ตอนที่ 72 เขาทายาให้เธอ
พอคิดถึงจันวิภานี้มันน่าเวทนาจริงๆ แต่งกับสุมิตร ไม่มี ทั้งงานแต่ง ไม่มีอิสระ แม้กระทั้งศักดิ์ศรีก็ยังไม่มีเลย
แต่ตอนที่จันวิภาเดินไปที่ประตู เธอก็รู้สึกอีกครั้งว่านี้คือ ความฝันอีกรอบหนึ่ง เพราะว่าเธอมองเห็นสุมิตรทำท่าทาง แปลกๆอยู่ที่หน้าถือกล่องยาสามัญ
ประจำบ้านอยู่ชุด
“กลับไปนั่งที่นิดๆกับจันวิภา แล้วประโยคต่อมา
จันวิภาไม่รู้จะปกติครั้งใหญ่นี้ไม่ เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้นิ่งงงอยู่นิดหน่อย แต่เธอถูสายตาอัน เย็นชาของสุมิตรจ้องอีกรอบ เธอก็เบ้ปากแล้วไปนั่งบนเตียง
สุมิตรมาข้างหน้าของจันวิภาแล้วคุกเขาลงไป เปิดกล่อง ยาสามัญประจำบ้าน หยิบสำลีและแหนบอย่างชำนาญ เทแอล กอฮอร์ฆ่าเชื้อโรคให้เธอ แล้วก็ใช้สำลีซับยาสีเนื้อ ค่อยๆทาลง ที่แผลบนหลังมือของเธอ
จันวิภานอกจากจะรู้สึกสบายเล็กน้อยแล้ว ยังไม่รู้สึกว่า เจ็บอย่างที่เธอคิดไว้เลย เธอคิดว่าถ้าให้ผู้ชายที่ทำเรื่องพวกนี้ ต้องดูเก้ๆกังๆแน่ๆ เธอคิดไม่ถึงว่าการทำแผลของสุมิตรนั้นกลับทำเหมือนเป็นเรื่องที่ทำจนชินแล้วทั้งชำนาญและชำซ่อง จันวิภาสงสัยว่าผู้ชายคนนี้คือเป็นหมอมืออาชีพที่เกิดออก
มาหรือเปล่าเนี่ย
สุมิตรดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติและเซอไพร์ ของจันวิภา เขาเลยพูดเรียบๆขึ้น: “ เรื่องวันนี่ที่เธอเห็นทั้งหมด เรื่องฟันแทงอะไรพวกนี้มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะหนีมัน เรื่องการ ดูแลตัวเองพวกนี้มันก็ควรจะมีสักหน่อย”
จันวิภาตอบรับหนึ่งที่ พอพูดถึงเอกลักษณ์นั้นของสุมิตร แล้วเธอก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
จะหย่าก็คงจะไม่ได้
สุมิตรพูดต่อ: “เธอติดผมสองครั้งแล้วนะ…”
“อะไร?” จันวิภาไม่ค่อยเข้าใจสุมิตรพูดถึงเรื่องอะไร
“2 ครั้ง”
สุมิตรพูด: “2ครั้งที่ไม่ได้ทำให้ผมมีความพอใจ รอบแรก บนเตียง อีกรอบก็ในห้องอาบน้ำ ชัดเจนยัง? หายเจ็บแล้ว เธอ ต้องชดให้ผมนะ ผมเชื่อว่าเธอน่าจะเข้ามาหาผมเองก่อนนะ”
จันวิภาคิดถึงก่อนหน้าที่ยอมเผยร่างกายออกมาให้เขา เห็น คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะกลายเป็นเรื่องให้สุมิตรมาเหน็บเธอ พอคิดถึงเรื่องนี้สีหน้าของจันวิภาก็ซีตขึ้นมา
สุมิตรพูดประโยคพวกนี้ขึ้นอย่างเย็นชา ไม่ทันรอให้จัน
วิภาตอบกลับเขา
เขาก็พูดกับเธอต่อ: “ตอนนี้ผมจะนอนแล้ว เธอควรออกไป
ได้แล้ว”
จันวิภาถูกสุมิตรที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายทำให้คลั่ง มองเขา อย่างเกลียดสักที แล้วก็ยอมที่จะกลับห้องตัวเองไป
ตอนบ่ายนอนเยอะไปหน่อย จันวิภาไม่มีกระจิกกระใจ อยากจะนอน เธอนอนเล่นบนเตียง ในใจคิดถึงแต่เรื่องที่เกิด ขึ้นวันนี้ แล้วก็เรื่องที่เกิดก่อนหน้านี้
“ถ้ารู้แบบนี้นะให้มีดนั้นแทงให้ตายไปเลยก็ดี เรื่องมันจะ ได้จบๆไป”
จันวิภาถีบผ้าห่มอย่างจำใจ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตามเวลาไม่ อาจย้อนไปได้ ถ้าเธอเลือกได้ ชาตินี้ก็ไม่เจอสุมิตรแล้ว
วันที่ 2 จันวิภาเหมือนจะถูกทำให้ตกใจตื่น ไม่ใช่เพราะ ถูกคนไล่ฆ่าในฝันร้าย หรือฝันว่าถูกสุมิตรแกล้งตัวเอง
เธอฝันว่าตัวเองสายแล้ว
สำหรับคนชอบเรียนดนตรีอย่างจันวิภา มันคือฝันร้าย อย่างไม่ต้องสงสัย
ยังดีที่ตื่นขึ้นมามองนาฬิกา พยายามขยี้ตาที่ง่วงของตัว เอง จันวิภาเห็นว่ายังพอมีเวลา รีบจัดการตัวเองง่ายๆ รีบพุ่ง ออกไปที่ประตู
“หยุดเดี๋ยวนี้”
เพิ่งจะถึงประตู ผ่านห้องนั่งเล่น เสียงแสนเย็นชาของสุมิต รอยู่ๆที่เปล่งออกมา
ในใจจันวิภาคิดว่าไอ้หมอนี้อยู่ๆเกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีก เธอ หันหน้ากลับไปมองสุมิตรอย่างไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ออกไป
เติมที่สุมิตรอย่างจะสั่งสอนจันวิภาสักหน่อย แต่เพิ่งตื่น นอนไม่มีใจอยากจะพูดอะไรมากมาย เลยถามอย่างเย็นชาสัก หนึ่งประโยค: “เธอทำอะไร?”
จันวิภาเบ้ปากพูด: “ไปเรียน จะสายแล้ว” พูดจบก็จะเดิน ออกไปข้างอก
“ผมบอกให้เธอหยุด!” สุมิตรตะโกนออกมาด้วยความ โกรธ จันวิภาจำใจต้องหันตัวกลับเพื่อที่จะระบายความโกรธ ออกมา สุมิตรก็พูดอย่างเรียบๆขึ้น: “วันนี้เธอยังเจ็บอยู่ ไม่ต้อง ไปโรงเรียนหรอก”
“แต่มันเพิ่งเปิดเรียนไม่นานเองนะ ฉัน..” จันวิภายัง เตรียมตัวที่จะไป ดูเหมือนจะรีบร้อนจองที่นาฬิกาข้อมือของตัว เอง
“ฉันอะไรล่ะ ผมโทรบอกอธิการลาหยุดให้เธอแล้ว” สุมิตร
พูด
“งั้นฉันก็ต้องไป ช่วงนี้เป็นวิชาดนตรีทฤษฎี มือเจ็บแค่นี้ไป เรียนได้ไม่มีปัญหาหรอก” จันวิภาส่ายหน้าปฏิเสธสุมิตร
นัยน์ตาสุมิตรเย็นชาเล็กน้อย พูด: “เป็นภรรยา ให้สามีกิน ข้าวเข้าคนเดียวได้ไง?”
จันวิภาไม่พูดแล้ว ขยับเก้าอี้แล้วนั่งลงไป ใช้ข้อนหั่น ขนมปังในจาน กินเข้าอย่างมูมมาม
แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจต่อสุมิตร แล้วก็หมายความ
อยากรีบกินรีบไปเรียน
แต่สุมิตรเพิ่งเริ่มกินข้าวได้ไม่นาน จันวิภาก็วางช้อนลง พูดขึ้น: “ฉันต้องไปแล้ว”
ครั้งนี้สุมิตรไม่รั้งอะไร
เดินบนถนน จันวิภาคิดถึงเรื่องเมื่อวาน ในใจก็รู้สึกเย็น
วาบขึ้น
มองเห็นแผลยาว จันวิภารู้สึกเหมือนตัวเองขาดทุนยับเลย แล้วเธอก็คิดถึงสุมิตรในมุมมาเฟียแล้วในใจก็ไม่อาจที่จะเย็น เฉียบขึ้นมาได้
ในความคิดของเธอ กลุ่มมาเฟีย คือพวกที่ทำอะไรโดยไม่ สนอะไรทั้งนั้น เป็นคนที่ไร้จิตสำนึก
แต่เธอเป็นภรรยาของสุมิตร ถ้ามีคนจับเธอมาล่อสุมิตรล่ะ
ก็ แน่นอนผลก็คือ..
ในใจของจันวิภาอยู่อยู่ก็เกิดกลัวขึ้นมา
แต่อยู่อยู่ก็มีเสียง”ซวบ” ขึ้นมาหนึ่งเสียง
จันวิภาใต้ยินเสียงล้อรถเสียดสีบนถนน ก็หันหน้าไป มีรถ คันหนึ่งกำลังเข้ามาหาเธอ แล้วกำลังบีบแตรอย่างบ้าคลั่ง
ตอนที่เธอกำลังเดินคิดเรื่องโน่นเรื่องนี้อยู่ ไม่ทันตั้งตัวก็ ถึงทางม้าลายแล้ว
เธอรีบเดินขึ้นทางเท้า แต่ไม่ระวังเท้าเกิดพลิกขึ้นมา ล้มลง ที่ทางเท้านั้น ความเจ็บพุ่งขึ้นมา!
น้ำตาของจันวิภาเล็ดออกมา พยายามปีนขึ้นมาอยากจะ โบกรถสักคัน แต่กลับไม่มีใครมาสนใจเธอเลย
ทำยังไงดี? จันวิภากัดฟัน
ตัวเธอตอนนี้ไปไม่ถึงโรงเรียนแน่ๆ แล้วก็ไม่มีรถพาเธอ
ในตอนที่จันวิภาร้อนรนอยู่นั้น รถสีขาวคันหนึ่งมาจอด
ไป.
ตรงหน้าเธอ
จันวิภาพูดในใจ ไม่คิดเลยว่าจะมีคนดีมาช่วยแล้ว?
ประตูรถเปิดออก สิ่งแรกที่จันวิภาเห็นคือขาที่เซ็กซี่และดู สง่างามคู่หนึ่ง ต่อมาก็ชุดสูทสีชมพู มองขึ้นไปอีกก็เจอไปหน้าที่ ยิ้มแย้ม และผมดำเข้มยาวราวกับน้ำตก
ผู้หญิงคนนั้นลงจากรถ เดินอย่างสง่ามาที่ข้างหน้าจันวิภาะ “มีอะไรให้ช่วยไหม?
จันวิภาไม่รีรอที่จะคิดแล้ว รีบพยักหน้า ในใจคิดว่าผู้หญิง คนนี้ไม่ใช่แค่สวยแต่จิตใจยังดีงามอีก โลกนี้ยังมีคนดีดีอยู่อีก มากมายจริงๆ
“ฉันส่งเธอที่โรงพยาบาลแล้วกัน” ผู้หญิงคนนั้นต่อยๆจับ และพยุงจันวิภาอย่างอ่อนโยน พยุงเธอเข้าไปที่ข้างในรถ
ตอนรถกำลังขับอยู่ จันวิภาก็คุยกับผู้หญิงคนนั้นมากมาย แต่รายละเอียดต่างๆ ที่ได้มามีแค่ชื่อของเธอเท่านั้น
เธอชื่อนวาระ