ตอนที่ 94 หนึ่งคลื่นสามทิศทาง
จันวิภาตกตะลึง ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง เธออยากที่จะวิ่งหนี ออกไป แต่ก็กลับถูกนวาระขวางทางเอาไว้ “จันวิภา การเป็น คนถ้าไม่รู้จักตัวเองมันไม่ดีนะ กำจัดเชื้อชู้ของเธอทิ้งไป เถอะ ” !
สุมิตรไม่ได้พูดอะไร สายตาที่เยือกเย็นจ้องมองดูเรื่องราว ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่อยากที่จะไปยุ่งด้วย พอคิดว่าในท้องของ จันวิภามีเลือดเนื้อเชื้อไขของนราวิชญ์อยู่ ภายในใจของเขามัน ก็ยากที่จะสงบลง
จันวิภาตระโกนด้วยเสียงที่แหบแห้ง “สุมิตร มีปัญหาอะไร นายก็มาหาฉัน จะด่าจะตีฉันอย่างไงก็ได้ แต่เด็กบริสุทธิ์ นาย อย่าได้ใจร้ายใจดำอย่างนี้เลย”
“ฉันใจร้อนงั้นหรอ? จันวิภา เธอลองถามใจตัวเองดู มีครั้ง ใหนบ้างที่เธอได้รับบทเรียน นึกไม่ถึงเลยว่าจะอยากให้เชื้อ พันธุ์ลูกชายชู้นราวิชญ์นั่นเกิดมา ที่แท้ก็ต้องการเห็นผลงานที่ เป็นพยานความรักของพวกเธองั้นหรอ?”
สุมิตรหัวเราะเยาะ เดินเข้าไปหาบอดี้การ์ดแล้วออกคำสั่ง “กำจัดเด็กโสโครกที่อยู่ในท้องของเธอทิ้งซะ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้! ”
เมื่อเสียงสิ้นสุดลง ชายฉกรรจ์ทั้งสองเดินเข้ามาข้างหน้าลากจันวิภาลงมาจากเตียงอย่างป่าเถื่อน เพื่อไปทางแผนกสูติ
นารี
“ปล่อยฉันนะ!
” จันวิภาร้องไห้ออกมา
สุมิตรไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อย พอคิดว่าเด็กในท้องเป็น ลูกของนราวิชญ์แล้ว เขาก็ไม่อาจที่จะใจอ่อนได้!
จันวิภาขัดขืนอย่างรุนแรง ดิ้นรนจนสุดชีวิต ใช้แรงที่มี
ทั้งหมด ในร่างกาย แต่ด้วยเหตุนี้ ระหว่างขาทั้งสองข้างของ เธอจึงมีเลือดไหลออกมา
จันวิภาตกตะลึง หยุดการกระทำที่ขัดขืนลง หรือว่าทารก
น้อยจะจบสิ้นลงทั้งอย่างนี้?
ไม่ยอม..ทารกน้อยของเธอ..จะจบลงทั้งอย่างนี้งั้น
หรือ..
ณ ตอนนี้
ด้านนอก
ทันใดนั้นจู่ๆประตูก็ถูกเตะเปิดออกจาก
“ปล่อยเขา! ” เสียงดังขึ้นมา นราวิชญ์บุกเข้ามาแล้ว
ที่แท้เขาก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
แต่แรกนราวิชญ์ก็ไม่ได้วางใจอยู่แล้ว จึงกลับมาดู ไม่คาด คิดเลยว่าพึ่งจะกลับมาแท้ๆกลับได้เห็นเรื่องเช่นนี้เข้า เธอโดน รังแกอีกแล้ว
นราวิชญ์หันมามอง จึงได้เห็นจันวิภาที่ใบหน้าขาวซีด ผม พันกันยุ่งเหยิง ทั้งยังมีเลือดไหลออกมาอีก ดวงตาของเขาแดงขึ้นมาทันที
“สารเลว! ” นราวิชญ์ก้าวไปข้างหน้า ปล่อยกำปั้นออกไป สองหมัดทันที แล้วโค่นล้มชายฉกรรจ์สองคนนั้นลง จากนั้นจึง เข้ามาประคองจันวิภา “จันวิภาเธอไม่เป็นไรนะ?”
ชายฉกรรจ์สองคนนั้นจึงฉวยโอกาสเข้ามาโจมตีนราวิชญ์ ทันที แต่ทว่ากลับถูกสุมิตรโบกมือให้ล่าถอยออกไป
สุมิตรมองนราวิชญ์อย่างเย็นชา แล้วพูดขึ้นอย่างเหยียด หยาม “นราวิชญ์ นายคิดจริงๆหรอว่าฉันสุมิตรผู้นี้จะเป็นคนที่ โดนรังแกได้ง่ายๆ? เรื่องของครอบครัวฉันนายมายุ่งซ้ำแล้วซ้ำ อีก นายจะทำอะไรกันแน่?”
เมื่อนราวิชญ์เห็นว่านายฉกรรจ์ทั้งสองคนหยุดมือลงชั่ว ขณะ ดังนั้นจึงพยุงจันวิภาขึ้นไปบนเตียง จากนั้นจึงตะโกนด้วย เสียงแห่งความโกรธ “สุมิตร นายยังเป็นคนอยู่มั้ย? ทำไมนาย ถึงทำกับจันวิภาอย่างนี้?”
สุมิตรพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ไม่งั้นแล้วจะทำไม? จะ ให้นางร่านนี้คลอดลูกของแกที่บ้านวิบูลย์ธนภัณฑ์งั้นหรอ?”
“ฉันก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ไง! ” เมื่อนราวิชญ์ได้ยินเสียงของ สุมิตรที่ไร้ซึ่งเหตุผลและหยาบคาย ภายในใจจึงโกรธขึ้นมาอีก ครั้งอย่างยากที่จะควบคุม เท้าข้างหนึ่งกระแทกไปที่ด้านข้าง
ของสุมิตร สุมิตรแฝงกายปิดบังตนเองอยู่ในเส้นทางสายนี้มานาน หลายปีแล้ว จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะถูกนราวิชญ์โจมตีได้อย่าง่ายตาย เขาเอียงตัวหลบฝ่าเท้าอย่างนุ่มนวล หัวเราะเยาะแล้ว พูดขึ้น “ฉันจะดูว่านายมีความสามารถที่จะต่อกรฉันได้ไหม”
พูดไปพลาง ชายทั้งสองคนก็ได้ประมือกัน
“แกมันสารเลว ไม่เหมาะสมกับจันวิภาหรอก” นราวิชญ์
ตะคอกออกไป
สุมิตรหัวเราะ “นายนี่มันขยะจริงๆ เป็นชู้กับภรรยาของฉัน และก็ยังปรารถนาที่จะให้เด็กเวรนั่นเกิดมาอีก! ”
เมื่อคนทั้งสองยากที่จะเอาชนะกันได้ ทันใดนั้นจู่ๆธนภาค
ก็ปรากฏตัวออกมา
“นี่มันเกือบจะมีคนตายอยู่แล้ว ทำไมพวกนายยังจะวิวาท กันอยู่อีก! ” ธนภาคยืนอยู่ตรงประตูห้องผู้ป่วย จ้องมองดูคน ทั้งสองคนที่อยู่ข้างไหนตะโกนด่ากันด้วยความโกรธแค้น
เมื่อสุมิตรฟังจบ จึงเตือนเขาอย่างเยือกเย็น “ธนภาค นาย อย่ามายุ่งให้มันมากนัก ฉันจะเตือนนายไว้ นี่มันเป็นเรื่องของ ครอบครัวฉัน”
ธนภาคยักไหล่ขึ้น เขาไม่สนใจคำเตือนของสุมิตร ขมวด คิ้วแล้วพูดขึ้น “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องในครอบครัวของใครก็ไม่
สามารถเล่นกับชีวิตของมนุษย์ได้”
พูดไปพราง เขาก็เดินเข้ามาตรงๆ โน้มตัวแล้วอุ้มจันวิภาที่ อยู่ข้างๆขึ้นมา ก้าวเท้ายาวแล้วเดินออกไป เพื่อต้องการไปหา หมอให้รีบช่วยชีวิตโดยด่วน!
นราวิชญ์ยิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่สนใจสุมิตรอีกต่อไป ก้าวขาแล้ว
วิ่งตามธนภาคไป
ห้องคนไข้ที่อีกทึกครึกโครมเมื่อครู่นี้จู่ๆก็เงียบสงัดลง ณ ตอนนี้มีเพียงแต่เสียงหอบที่หนังหน่วงของสุมิตร แต่ ทันที เขาไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้ ทำเพียงแค่นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้าง กาย มองไปทางหน้าต่าง หลับตาทั้งสองลงอย่างเจ็บปวด ภายในใจคิดถึงใบหน้าที่ขาวซีดของผู้หญิงคนนั้น
จันวิภา…จันวิภา….เขากำลังลังเลว่าจะไปดูจันวิภาดี
หรือไม่
บางทีเขาอาจจะกำลังเป็นห่วงจันวิภา แต่ทว่าตนเองไม่ ต้องการที่จะยอมรับมัน
ในเวลานี้ผู้ที่มีความหดหู่และโกรธแค้นที่สุดไม่ใช่ใครอื่น คนนั้นคือนวาระนั่นเอง เธอไม่เข้าใจจริงๆว่านางร่านอย่างจัน วิภามีอะไรดี นราวิชญ์ทำให้เธอเจ็บปวดเช่นี้ ทั้งยังตอนนี้ แม้แต่ธนภาคก็ป้องกันเธอ
เมื่อคิดเช่นนี้ ความโกรธของนวาระก็ได้หยุดนิ่งลง ในใจ เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกอิจฉา กระทั่งกำหมัดจนเล็บจิกเข้าไปใน อุ้งมืออย่างเจ็บปวด โดยที่ไม่ทันได้สังเกต
ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าสุมิตรจะสงบจิตใจของตนเองลง ได้ จากนั้นจึงมองไปยังเตียงที่อยู่ด้านหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เตียงในตอนนี้ว่างเปล่า ผ้าห่มสีขาวถูกย้อมไปด้วยคราบ เลือดอยู่เล็กน้อย มันช่างเสียดแทงสายตาเสียจริง
กำหมัดจนแน่น สูตหายใจเข้าลึกๆ สุมิตรหลับตาลง ดู เหมือนว่ารอบๆตัวเขาบรรยากาศจะเย็นลงมาอย่างฉับพลัน ทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้ แม้แต่นวาระก็มองดูสุมิตรอย่าง งุนงง และไม่กล้าที่จะไปยั่วยุเขา
สุมิตรนั่งอยู่ในห้องคนไข้เป็นเวลานาน จุดซิการ์ขึ้นมาสูบ จนหมด คิดถึงสายตาที่สิ้นความหวังและใบหน้าที่ขาวซีดก่อน หน้านี้ของจันวิภา ในใจจึงเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอยู่เล็ก น้อย
ทำไมตนเองถึงเจ็บปวดใจกับนางแพศยานั่นกันนะ? !
หัวเราะออกมาอย่างเยาะเย้ย หลังจากดับซิการ์ สุมิตรก็ ยืนขึ้นมา แล้วเดินออกไป ไม่สนใจนวาระที่อยู่ข้างๆเลยแม้แต่
น้อย