ตอนที่ 171ถนนมันแคบจึงพบกันอีกครา
…..หลังจากที่เจอจนวิภาก็ได้แต่จ้องมองเงียบๆไม่พูด ไม่จาพัชรีเองก็ไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อยพัชรีที่เป็น เช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกับเป็นคนแปลกหน้าอยู่เล็กน้อย
แต่ความกังวลใจของพัชรีที่มีต่อเธอนั้นเป็นเรื่องจริง
รอจนกระทั่งอ้อมกอดเต็มไปด้วยเสื้อผ้าพัชรีจึงจะหยุด เลือกเสื้อผ้ามือที่ใหญ่ของเธอตรงไปยังจันวิภาที่กำลังลองเสื้อ อยู่ในห้อง
จันวิภากำลังลองเสื้อผ้าอยู่และก็กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย อยู่เช่นกันรสชาติที่อยู่ในใจจึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
พัชรีเป็นอะไรไป? ทำไมเหมือนกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
รอจนลองเสื้อผ้าเสร็จสองสามตัวแล้วหลังจากที่พัชรีมอง มาก็ยังส่ายหัวด้วยความไม่พอใจในวิภาข้ามห้องลองเสื้ออด ไม่ได้ที่จะเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยอยู่ในใจออกมา พัชรี….เธอเป็น อะไรไป เธอยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่ฉันทิ้งเธอไปเมื่อหกปีก่อน อยู่อีกหรอ?”
ธันวิภาคิดอยู่นานปล่อยให้พัชรปฏิบัติกับเธอเช่นนี้เรื่องเมื่อหกปีก่อนนั้นยังไม่มีโอกาสที่จะได้อธิบายความเข้าใจผิด
นอกห้องลองเสื้อจนวิภากำลังเลือกเสื้อผ้าที่อยู่ในมือของ พัชรีเธอไม่หันหน้ามามองห้องลองเสื้ออย่างไร้ซึ่งความสุขเป็น เวลานานจึงจะส่งเสียง “อืม” ออกมาเบาๆ
นั่นเอง!
ถ้าไม่ทำเรื่องนี้ให้ชัดเจนพัชรีก็จะหน้านิ่งตั้งอยู่ตลอด จนกว่าเธอจะเริ่มอธิบายให้เขาฟังตอนนี้
หลายปีมาแล้วจันวิภาเป็นคนที่เข้าใจเธอหลังจากที่จัน วิภาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมจากห้องลองเสื้อผ้าเธอเดิน ไปที่ด้านหน้าของพัชรีใบหน้าแฝงไว้ด้วยความรู้สึกผิดพูดด้วย เสียงที่เบา”ขอโทษนะ…….. ปีนั้นเพราะการตายของพื้นราวิชญ์ มันใหญ่เกินไปสำหรับฉันฉันกลัวว่าสุมิตรจะทำให้เธอลำบาก ดังนั้นตอนนั้นฉันก็เลยทิ้งเธอมาแล้วขึ้นรถของสุมิตร…..
ต่อมาในวิภาก็ได้เล่าเรื่องที่เธอกังวลในปีนั้นให้พัชรีฟัง ในตอนท้ายเธอยังดึงมือของพัชรีอย่างมีความสุขแล้วพูดด้วย สีหน้าที่ลึกลับ เธอรู้มั้ย! ที่จริงแล้วพื้นราวิชญ์ยังไม่ตายปีนั้น เขาจัดฉากให้รถชน! ฉันเองก็พึ่งจะรู้เมื่อไม่นานมานี้เอง และ…………….
จนวิภายืนอยู่ในร้านเสื้อผ้าดึงมือพัชรีเอาไว้อยู่ไม่รู้ว่าพัชรี รู้ไม่รู้อะไรแล้วพูดออกมาทั้งหมดพูดจนถึงสุดท้ายเธอจ้องมอง พัชรีด้วยใบหน้าที่คาดหวังหวังว่าจะได้เห็นอารมณ์ความรู้สึก ออกมาจากใบหน้าของเขา
เมื่อได้ยินคำพูดของนวิภาสิวที่อยู่ในใจของพัชรีก็ได้ ขจัดหายไปจนสิ้นเธอถอนหายใจออกมาเบาๆ ใบหน้าทำอะไร
ไม่ถูก
อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ดังกล่าวปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่ เท่านั้นวินาทีต่อมาเธอจึงได้สะบัดมือที่จันวิภาจับเอาไว้ทันใด นั้นก็ได้ผลักจนวิภาออกไปเล็กน้อยแล้วพูดด้วยใบหน้าที่นั่ง ตึง “พอแล้วๆฉันรู้หมดแล้วดูท่าทางที่น้อยใจบนหน้าเธอคนที่ ไม่รู้จะคิดว่าฉันรังแกเธอนะ!
“……” แม้ว่าใบหน้าของพัชรีจะนิ่งแต่จันวิภาก็รู้ได้ว่า เขาให้อภัยเธอแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างมีความ
สุข
พัชรีจ้องมองจันวิภาที่เป็นเช่นนี้จึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเขา เอาผ้าที่หอบไว้อยู่ในมือยัดใส่แขนของฉันวิภาแล้วพูดด้วยน้ำ เสียงที่อึดอัด เธอรีบลองเสื้อผ้าให้เสร็จสักที! แต่งตัวโทรม อะไรขนาดนี้ไม่รู้เลยว่าหกปีที่แล้วเธอผ่านอะไรมาบ้าง! ”
แม้ว่าน้ำเสียงจะดูตำหนิแต่กลับแฝงไว้ด้วยความห่วงใย และรอยยิ้ม
จันวิภาเข้าใจได้ทันทีในที่สุดพัชรีก็ปล่อยวางอดีตลงไปใต้ หินก้อนใหญ่ก้อนนั้นที่อยู่ในใจของเธอก็ได้วางลงเช่นกันแม้แต่ ตอนเดินก็ยังกระโดดโลดเต้นไปมาตลอดทาง
ครั้งนี้แม้ว่าพัชรีจะเอาเสื้อผ้ามาให้เธอแต่หลังจากที่ฉัน วิภาเห็นมันก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเธอเดินออกมาจากห้องลองเสื้อผ้าแล้วให้พัชรี แต่คิดไม่ถึงเลยว่าพัชรีจะมองไป ทางอื่นอย่างไม่พอใจ
จนวิภาอยากจะเอ่ยถามเธอว่าเป็นอะไรแต่เมื่อเธอมอง ตามสายตาที่พัชรีจ้องมองไปแล้วก็ได้เห็นคนทั้งสองคนที่คาด ไม่ถึง
ทั้งสองคนนั้นก็มองจันวิภาเช่นเดียวกันมุ่งตรงมายังเธอ ทักทายเธอด้วยความสุภาพ คุณจันวิภาคิดไม่ถึงเลยว่าจะ บังเอิญขนาดนี้ถึงได้เจอคุณที่นี่อีกทำไมธนภาคไม่ได้มาพร้อม กันกับคุณหรอ?”
สุมิตรคิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้ที่มาเดินเล่นกับเจริญศรีจะได้ พบกับผู้หญิงแสนสวยที่กินข้าวกับธนภาคเมื่อคืนนี้และผู้หญิง คนนี้ดูเหมือนจะออกมาซื้อเสื้อผ้าตอนที่เธอสวมใส่เสื้อผ้าอยู่ ในร้านแล้วเดินออกมาจากห้องลองเสื้อผ้าสายตาของสุมิตร ถูกดึงดูเข้าเป็นอย่างแรก
สวยสวยจริงๆสุมิตรอธิบายความน่าอัศจรรย์ของผู้หญิง
คนนี้
เห็นเธอเมื่อวานยังเป็นเป็นผู้หญิงที่สวมใส่เสื้อผ้าแล้วมี เสน่ห์เป็นอย่างมากเมื่อเห็นเธอในวันนี้ได้เปลี่ยนเป็นชุดที่อ่อน เยาว์และสวยงามช่างเหมือนผู้หญิงตัวเล็กที่ขี้อายในวัยยี่สิบ ต้นๆคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีอารมณ์ที่น่ารักและขี้เล่นอยู่ในตัวเธอ
สองขั้วอารมณ์ที่แตกต่างกันมากคิดไม่ถึงเลยว่าจะ สามารถปรากฏออกมาได้ในตัวผู้หญิงคนๆเดียวมันใต้เพิ่มความเว้านูนของเรือนร่างจนวิภาให้ชัดเจนขึ้นไปอีกสุมิตรโดน ความน่าทึ่งเช่นนี้ของฉันวิภาเข้าให้แล้ว
จนวิภาประหลาดใจอยู่เล็กน้อยที่สุมิตรเดินมาทักทายเธอ ด้วยตนเองรู้ว่าเขาความจำเสื่อมจำตัวเองไม่ได้เนื่องจาก มารยาทในวิภาจึงตอบสุมิตรกลับไป สวัสดีค่ะคุณสุมิตรไม่เจอ กันนานเลยวันนี้ธนภาคเขามีธุระก็เลยไม่ได้มาด้วยกันกับฉัน
ไม่ได้เจอกันนานที่ไหนกันเห็นได้ชัดว่าเมื่อวานตอนเย็นจึง
เจอกัน
เมื่อเห็นจันวิภาที่เป็นเช่นนี้เจริญศรีที่อยู่ข้างๆสุมิตรจึงไม่ ค่อยพอใจนักนี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นสุมิตรมองผู้หญิงคนอื่น เช่นนี้เขาไม่เคยมองตัวเองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างนี้มา ก่อน
เมื่อคืนตอนที่เห็นในวิภาเธอก็เห็นความเป็นปรปักษ์เข้า แล้ววันนี้ก็ยังจะแต่งตัวสวยงามขนาดนั้นอีกวิญญาณของสุมิตร โดนเกี่ยวไปเสียแล้วความเป็นปรปักษ์ของเจริญศรียิ่งเข้มข้น ขึ้นไปอีก
ผู้หญิงคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นคู่แข่งของผู้หญิงทุกคน
ไม่ได้รอจนเจริญศรีพูดอะไรออกมาสุมิตรก็เอ่ยปากพูด ขึ้น คุณจนวิภาออกมาคนเดียวหรอครับ?”
“ไม่ใช่ฉัน……. “จันวิภายังไม่ทันที่จะพูดจบก็ได้ถูก
ขัดจังหวะด้วยเสียงที่ชัดเจน
“ไม่! เขาออกมาด้วยกันกับฉัน! “พัชรีเท้าก้าวเข้ามา เข้ามาขวางอยู่ท่ามกลางระหว่างวันวิภากับสุมิตรมือทั้งสอง ท้าวเอวจองมองสุมิตรด้วยความสะอิดสะเอียน
เส้นสายตาของฉันวิภาถูกผู้หญิงที่พุ่งพรวดออกมาขวาง กันเอาไว้พัชรีหันหน้าเข้าหาศัตรูสุมิตรขมวดคิ้วอยู่เล็กน้อยมอง จนวิภาด้วยความไม่เข้าใจแล้วเอ่ยถามท่านนี้คือ……
จบกัน!
ภายในใจของจันวิภาร้องออกมาเงียบๆว่าซวยแล้วเธอไม่ ได้คุยกับพัชรีเรื่องที่สุมิตรความจำเสื่อมจากความไม่พอใจที่ พัชรีมีต่อสุมิตรเดาได้เลยว่าจะต้องเกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่แน่
ตอนนี้พัชรีถูกดึงไปข้างๆในวิภาส่ายหัวไปหาเธอแล้วใช้ สายตาส่งสัญญาณให้เธออย่างทะลุ
ใบหน้าของจันวิภาเคร่งเครียดสายตาเคร่งขรึมแม้ว่าพัชรี จะไม่พอใจแต่สัญญาณของเพื่อนรักเธอก็ยังฟังอยู่
ดังนั้นพัชรีจึงทำได้เพียงแค่กัดฟันยืนอยู่ข้างในวิภาและไม่ มองสุมิตรอีก
นี่จึงทำให้สุมิตรอึดอัดเป็นอย่างมาก
จันวิภารู้สึกว่าหัวของทั้งสองคนนั้นใหญ่แม้ว่าในใจจะไม่ ได้อยากดูแลสุมิตรแต่เพื่อที่จะไม่ให้ธนภาคเสียหน้าแล้วเธอยัง คงต้องฝืนยิ้มออกมายิ้มแล้วพูดกับสุมิตร เขาเป็นเพื่อนของฉัน อารมณ์ประหลาดนิดหน่อยคุณอย่าสนใจเธอเลยถ้างั้นพวกเราขอตัวไปก่อนนะคะ
พูดจบก็ได้ตั้งพัชร์ไปจ่ายเงิน
“รอประเดี๋ยว!
จนวิภาพูดจบแล้วตอนที่ทุกคนไม่มีความเห็นอะไรจู่ๆ เจริญศรีที่อยู่ข้างๆ สุมิตรก็ร้องตะโกนออกมา