ตอนที่ 105 เห็นได้ชัดว่าแมวป่าตัวน้อยเป็นเธอ
“ทำไมเธอถึงมาหาฉันล่ะ? ถ้าถูกสุมิตรรู้มันจะไม่ดีเอานะ” หลังจากที่จันวิภาออกมาหาธนภาคแล้ว เขาจึงหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยถามเช่นนี้ออกมา
เมื่อได้ยินดังนั้นจันวิภาจึงพูดขึ้น “ธนภาค ฉันอยากถาม นายหน่อย เกี่ยวกับเรื่องที่นายคุยกับฉันครั้งที่แล้วตอนที่อยู่ใน โรงบาลเรื่องนวาระเจอกับสุมิตรโดยบังเอิญในโรงแรมนั่น”
ทำไมจู่ๆจันวิภาก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมากัน? !
ช่วงนี้ธนภาคกำลังตรวจสอบเรื่องของนวาระอยู่ พบว่านับ วันจุดที่น่าสงสัยก็ยิ่งมากขึ้น และตอนนี้จู่ๆจันวิภาก็ดันถามขึ้น มาอีก ภายในใจเขาจึงมีลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดีบางอย่าง
ธนภาควางแก้วกาแฟด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม นิ้วทั้งสิบ ประสานกัน เขาจ้องมองจันวิภา แล้วเอ่ยปากพูดขึ้น “ว่ากัน ตามตรงแล้ว ครั้งที่แล้วเรื่องที่ฉันบอกกับเธอในโรงพยาบาล สุ มิตรเอาใจใส่แมวป่าน้อยน้อยนั่นจริงๆ แต่ฉันคิดว่า..
ภายในใจของจันวิภาบีบแน่นขึ้น เธอจ้องมองธนภาค อย่างเงียบๆ แล้วเอ่ยถาม “แต่อะไร?”
ธนภาคตอบคำถาม เขามองไปที่แววตาของจันวิภาอยู่ ตลอด แล้วเอ่ยถามอย่างไม่ได้ตั้งใจ “แต่ทำไมเธอถึงถามเรื่อง นี้ขึ้นมาได้?”
“ฉัน….วันนี้ฉันเห็นนวาระมีท่าทีแปลกๆ และสุมิตรก็ดู เหมือนจะทำกับเธอไม่ค่อยดี ฉันก็เลยคิดว่าทั้งสองคนคงจะ ทะเลาะกันล่ะมั้ง ยิ่งไปกว่านั้นครั้งที่แล้วก็ได้ยินนายพูดว่าสุ มิตรสนใจใยตีนวาระมาก ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ วันนี้ทำไมเขา ถึงทำกับนวาระอย่างนั้นล่ะ” จันวิภาพูดหาข้อแก้ตัว โดยใช้ค่า พูดของธนภาคเอง
ผลคือ เมื่อธนภาคใต้ยินจันวิภาพูดเช่นนี้ ก็ส่งเสียงต่ำออก มาเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงตัดสินใจที่จะเอาเรื่องที่ตัวเองกำลัง ตรวจสอบนวาระอยู่บอกกับจันวิภา “คือฉันสงสัย นวาระอาจจะ ไม่ใช่แมวป่าตัวน้อยที่สุมิตรกำลังตามหา”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของจันวิภาก็เปลี่ยนไป ลางสังหรณ์ ที่อยู่ในใจกลับยิ่งเด่นชัดมากยิ่งขึ้น เธอจ้องเขม็งมองธนภาค แล้วเอ่ยถามอย่างร้อนรน “นายพูดว่านวาระไม่ใช่แมวป่าตัว น้อยที่สุมิตรตามหางั้นหรอ? ! ทำไมถึงพูดอย่างนี้ ? ! ”
“ตอนนี้ฉันยังพิสูจน์ไม่ได้ว่านวาระไม่ใช่แมวป่าตัวน้อยที่สุ มิตรตามหา แต่ฉันจะต้องกระชากตัวตนที่แท้จริงของเธอออก มาให้ได้ และ..”
ในขณะที่พูดอยู่ จู่ๆธนภาคก็ตระหนักได้ว่าตนเองพูดมาก เกินความจำเป็นแล้ว และไม่ควรที่จะเปิดเผยเรื่องนี้ให้จันวิภารู้มากเกินไป
อย่างไรก็ตามจันวิภากำลังจมดิ่งลงกับการครุ่นคิดของ ตนเอง เธอได้ยินเพียงแค่ครึ่งแรก และไม่รู้ว่าธนภาคจะพูด อะไรออกมาอีกในครึ่งหลัง ประโยคนั้นสะท้อนดังก้องอยู่ใน สมอง “นวาระไม่ใช่แมวป่าตัวน้อยที่สุมิตรตามหา”
ถ้านวาระไม่ใช่คนที่สุมิตรตามหาจริงๆ ถ้างั้นจะต้องมีอีก คนหนึ่ง…ที่อยู่ในโรงแรมคืนนั้นแล้วถูกคนแปลกหน้าชิงเอา ครั้งแรกไป จากนั้นจึงทำหยกที่สำคัญตกหายไป แล้วถูกสุมิตร เก็บเอาไว้ได้
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ หากอยู่บนเส้นเดียวกันล่ะก็ มีเพียงคน เดียวที่มีประสบการณ์เช่นนี้ก็คือตัวของจันวิภาเอง!
มิเช่นนั้น ทำไมจึงมีสองเรื่องราวที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก และมีหยกที่เหมือนกันอย่างกับแกะอีก? !
“ธนภาค ฉันถามนายหน่อย โรงแรงที่สุมิตรพูดถึงใช่ โรงแรมเด่นภูมิหรือเปล่า? สถานที่ที่เขาพูดถึงคงไม่ใช่โรงแรม เด่นภูมิหรอกนะ?” จันวิภาระงับความตระหนกที่อยู่ในใจ เอ่ย ปากพูดออกมาอย่างสั่นเครือ
ธนภาคตกตะลึง ดวงตาเบิกกว้าง “เธอรู้ได้อย่างไง? ว่าสุ มิตรกับแมวป่าตัวน้อยมีความสัมพันธ์กันที่โรงแรมเด่นภูมิ นั่น! ”
“มันเป็นวันที่แปด เดือนกรกฎาคมใช่มั้ย?” จันวิภากัดริม ฝีปากอย่างรุนแรง แล้วเอ่ยถามต่อไป เธอยึดตัวตรง เพื่อไม่ให้ตัวเองสั่น
ธนภาครู้สึกแปลกใจ และตกใจเป็นอย่างมากที่จันวิภารู้ เรื่องนี้ แต่ว่า เขายังคงพยักหน้า “ใช่มันเป็นวันที่แปด เดือน กรกฎาคม พ.
เสียง “ตู้ม-” จันวิภารู้สึกว่าสมองของตนเองได้ระเบิด ออกมาแล้ว เธอรู้สึกตกใจกับความจริงเช่นนี้ ที่แท้ครั้งแรกของ เธอ ผู้ชายที่เอาเธอตอนนั้นก็คือสุมิตรนั่นเอง!
แต่เธอก็ได้แต่งงานกับสุมิตรอย่างไม่คาดคิด เพราะเธอ ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์จึงถูกกลั่นแกล้งและทำให้อับอายเป็นอย่าง มาก
จันวิภารู้สึกว่ามีสายฟ้าตกลงมาจากฟากฟ้า และผ่าเธอ อย่างไม่อาจปัดป้องได้
คำพูดที่พูดออกมาเช่นนี้ ไม่ว่าเด็กในท้องจะเป็นอย่างไรก็ คือลูกของสุมิตร!
ผ่านไปครู่หนึ่ง จันวิภาตะลึงอยู่ตรงนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก สีหน้าขาวซีดอยู่เล็กน้อย แลดูสับสน
เมื่อเห็นจันวิภาไม่ตอบสนองต่อคำพูดของตนเอง ธนภาค จึงมองไปที่จันวิภาอย่างไม่เข้าใจ เธอราวกับจะประสบกับเรื่อง อะไรบางอย่างที่หนักหน่วง และยืนมีนอยู่ตรงนั้น
“เป็นอะไรไป?” ธนภาคมองเห็นความผิดปกติของเธอ จึง อดไม่ได้ที่จะถาม
“จ่าฉันก็คิดได้ว่ามีเรื่องบางอย่างที่สำคัญมากต้องไปทำ ฉันไปก่อนนะ” หลังจากมีสติกลับคืนมา เธอจึงพูดออกไปอย่าง ช่วยไม่ได้
อารมณ์ในตอนนี้ของจันวิภายากที่จะควบคุมได้ ความคิด และเทะราวกับโจ๊ก ไม่รอให้ธนภาคเอ่ยปากเหนี่ยวรั้ง หนีกลับ มาที่บ้านเสียแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้จันวิภาคาดไม่ถึงเลยก็คือ เมื่อเธอกลับมาถึง บ้าน ก็ได้เห็นสุมิตรและนวาระกำลังพูดคุยกระหนุงกระหนิงกัน อยู่ที่ห้องรับแขก
จันวิภาสีหน้าขุ่นมัว เธอไม่ต้องการยอมรับว่าผู้ชายที่ เหมือนกับสัตว์ป่าคนนี้คือคนเดียวกับชายแปลกหน้าที่มีความ สัมพันธ์กับเธอในคืนนั้น
นวาระพิงกายอยู่บนเรือนร่างของสุมิตร สุมิตรตะแครง หน้าเพลิดเพลินไปกับผมที่แสนจะนุ่มสลวยของนวาระที่โรยอยู่ บนหน้าอก ทั้งสองคนดูเหมือนจะหวานชื่นกันเป็นพิเศษ
ทั้งสองคนที่อยู่บนโซฟาได้ยินเสียงจึงมองออกไปทางหน้า ประตู ตอนที่สุมิตรเห็นจันวิภา ก็หันสายตากลับไปอย่างไม่ ลังเล
แต่นวาระกลับมองจันวิภาด้วยรอยยิ้ม ดวงตาทั้งสอง เปี่ยมไปด้วยความโอ้อวด
“ที่ วิปริตจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ส่อสันดานสัตว์ออก มา” จันวิภาที่เห็นฉากนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดเยาะเย้ยออกมา
“นางแพศยา ออกไปเกี่ยวผู้ชายกลับมาอีกแล้วหรอ?”
น้ำเสียงของจันวิภาสิ้นสุดลง สุมิตรผลักนวาระออกไป ด้วยสีหน้าที่ขุ่นมัว มองจันวิภาด้วยสายตาที่ไม่มีความอบอุ่น อยู่เลยแม้แต่น้อย “รีบฉวยโอกาสตอนที่ฉันยังไม่โกรธ ใสหัว ออกไปซะ! ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของสุมิตร จันวิภาก็คิดถึงเรื่อง ครั้งนั้นที่อยู่ในโรงแรมขึ้นมาได้ ภายในใจราวกับถูกก้อนหิน ใหญ่ยักษ์กดทับเอาไว้ทำให้ไม่อาจก้าวเดินออกไปได้ เห็น สายตาของสุมิตรราวกับเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น
เมื่อสุมิตรเห็นความผิดปกติของเธอ จึงขมวดคิ้วแล้วพูด ขึ้น “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก? ที่แท้เธอก็อยากจะให้ฉันทำให้ อับอายอีกครั้ง?”
“ไสหัว?” จันวิภาหัวเราะหีๆออกมาอย่างสะเทือนใจ “มี สิทธิ์อะไรมาให้ฉันไสหัวไป แทนที่จะเรียกคนที่อยู่ข้างนายให้ ใสหัวไป เมื่อเทียบกับเธอแล้ว ฉันเป็นภรรยาที่ชอบธรรมของ นาย! และเป็นนายหญิงที่แท้จริงของบ้านหลังนี้!
“นางแพศยา เธอไม่คู่ควรที่จะเปรียบเทียบกับเธอ! เธอ เป็นนางสารเลวที่ยั่วผู้ชายไม่เลือกที่ จะเอาอะไรมาสู้กับนวาระ ที่ให้ครั้งแรกกับฉัน?”
“ครั้งแรก ฮ่าๆๆ….น่าหัวเราะจริงๆ! ” จันวิภาอดไม่ไหว จริงๆ หัวเราะออกมาอย่างน่าเวทนา มันช่างเศร้าโศก ช่างเศร้า โศกเสียจริง
สายตาของสุมิตรหม่นหมอง เสียงหัวเราะของจันวิภาข่าง ท้าทายกับเส้นตายของเขา นัยน์ตาของสุมิตรส่องประกาย จ้อง มองจันวิภาอย่างขุ่นมัว แล้วพูดสั่งออกไปว่า “ในเมื่อเธอไม่ไป งั้นก็เข้ามาปรนนิบัติฉันซะดีๆ ฉันจะพูดอีกครั้ง ไม่งั้นล่ะก็..”
บรรยากาศรอบตัวสุมิตรมันทั้งเปี่ยมไปด้วยความ อันตรายและไม่อาจต้านทานได้
ถ้าในวันปกติ เมื่อจันวิภาเห็นสุมิตรเป็นเช่นนี้ก็คงจะกลัว จนตัวสั่น แต่ทว่าวันนี้มันไม่ใช่
ตลอดชีวิตของจันวิภาเคยขึ้นเตียงกับผู้ชายเพียงคนเดียว นั่นก็คือสุมิตร เด็กที่อยู่ในท้องก็ต้องเป็นของเขาแน่ไม่ผิดเพี้ยน !
จันวิภาถลึงตาจ้องมองแล้วตะโกนใส่สุมิตรอย่าง เดือดดาล “นายเอาใจใส่เธอขนาดนี้ ที่แท้ก็เพราะเรื่องโรงแรม เมื่อครั้งนั้นน่ะหรอ? ! “