ตอนที่ 170 อยากรู้เรื่องอดีตของเธอ
ความเป็นจริงแล้วสุมิตรแค่อยากรู้เรื่องอดีตของฉันวิภา ไม่รู้เพราะอะไร เขารู้สึกว่าเลขานุการที่มาใหม่ มีสิ่งหนึ่ง
แปลกประหลาด
แต่จะนวิภาไม่คิดอย่างนั้น เขาได้ยินมาว่าถ้าเขาไม่ทำ อะไรกับตัวเอง แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาสูญเสียความทรงจำไป แต่จันวิภาก็ยังอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีมีทัศนคติในตอนนี้ก็เย็นชา และน้ำเสียงของเขาจางท่านประธานอยากไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ท่านประธานอยากรู้เห็นเกี่ยวกับครอบครัวของลูกเขา มันดี หรือ?
เธอ….เธอไม่เข้าใจว่าฉันวิภาทำไมถึงกลายเป็นคนเย็นช สุมิตรอยากจะเอ่ยปากพูด แต่คิดว่านี่อาจเป็นอันวิภาหัวใจไม่ เต็มใจที่จะระลึกถึงแผลเป็นของตัวเองดังนั้นยากบางอย่างที่ไม่ เหมาะสมต้องทิ้งความคิดที่ยังคงถาม
คุณทํางานหนักและหันไปรอบๆ และเข้าไปในสำนักงาน
จนวิภากัดปากตัวเองอย่างแน่น มองเงาของสุมิตรอย่าง
โกรธ หัวใจของฉันเต็มไปด้วยความคับข้องใจและไม่เต็มใจ สุมิตรนึกว่าคุณเสียความทรงจำไปแล้ว คุณก็จะสามารถทำได้โดยไม่เกิดอะไรขึ้น
เป็นไปไม่ได้อีก
มีช่วงหนึ่ง จนวิภารู้สึกว่าถ้าให้สุมิตรรื้อฟื้นความทรงจำ ก็ไม่โอเคนะ เธอต้องการให้สุมิตรเสมอกับความรู้สึกผิดของ เธอ ว่ามันทรมานแล้วบอกแค่ไหนที่จะผ่านมันไป
เห็นเขามีความสุข แต่เธอไม่ได้มีความสุข
เวลาของวันหนึ่งมันผ่านไปเร็วมาก มีเรื่องที่เกิดขึ้นใน
ตอนเที่ยง สุมิตรก็ไม่มารบกวนจนวิภาอีกเลย จะนวิภาไม่ รู้สึกเหมือนโทษหรือค้นหาความทุกข์
แม่แต่ตอนเลิกงาน สองคนก็ไม่คุยกันเลยสักค่า
เนื่องจากห้องที่เช่าอยู่อยู่ใกล้ๆบริษัท จันวิภาแค่เดินไป
ไม่กี่นาทีก็ถึง พระอาทิตย์ตก ในยามรุ่งอรุณ จันวิภาเดินอยู่ บนถนนอย่าช้าๆ มองดูร้านค้าริมถนนอย่างไม่มีตัวตน
ในใจยังคิดอยู่ ทำงานแบบนี้ทั้งวัน เดินออกกำลังกาย กลับบ้านหนึ่งวัน ก็ดีเหมือนกันนะ ทั้งชีวิตดูเหมือนจะ
สมบูรณ์แบบ
นอกจาก….ลูกชายสุดที่รักของเขาไม่อยู่กับเขาแล้ว กลับ ต่างประเทศสองวัน จะนวิภายังไม่ได้ข่าวคราวของลูกชายตัว เองเลย ในใจอดทนไม่ไหวยังอยู่ยิ่งเป็นห่วง เด็กที่ดื้อชนนั่น ตั้งแต่เด็กฉันก็รักเขามาก ไม่รู้ว่าถึงใกล้ตัวใคร ไม่รู้ว่าเขาจะ
ได้ดีต่อลูกชายฉันหรือเปล่า?
มีให้ใส่หรือเปล่า ?มีกินหรือเปล่า? ไม่รู้ว่าเขาคิดถึงแม่
คนนี้ของเขาไหม
ไม่เพียงแต่นิเวศน์ไม่เคยทิ้งฉันวิภา จันวิภาก็ไม่เคยทอด ทิ้งลูกชายตัวเอง แม่และลูกชายก็อาศัยอยาด้วยกันมาหลาย ปีแล้ว พวกเขาก็คุ้นเคยกับการดำรงชีวิตแบบนี้มานาน การ สูญเสียการติดต่อที่ทำให้ฉันวิภา รู้สึกไม่สบายใจในใจ
ในใจคิดแต่เรื่อง จนวิภาไม่ได้สังเกตคนที่ตามเธอมา
จากข้างหลังของเธอ กำลังรอจนวิภาเพื่อไปยังสถานที่ที่ผู้คน
น้อยลง
ทันใดนั้นชายผู้รับเร่งเขา แล้วก็ฉุดกระเป๋าจากไหล่ของ
เขาแล้ววิ่งหนีไป
หยุดนะ!!!
ไม่รอการตอบรับของจันวิภา ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงที่
ชัดเจนก็ดังขึ้น แล้วจันวิภา รู้สึกว่ามีลมกระโชกแรงพัดมา
เมื่อเธอกลับมาหาก่อน ฉันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดกลาง
ไล่ตามชายผู้คว้ากระเป๋าของเธอ
เมื่อเห็นอย่างนี้ จันวิภา ก็วิ่งตามไปด้วย
ฉันพึ่งมันแล้วยังมีคนปล้นใต้แสงกว้างกว่านี้ไหม? นี่ไม่ใช่
สังคมที่เจริญแล้วหรืออันนี้
เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่เขาถูกปล้นจันวิภากังวลและขาของเขาก็วิ่งได้ไม่ค่อยเร็วแล้ว
มองผู้หญิงที่เป็นกลางที่กำลังไล่ล่าชายคนหนึ่ง
แต่ก็
เสียดาย เขาออกกำลังกายไม่บ่อย หลังจากวิ่งไปซักพัก ก็หยุดหายใจและหอบ เขาได้แต่ภาวนาในใจ ให้ผู้หญิงผู้ กล้าหาญจับขโมยได้เถอะ!
เธอ
ฉันไม่ได้ตระหนักถึงมัน ในขณะที่ฉันกำลังวิ่งเมื่อฉันหยุด วิ่ง จันวิภามองเห็นว่าหลังของผู้หญิงที่แต่งตัวด้วยความเป็นก ลางนั้นเป็นที่คุ้นเคยเหมือน…
จันวิภาตวัดและวิ่งไปหาคนสองคนที่วิ่งไปไกล แต่ก็ยัง น่าสงสาร ในไม่ช้า ชายสองคนวิ่งออกไปจากระยะที่เธอมอง
ไม่เห็น
จนวิภาก็หาเขาไม่เจออีก ก่อนจะหันกลับ คนที่ดูเหมือน คุ้นเคยก็หนีไปแล้ว จันวิภาหรี่ตาของเขาและมอง รู้สึกเป็นผู้ หญิงที่ตะกี้ไปวิ่งไล่จับคนขโมย
สิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากยิ่งขึ้นคือผู้หญิงคนนี้กลาย เป็นที่ไม่ได้เห็นมานานหลายปี
พัชรี พัชรี จันวิภายิ่งเข้าใกล้มองพัชรี ทนไม่ไหวเลย
เรียก ออกไป
อืม….ให้คุณ! “พัชรวิ่งไปใกล้ตัวของจันวิภา วิ่งเข้าไปใน อ้อมกอดของฉันวิภา ได้ยินจนวิภาพูดแล้ว เธอมองจนวิภาด้วยท่าทางที่งุนงงและพูดว่า “คุณรู้จักฉันไหม
ฉัน…ฉันคือ….จันวิภาที่ตะก็พูดไง หันมามองรูปร่างตัว เองที่แต่งตั้ง พัชรนึกไม่ออกว่าเป็นใคร
แต่เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าความลังเลของจีนวิภา นั้นไม่ จำเป็นต้องเป็นสถานการณ์เร่งด่วน พัชรี ไม่เห็นว่าผู้หญิงคน นั้นถูกปล้น ใครเมื่อเห็นความชอบธรรมเธอก็ไล่โจร
ตอนนี้เงียบสงบแล้ว หลังจากที่เธอดูมันอย่างระมัดระวัง ก็นึกได้ว่าเป็นวันวิภา จันวิภา?! ที่จริงก็เป็นคุณ
“อ่า…..คุณจําฉันได้? “จันวิภายิ้มแบบตกใจ บางคนมอง พัชรีอย่างไม่น่าเชื่อ คือ
โอ้พระเจ้านี่เป็นครั้งแรกที่เธอกลับมาที่จีน ใครบางคน สามารถมองเธอแบบนี้ และเธอจะจำเธอได้
อดไม่ได้ที่ ธันวิภามอง พัชรี ด้วยความตื่นเต้น
อย่างไรก็ตามพัชรีไม่ตื่นเต้นเท่าที่จันวิภาจะจินตนาการได้ เธอเห็นนวิภาเป็นคน ตัวเล็ก ๆ ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ แต่ขมวดคิ้วและไล่ออกจากเธอเมื่อเธอพูดว่า “เท่าที่คุณเป็น อยู่ฉันก็จำได้ว่ามันเป็นสีเทาชุดนี้ยากจนเกินกว่าจะซื้อเสื้อผ้า ซื้อเครื่องสําอางได้หรือ ”
พัชรีและจันวิภายังมีมิตรภาพมานานกว่าสิบปี นอกจาก
นี้ ด้วยความเข้าใจในจันวิภาเธอรู้จัก จันวิภาสามารถแต่ง ตัวอีกครั้งที่ขี้เหร่และเธอก็จำมันได้ นี่คือธรรมชาติของผู้หญิง
ได้ยินคำของพัชรีแล้ว จันวิภามองไปที่ชุดของเขาและไม่ สามารถช่วยได้ แต่ยิ้ม “ฉันมีเหตุผลสำหรับชุดนี้ มัน ยากที่จะพูดอะไรสักคำมันยากที่จะพูด
มันยากที่จะไปหาคุณ! ” แม้จะไม่เห็นเป็นเวลาหลายปี แต่ ความรู้สึกของพวกเขาทั้งสองยังไม่เปลี่ยนไปสามีที่กล้าหาญ และตรงไปตรงมาวางมือบนไหล่ของฉันวิภาแล้วพาเธอไปที่ ห้างข้างๆเธอพูดด้วยน้ำเสียง เสื้อผ้าที่น่าเกลียดเปลี่ยนไปเม ฉะนั้นอย่าพูดว่าฉันรู้จักคุณ!”
“เฮ้ พัชรีคุณเบาหน่อยจะไป!”จันวิภาคอยู่ข้างฝางโม ***
ในขณะที่เขาฝัน
อย่างไรก็ตามไม่มีไข่ให้ใช้
พัชรียังคงเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง
ที่ห้างสรรพสินค้า พัชรีพาเธอไปขนของแต่งหน้าก่อน
จึงหาร้านทําเครื่องสำอางใหม่แล้วปล่อยให้เธอไปที่ร้านขาย เสื้อผ้าใหญ่เพื่อซื้อเสื้อผ้า
เธอลองชุดนี้ดู พัชรีหยิบชุดเสื้อผ้าแล้วก็ไปที่ความคิดถึง ของ จันวิภาจากนั้นเธอก็หยิบอย่างอื่น ขึ้นมา ปากพูดว่า “อันนี้อันนี้อันนี้อันนี้