีได้เกิดขึ้นมา
พี่นราวิชญ์…
ทุกครั้งที่นราวิชญ์ได้ยินจันวิภาตะเบ็งเสียงออกมา ภายในใจก็จะย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ในตอนนั้นทั้งคู่ต่าง ก็เล่นสนุกด้วยกัน มันเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบและสวยงาม ราวกับเทพนิยายก็มิปราน
แต่ทว่า นราวิชญ์ในตอนนี้เริ่มที่จะค่อยๆแยกแยะความแตกต่างได้แล้ว พื้นนราวิชญ์ คำสี่คำนี้เป็นเพียงการยอมรับถึง ตัวตนของเขา ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไร เขาก็เป็นได้เพียงแค่พี่ ชายเท่านั้น
“พี่นราวิชญ์?” หาได้ยากยิ่งที่จันวิภาจะเห็นนราวิชญ์ผิด
หวังขนาดนี้
นราวิชญ์ถูกจันวิภาฉีกกระฉากความคิดของตนเองออก มา เผยให้เห็นรอยยิ้มอันอบอุ่นราวกบดวงอาทิตย์
“จันวิภา ครั้งนี้ที่มาหาเธอ ที่จริงแล้วมันเป็นเพราะว่าผม ต้องการจะไปแล้ว เลยมาบอกลากับเธอสักหน่อย” นราวิชญ์มอ ไปยังนัยน์ตาของจันวิภา จัดระเบียบภาษาของตนเอง มันเป็น ครั้งแรกในชีวิตของเขาที่รู้สึกว่าคำพูดเช่นนี้มันช่างพูดออกมา ได้อย่างเหนื่อยล้าเป็นอย่างยิ่ง การวบรวมวาทศาสตร์ต้องใช้ ความอดทนและความแข็งแกร่งของร่ายกาย หรือแม้แต่เข้า
ญาณ
“ไป? พี่จะไปไหน?”
จันวิภาขมวดคิ้ว
“เมืองนอก”
“จันวิภา ผมอยากจากไปแบบเงียบๆ ไม่อยากทำให้เธอ เสียใจ แต่ไม่กี่วันมานี้ผมคิดอยู่หลายตลบ ในผืนแผ่นดินนี้ ที่ ผมปล่อยวางไม่ลงที่สุดก็คงจะเป็นเธอ มันเป็นความปรารถนา
นราวิชญ์พูดได้อย่างช้ามาก ทุกคำพูดต้องการใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด
จันวิภากระพริบตา ขนตามีความชื้นอยู่เล็กน้อย เธอเม้ม ปากเอาไว้ หลังจากนั้นไม่นานจึงพูดขึ้น “พี่นราวิชญ์ ทำไมพูด เหมือนกับจะลาตายอย่างนั้นล่ะ เป็นก็เป็นเพียงแค่ระยะห่าง ของตั๋วเครื่องบินไม่ใช่หรอ?”
นราวิชญ์ยิ้มออกมา สายหัวแต่ไม่พูดอะไร เขารู้ดี นี่ไม่ใช่ แค่ระยะทางจากประเทศจีนไปยังอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร แต่นั่นคือหัวใจที่ไม่สามารถเอาชนะลงได้ และระยะห่างระหว่าง หัวใจที่ไม่อาจที่จะรักได้
“ผมต้องไปแล้ว ต่อตากนี้เธอก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ ถ้า หากมีเรื่องอะไร ที่พวกเขาจัดการไม่ได้ เธอก็โทรมาหาผมนะ แม้ว่าตัวผมจะอยู่ลับของมหาสมุทร แต่จะช่วยเหลือเธอเต็มที่” นราวิชญ์ยังคงยิ้มอยู่ ผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังรักษาภาพ ลักษณ์ที่สะอาดอบอุ่นและเปี่ยมไปด้วยความปลอดภัยต่อหน้า จันวิภาเอาไว้
จันวิภาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงช่วงเวลาเมื่อสมัยก่อน ในช่วง วัยเด็กที่บริสุทธิ์และสวยงาม พี่นราวิชญ์เป็นเหมือนดั่งผู้พิทักษ์ ของเธอ ทั้งยังเป็นไอดอลที่เธอเชิดชู เธอยังจำได้ว่าตอนที่ พัวพันอยู่กับสุมิตร นราวิชญ์ก็ปกป้องเธอไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้ง ไม่ให้คนอื่นดูถูกเธอ และช่วยเธอออกมาจากไนต์คลับ
แม้ว่าเขาจะต้องยอมแพ้กับภาพลักษณ์ที่อบอุ่นอ่อนโยน และต่อสู้กับสุมิตร
แม้ว่าเขาจะยังคงถูกสุมิตรดูถูกและเหยียดหยาม แต่เขาก็ ยังคงต้องการให้สุมิตรเคารพและรักเธอ
จันวิภายังคงอยากที่จะคลอเคลียอยู่ในอ้อมแขนของนรา วิชญ์จริงๆ แต่ท้ายที่สุดเธอก็ต้องอดกลั้นเอาไว้
ระหว่างคนทั้งสองมีชั้นที่แบ่งกั้นเอาไว้อยู่
ในเวลานี้ที่หน้าประตูห้องเรียน มีเงาคนปรากฏออกมา อย่างเงียบๆ ดวงตาเย็นชากวาดมองทุกอย่างในห้องเรียน ฉากของจันวิภาและนราวิชญ์ถูกเขาเก็บเอาไว้ในสายตาจน เรียบ
สุมิตรหัวเราะเยาะออกมา แล้วก็ค่อยๆสลายหายไปใน
เงามืด
มันเป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกว่าถูกจันวิภาหักหลัง นางผู้หญิง ร่านคนนี้ สอนไม่จำเลยหรือไง?
นราวิชญ์เดินออกไป
และจันวิภาจึงเดินกลับบ้านไปอย่างคนเดียวเปล่าเปลี่ยว
เธอเดินโซซัดโซเซออกไป มันเดินได้ลำบากอยู่เล็กน้อย
แต่ไม่นานหลังจากนั้น ทันใดนั้นยานพาหนะทางด้านหลัง เธอก็ดังขึ้น และกระจกก็ได้ถูกเลื่อนลงมา เยออกมาให้เห็น
ใบหน้าของธนภาค
เขายิ้มแล้วพูด “เช้ คุณหญิง ต้องการให้ผมไปส่งไหม?”
จันวิภาไม่ปฏิเสธ
เธอรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะเดินกลับไป จึง
พยักหน้า และนั่งรถไป
“ขอบคุณนะคุณธนภาค”
จันวิภาไม่ได้รังเกียจธนภาค ครั้งที่แล้วที่อยู่ในในต์คลับ ธนภาคก็ได้ช่วยเธอแก้ปัญหา และในอดีตธนภาคก็เคยทำให้ เธอประทับใจ คือเป็นเจ้าชายที่สง่างามและมีการศึกษา
ธนภาคยิ้ม หมุนพวงมาลัยพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ช่วงนี้ผม ได้ฟังเรื่องราวของเธอมามากมายเลยจากสุมิตร เช่นเรื่องที่เกิด ขึ้นเมื่อก่อน….”
เรื่องเมื่อก่อน? เรื่องอะไรกันล่ะ?
จันวิภาขมวดคิ้ว รอคำพูดหลัจากนั้นของธนภาค
“สามารถตรึงใจนายใหญ่แห่งบ้านชาติพยุงพงษ์ได้ และ ยังแต่งงานเข้าบ้านวิบูลย์ธนภัณฑ์อีก เธอนี่น่าทึ่งจริงๆ”
ประโยคนั้นของธนภาคมันไม่ร้อนและไม่หนาว แต่สิ่งที่จัน วิภาได้ยินมันเป็นคำพูดดูถูกที่เปลือยจ้อน
“ฉันเคยอยู่กับนราวิชญ์มาก่อน เพราะว่าเขาต้องไปเมือง นอกแล้ว ดังนั้นเลยมาเจอฉันเป็นครั้งสุดท้าย คุณธนภาคไม่ได้ ว่าเข้าใจอะไรผิดไปหรอกหรอ เมื่อก่อนฉันเคารพและชื่นชมคุณ หวังว่าคุณธนภาคคงไม่ใช่คนจำพวกคิดไปเองหรอกนะ สิ่งที่คุณพูดสร้างปัญหาให้ฉันได้นะ”
ธนภาคเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อ “ผมก็ฟังสุมิตรมาอีกที เขาโกรธมาก และได้ยินมาว่านราวิชญ์รับปากแล้ว ว่าจะไม่มา หาคุณ แต่วันนี้พวกคุณกลับอยู่กันตามลำพัง ถ้าหากว่าเป็นผม ผมก็คงจะโกรธเหมือนกันนั่นแหละ ยิ่งกว่านั้น มีเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้”
เรื่องที่ธนภาคพูดแน่นอนว่าคงชี้เป้ามาที่จันวิภาถูกวางยา ปลุกเซ็กส์ครั้งนั้น
จันวิภาคาดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะเป็นตราบาปของเธอ เธอ ยิ้มอย่างข่มขื่นละส่ายหัว “คุณธนภาค ฉันกับนราวิชญ์เรามี ความสัมพันธ์กันแค่พี่น้อง โปรดตรวจสอบดูให้แน่ใจด้วยว่า คุณเข้าใจประเด็นนี้ได้อย่างชัดเจน ฉันไม่ได้รักเขาเลย”
ธนภาคพูดพรวดออกมาทันที “คุณรักสุมิตรเข้าแล้วงั้น
หรอ”
จันวิภาตะลึงไปครู่หนึ่ง เธอไม่คาดฝันว่าธนภาคจะถามคำ ถามที่งี่เง่าเช่นนี้ออกมา เธอขมวดคิ้วแล้วพูด “หากมีผู้หญิงคน ไหนตกหลุมรักสุมิตรเข้าจริงๆล่ะก็ ฉันก็คิดว่าคงแค่หลงรักเงิน ของเขาเท่านั้น แน่นอน ฉันไม่ได้รักทั้งคู่ และฉันก็เกลียดเขา มาก”
ทันใดนั้นธนภาคก็พูดติดตลกขึ้นมาทันที “คุณเข้าใจเขา ได้อย่างถ่องแท้ วิปริต ไม่เลวๆ ใครก็ตามที่รู้จักเขาจริง ๆ จะรู้ ว่าสุมิตรมันเป็นโรคประสาทขั้นวิปริตเลยแหละ”
ตอนนี้จันวิภาไม่เข้าใจจริงๆว่าแท้จริงแล้วยนภาคเป็นคน ที่มีวิสัยทัศน์เช่นไร หรือสุมิตรส่งเขามาทดสอบเธอกันแน่?
จันวิภาเอ่ยถามออกไปตรงๆ “ฉันเชื่อว่าที่ได้พบกับคุณธน ภาคที่นี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ งั้นคุณธนภาคเห็นฉันเป็นคน อย่างไง?”