ตอนที่ 65 ข้าจะรับผิดชอบเจ้าเอง
‘นายหญิง ท่านอยากจะช่วยชีวิตคนผู้นี้หรือไม่ ?’
ภาพของหานโม่ฉือที่กำลังใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการควบคุมความเย็นในร่างกายและความทุกข์ทรมานที่แสดงออกมาให้เห็น ทำให้หัวใจของฉินอวี้โม่เจ็บปวดไม่น้อย
ซึ่งก็แน่นอนว่าอสูรมายาที่อยู่ภายในมิติเชื่อมอสูรของนางต่างก็รับรู้ถึงอารมณ์ของผู้เป็นนายได้เป็นอย่างดี
‘เจ้าสามารถช่วยเขาได้อย่างนั้นหรือ ?’
เมื่อได้ยินเสียงของซิว ฉินอวี้โม่ที่กำลังจมอยู่ในความโศกเศร้าและหดหู่เพราะไม่สามารถช่วยเหลือมนุษย์น้ำแข็งที่กำลังจะตายผู้นี้ได้ก็ถามกลับอย่างมีความหวัง นางกำลังรู้สึกราวกับกำลังมองเห็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมิด
‘ไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่ข้าทำไม่ได้ !!!’
ซิวพูดด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งทะนงและองอาจ ก่อนจะกล่าวต่อเสียงอ่อย ‘อ่าาาา… มันแค่ขึ้นอยู่กับท่านว่าจะยอมทำหรือไม่ยอมทำก็เท่านั้น’
เมื่อได้ยินประโยคแรก ฉินอวี้โม่ก็อดรู้สึกขบขันไม่ได้ อสูรมายาแห่งโชคชะตาของนางดูจะเป็นผู้ที่ยโสโอหังไม่น้อย อย่างไรตามเมื่อได้ฟังประโยคหลัง นางก็ต้องขมวดคิ้วเป็นปม มันเป็นประโยคที่ค่อนข้างแปลกประหลาด
‘แล้วต้องทำอย่างไรข้าถึงจะช่วยคนผู้นี้ได้ ?’
ฉินอวี้โม่จ้องมองหานโม่ฉือที่ดูเหมือนจะทนไม่ไหวแล้วพร้อมกับเอ่ยถามซิวอย่างร้อนรน
‘นายหญิงจำได้หรือไม่ว่าร่างกายแสนพิเศษของนายหญิงถูกเรียกขานว่าอย่างไร ?’
อดีตนักฆ่าแห่งศตวรรษที่ 21 พยักหน้าก่อนจะตั้งใจฟังอสูรมายาลึกลับแห่งโชคชะตาของตนเอง เพราะซิวไม่เคยพูดเรื่องเหลวไหล หากมันบอกว่ามีทางช่วยได้ แสดงว่าย่อมมีหนทางอยู่จริง ๆ
‘กายเทพมายามีพลังในการรักษาทุกสรรพสิ่ง ต่อให้เป็นพิษเย็นที่กำลังกัดกินร่างกายของคนผู้นั้น กายเทพมายาก็สามารถยับยั้งมันได้ ถ้าไม่ใช่เพราะกายเทพมายา นายหญิงคงจะกลายเป็นน้ำแข็งตั้งแต่ตอนที่จับตัวคนผู้นั้นแล้ว’
หญิงสาวเจ้าของกายเทพมายาพยักหน้าอย่างเข้าใจ กายเทพมายาเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างแท้จริง ที่ผ่านมาไม่ว่านางจะได้รับบาดแผลในรูปแบบใดก็ตาม ทว่าแผลทั้งหมดก็จะสมานตัวเองและเลือนหายไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเหตุผลก็คงเป็นเพราะ ‘พลังในการรักษาทุกสรรพสิ่ง’ ดังที่ซิวกล่าว ในที่สุดฉินอวี้โม่ก็เข้าใจความวิเศษของร่างกายนี้
‘แล้วข้าจะช่วยคนผู้นี้ได้อย่างไร ?’
จากเรื่องที่ซิ่วบอกมานั้น ถึงแม้นางจะพอเข้าใจแล้วว่าพลังจากกายเทพมายาสามารถช่วยชีวิตหานโม่ฉือได้ แต่ทว่าฉินอวี้โม่ก็นึกไม่ออกว่านางจะใช้งานมันได้อย่างไร
…ทว่าก็ไม่มีเสียงตอบกลับจากซิว…
จู่ ๆ อสูรมายาแห่งโชคชะตาของนางก็เงียบไปเสียเช่นนั้น แต่เพียงไม่นานนัก ซิวก็ส่งเสียงอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ทำราวกับว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่มันไม่สามารถเอ่ยออกมาได้
‘เอ่อ วิธีนั้น…’
เมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของซิว ทันใดนั้นนักฆ่าสาวในร่างอดีตคุณหนูผู้มีกายวิเศษก็นึกบางอย่างขึ้นได้ ร่างบางของนางแข็งค้างไปในฉันพลัน ! ความคิดพิสดารอย่างหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของหญิงสาว… ‘ไม่ ไม่ต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่’
‘ถูกแล้ว มันคือสิ่งที่นายหญิงกำลังคิดอยู่ในขณะนี้’
เมื่อกล่าวจบ ซิวก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ฉินอวี้โม่ไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของมันได้อีก
…หญิงสาวแห่งศตวรรษที่ 21 ในร่างคุณหนูผู้งดงามนิ่งงันอยู่ท่ามกลางความเงียบและหนาวเหน็บ…
เธอเพิ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าทำไมซิวพูดเรื่องนี้ออกมาได้ยากลำบากนัก ‘เรื่องแบบนี้จะเป็นจริงได้ยังไง มีแต่พล็อตนิยายน้ำเน่าในโลกของเธอเท่านั้นแหละ —พระเอกถูกพิษ และนางเอกก็มีร่างกายที่พิเศษบางอย่าง จากนั้นเพียงแค่ทั้งคู่ทำบางสิ่งบางอย่างที่ผู้ชายกับผู้หญิงเขาทำกัน พระเอกก็จะฟื้นกลับมาเป็นปกติ …เป็นไปไม่ได้ มันไม่ควรจะเป็นไปได้ !’
เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เธออุตริคาดเดาเอาเล่น ๆ จะกลายเป็นเรื่องจริงได้
เธอเพิ่งจะรู้จักกับหานโม่ฉือได้ไม่นาน เจอกันไม่กี่ครั้ง แค่จะเรียกว่ารู้จักกันดีก็ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าอยากช่วยเขาก็ต้องยอมทำเรื่องแบบนั้น ถ้าไม่อยากให้เขาตาย เธอกับมนุษย์น้ำแข็งนี่จะต้อง… สาวนักฆ่าแห่งศตวรรษที่ 21 รู้สึกว่าแม้แต่ผู้หญิงใจง่ายก็ยังไม่ทำกันเลย
“อวี้โม่…! รีบ ฆ่า ข้า เร็ว !”
เวลานี้หานโม่ฉือไม่สามารถยื้อฤทธิ์ของพิษเย็นในร่างกายไว้ได้อีกต่อไปแล้ว เขาลืมตาขึ้นมาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเอ่ยปากร้องขอความตายกับฉินอวี้โม่ ทุกถ้อยคำนั้นเปล่งออกมาได้อย่างยากลำบาก ในทันทีที่คำพูดสุดท้ายจบสิ้นลง บุรุษร่างใหญ่ผู้องอาจก็หลับตาเพื่อรอคอยคมอาวุธที่จะปลิดชีวิตของเขาอย่างสงบ
เมื่อได้เห็นบุรุษน้ำแข็งหานโม่ฉือร้องขอและนอนรอคอยความตายอย่างอาจหาญเช่นนั้น หญิงสาวผู้ซึ่งกำลังคิดวุ่นวายอยู่ในหัวก็เกิดอาการลังเลขึ้นในใจ
‘ถึงเขาจะดูเย็นชามากไปสักหน่อยก็เถอะ แต่การที่ผู้ชายที่ดูสมบูรณ์แบบขนาดนี้ ต้องมาตายไปแบบนั้นมันไม่น่าสงสารไปหน่อยเหรอ ?’
‘รูปร่างหน้าตาไร้ที่ติ อารมณ์สุขุม ไม่ว่าจะมองอย่างไรผู้ชายคนนี้ก็เหมือนถูกเทพเซียนปั้นแต่ง ถ้าต้องมอบครั้งแรกให้คนคนนี้มันก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรนี่ !’
ฉินอวี้โม่ในชาติก่อนนอกจากจะไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เธอก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามาก่อนเลยด้วย …แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องผิดหรือเสียหาย เซ็กส์เป็นความสัมพันธ์ทางร่างกายอย่างหนึ่ง ในโลกศตวรรษที่ 21 ของเธอ ความสัมพันธ์ทางกายระหว่างชายหญิงไม่ใช่เรื่องใหญ่โต หลายคู่เลือกทำเรื่องนั้นเพราะความพึงพอใจไม่ได้เกิดจากความรัก บางคู่ก็ตกลงมีสัมพันธ์กันเพียงชั่วคืน หลังจากแยกย้ายก็ไม่รู้จักกันอีก เมื่อคิดได้แบบนั้น เธอก็ตัดสินใจได้
ยังไงหานโม่ฉือก็ถือเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่ง แถมเขายังเคยช่วยชีวิตนี้ของเธอไว้ เธอไม่ได้รังเกียจอะไรเขา ตรงกันข้ามเธอก็มีความรู้สึกที่ดีให้หนุ่มหน้าน้ำแข็งคนนี้ไม่น้อย ถ้าการทำแบบนี้ช่วยชีวิตเขาได้ กับอีแค่เสียสละตัวเองแค่นี้มันก็ไม่ควรจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย
ที่สำคัญที่สุด ความรู้สึกในใจของเธอแสดงออกอย่างแรงกล้าว่า…ไม่อยากให้หานโม่ฉือผู้นี้ตายไปต่อหน้า ถ้าเธอไม่ทำตอนนี้ก็จะไม่มีโอกาสได้ช่วยเขาอีกแล้ว
“หานโม่ฉือ เอาเป็นว่า เรื่องนี้ข้าจะรับผิดชอบเอง !”
ฉินอวี้โม่มองหานโม่ฉืออย่างแน่วแน่ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วกล่าวขึ้นมาประโยคหนึ่ง ก่อนจะขยับเข้าไปข้างกายเขา
ในเมื่อตัดสินได้แล้วว่าจะช่วยชีวิตเขา เธอก็ต้องช่วยอย่างเต็มใจและทำให้เต็มที่ที่สุดเพื่อไม่ให้ต้องมาเสียใจภายหลัง
หานโม่ฉือที่กำลังนอนรอความตายจากฉินอวี้โม่ผงะไปเมื่อได้ยินวาจาแปลกประหลาดเมื่อครู่ของนาง ในตอนที่เขาลืมตาขึ้นเขามองก็เห็นใบหน้านวลแสนงดงามกำลังโน้มเข้ามาใกล้
ยังไม่ทันที่บุรุษผู้กำลังนอนรอความตายจะตอบสนอง ริมฝีปากอุ่นนุ่มก็ประทับลงบนเรียวปากเย็บเฉียบและแห้งผากของเขาเสียก่อน
หานโม่ฉือตัวแข็งทื่อไปในทันที…นี่ฉินอวี้โม่กำลังทำสิ่งใด ?
น่าประหลาดที่หลังจากได้รับจุมพิตจากสาวงามแล้ว พิษเย็นในร่างกายของเขากลับอ่อนพลังลงไปอย่างชัดเจน
“หานโม่ฉือ เจ้าวางใจได้เลย หลังจากนี้ ข้าจะรับผิดชอบเจ้าเอง !”
ฉินอวี้โม่สบตาหานโม่ฉืออีกครั้ง ก่อนจะหลุบตาลงต่ำ ใบหน้านวลขึ้นสีแดงซ่านอย่างกระดากอาย ทว่ามือบางกลับริเริ่มกระทำการอันชวนหลงใหลต่อหน้าต่อตามนุษย์น้ำแข็งอย่างมุ่งมั่น…
จากอาภรณ์ของนางที่ค่อย ๆ ถูกปลดเปลื้อง สู่อาภรณ์ของเขาที่หลุดหายไปจากร่าง จากร่างกายส่วนบนสงไปสู่ร่างกายส่วนล่าง จากความหนาวสะท้านกลับกลายเป็นความอุ่นซ่านเข้าแทนที่…
หานโม่ฉือนั้น แม้จะเป็นบุรุษเย็นชา ทว่าก็นับเป็นผู้ชายธรรมดาที่มีเลือดเนื้อ แม้เขาจะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่ถูกไม่ควร แต่ร่างกายฉินอวี้โม่กลับมีพลังอันแรงกล้าบางอย่างที่สามารถยับยั้งพิษเย็นในร่างกายเขาได้และมันก็ดึงดูดให้เขาอยากจะแนบชิดกายบางมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความงดงามชวนหวั่นไหวและเรือนร่างอันเย้ายวนเกินห้ามใจ รวมไปถึง… ความรู้สึกบางอย่างที่มีต่อสตรีผู้กำลังกระทำสิ่งอาจหาญต่อร่างกายของเขาก็ทำให้บุรุษผู้เคยเย็นชาต่อทุกสรรพสิ่งมิอาจต้านทานความเสน่หาไว้ได้เลย…….
ในเวลานี้ทั้งบุรุษผู้ร้องขอความตายและสตรีผู้ยอมพลีกายเพื่อช่วยชีวิตได้ปล่อยตัวปล่อยใจลอยล่องไปตามกระแสธารอันเชี่ยวกรากในภวังค์แห่งความพิศวาสจนหมดสิ้นแล้ว…
….และแน่นอนว่าคนทั้งคู่กำลังรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง
หานโม่ฉือรู้สึกได้ว่ามีพลังพิเศษบางอย่างจากร่างกายของฉินอวี้โม่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ซึ่งพิษเย็นทั้งหลายที่กำลังแทรกซึมอยู่ทั่วร่างกายใหญ่โตนี้ก็พยายามหลบหลีกอย่างบ้าคลั่งราวกับกำลังพบเจอบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวถึงขีดสุด อย่างไรก็ตาม ภายในไม่กี่อึดใจ พวกมันก็ถูกพลังพิเศษนั้นกลืนกินเข้าไปจนหมดสิ้น
พริบตาต่อมาพลังอันแสนมหัศจรรย์นั้นก็ไหลกลับเข้าไปในร่างของฉินอวี้โม่ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากกิจกรรมแสนดุเดือดสิ้นสุดลง หานโม่ฉือก็รู้สึกว่าพิษเย็นภายในร่างกายของเขาถูกขจัดออกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว มากกว่าไปนั้น ความแข็งแกร่งของร่างกายนี้ก็ดูเหมือนว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยด้วย
ฉินอวี้โม่ผู้กำลังอ่อนล้าจากศึกอันหนักหน่วงนอนสิ้นเรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของหานโม่ฉือ ต้องบอกเลยว่าร่างกายของชายผู้นี้แข็งแรงมากจริง ๆ !
อย่างไรก็ตาม อดีตนักฆ่าในร่างคุณหนูเองก็พึงพอใจไม่น้อยเช่นกัน เวลานี้ระดับพลังของนางเพิ่มขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด มันเป็นความก้าวหน้าที่น่าสะพรึงกลัวมาก เพราะนางเลื่อนจากขอบเขตนภมายาสองดารามาสู่นภมายาหกดาราได้ในคราเดียว !
ฉินอวี้โม่ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ ….นี่คือซวงซิว*ในตำนานงั้นหรือ ?
*ซวงซิว (双修) การฝึกวิชาคู่โดยการมีอะไรกัน
สิ่งหนึ่งที่ฉินอวี้โม่ยังไม่รู้ก็คือ เหตุผลที่ระดับพลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดนั้นไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของพลังมายา แต่เป็นเพราะพลังงานจากพิษเย็นที่กระจายอยู่ทั่วร่างกายของหานโม่ฉือที่กายเทพมายาของนางได้ดูดซับมาได้ บวกรวมเข้ากับอารมณ์ที่อยู่ในสภาวะผ่อนคลายถึงขีดสุดของนางทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาดีเยี่ยมกว่าปกติ
“ต้องขอโทษเจ้าด้วย ข้าแค่อยากจะช่วยเจ้าจึงต้องรีบทำเช่นนั้น แต่เจ้าไม่ต้องห่วง สิ่งที่ข้าทำเป็นข้าจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”
หลังจากนอนพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่ง ฉินอวี้โม่ก็คว้าอาภรณ์ของตัวเองมาสวมแล้วลุกขึ้น ในตอนนี้ใบหน้านวลไม่มีหลงเหลือร่องรอยแดงซ่านอีกแล้ว และหัวใจดวงน้อยก็ไม่ได้เต้นแรงเหมือนกลองรัวอยู่ในอกอีก
เธอรู้ดีว่าหานโม่ฉือเป็นสุภาพบุรุษและคู่ควรต่อการไว้เนื้อเชื่อใจ แม้ว่าจะไม่ถึงกับมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมเสียทีเดียว แต่เธอก็รู้ว่าในเมื่อเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ต่อไปนี้หานโม่ฉือก็คงจะอุทิศตัว ยืดอกขอรับผิดชอบดูแลเธอไปตลอดชีวิต
ทว่าฉินอวี้โม่กลับไม่อยากให้เขาต้องมารับภาระดูแลเธอด้วยเหตุผลนี้ นักฆ่าสาวไม่อยากให้เขาพาเธอไปอยู่ด้วยเพราะ ‘ต้องรับผิดชอบ’ แต่อยากให้เขา ‘ต้องการอยู่เคียงข้างเธอ อยากใช้ชีวิตเคียงคู่ไปกับเธอจากใจจริง’ มากกว่า ดังนั้นเธอจึงชิงพูดประโยคนั้นออกไปก่อนเพื่อตัดบทเขา และ… เพื่อที่จะทดสอบใจอีกฝ่าย
หานโม่ฉือลุกขึ้นก่อนจะจัดการสวมใส่อาภรณ์จนเรียบร้อย เขาจ้องมองฉินอวี้โม่อยู่นาน ทว่าก็ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา
หญิงสาวงดงามตรงหน้าเพิ่งจะยอมเสียสละสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตผู้หญิงเพื่อช่วยชีวิตเขาไว้ ยิ่งกว่านั้น นางยังกล่าวอีกด้วยว่าสิ่งที่นางกระทำลงไปนางจะเป็นผู้รับผิดชอบเอง ….คนเยี่ยงนี้ก็มีด้วยหรือ ? นางเป็นสตรีประเภทไหนกัน ?….
หานโม่ฉือได้ยืนนิ่งอึ้งจ้องมองสตรีแสนงดงามผู้ยอมพลีกายช่วยชีวิตเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
ในตอนที่ได้เห็นฉินอวี้โม่ครั้งแรกเขาก็รู้ได้ทันทีว่านางพิเศษ สตรีผู้นี้แตกต่างจากคนอื่น ๆ ทั่วไปมาก หลังจากได้รู้จักกันมากขึ้น นางก็ทำให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในหัวใจของเขา ซึ่งไม่นานนักเขาก็ค้นพบว่ามันเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่เขามีต่อนางเพียงผู้เดียว
หานโม่ฉือคือบุรุษเย็นชา เขาสามารถเพิกเฉยต่อทุกสิ่งในใต้หล้านี้ได้อย่างไม่ไยดี ทว่าเวลานี้เขากลับกำลังสนใจและรู้สึกว่าเขาคงมีความสุขมากหากได้ใช้เวลาชั่วชีวิตนี้อยู่ร่วมกับสตรีผู้หนึ่ง ในเวลานี้หัวใจด้านชาของเขากลับเกิดความอุ่นซ่านที่ยากจะอธิบาย หัวใจน้ำแข็งแสนมั่นคงที่ไม่เคยสั่นไหวมาก่อนเลยตลอดยี่สิบปี บัดนี้กำลังหลอมละลายลงเพราะสตรีตรงหน้า
ฉินอวี้โม่มองดูหานโม่ฉือที่กำลังยืนอึ้งอยู่อย่างนิ่งเงียบเช่นกัน แน่นอนว่านางก็ไม่ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เขากำลังคิดอยู่ ที่นางกล่าววาจาเช่นนั้นออกไปก็เพราะกลัวว่าบุรุษตรงหน้าจะรู้สึกอึดอัด กระอักกระอ่วน หรือทำตัวไม่ถูก นางกลัวว่าเขาจะฝืนใจเลือกทางที่ตัวเองไม่เต็มใจ
….ทว่าสาวน้อยกลับไม่รับรู้เลยว่าหัวใจของมนุษย์เย็นชาตรงหน้าเปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นมาได้เพราะตัวนางเนิ่นนานแล้ว….
ทันใดนั้น จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็มองเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าคมคายของหานโม่ฉือ ! มันไม่ใช่ยิ้มอ่อน ๆ เช่นที่เธอเคยเห็นก่อนหน้านี้ แต่มันคือรอยยิ้มจริง ๆ รอยยิ้มเต็มหน้าที่มาจากก้นบึ้งของหัวใจเขา
“ฉินอวี้โม่ ข้าไม่เคยรู้เลยว่าในโลกใบนี้จะมีสตรีเช่นเจ้าอยู่ด้วย”
หานโม่ฉือเดินเข้ามาใกล้ร่างบางก่อนจะคว้ามือเรียวเล็กขึ้นมากอดกุมอย่างแผ่วเบา
“ข้าไม่ต้องการความรับผิดชอบจากเจ้า และข้าจะไม่พูดว่าข้าจะรับผิดชอบเจ้า ข้าบอกเจ้าได้เพียงแค่ข้าเริ่มมีใจให้แก่เจ้ามานานแล้ว ยิ่งกว่านั้นด้วยความรู้สึกในตอนนี้ของข้า ข้าคิดว่าในอนาคตจะต้องรักเจ้ามากมายขึ้นอีกเป็นแน่
ข้ารู้ดีว่าที่เจ้าทำไปเพราะพยายามจะช่วยชีวิตข้า ที่เจ้าทำเช่นนั้นเพราะไม่มีทางเลือกอื่น แต่ข้าอยากจะบอกเจ้าว่าเรื่องของความรู้สึกนั้น มันสามารถสั่งสมและค่อย ๆ พัฒนาไปเรื่อย ๆ ได้ ในเมื่อเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ข้าอยากให้เราทั้งสองลองพยายามร่วมกัน หากว่าเจ้าไม่รังเกียจข้า ข้าก็อยากจะอยู่ข้างกายเจ้าไปตลอดชีวิต”
วาจาที่แน่วแน่ของหานโม่ถือถูกกลั่นออกมาจากหัวใจที่หนักแน่น เป็นคำมั่นที่ปราศจากข้อสงสัยอย่างสิ้นเชิง ฉินอวี้โม่คือผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่พิชิตหัวใจเขาได้ นางทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่ดีและเขาก็อยากจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับนางไปตลอดชีวิต
อย่างไรเสียในตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ก็เคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาแล้ว หานโม่ฉือจึงตั้งความหวังเอาไว้ว่าอยากจะพยายามเคียงคู่กับสตรีผู้นี้ ในความคิดของเขา หากได้นางมาอยู่ข้างกาย ชีวิตและหัวใจของเขาก็คงจะเปี่ยมไปด้วยความสุขในทุกวัน ซึ่งชีวิตที่มีความสุขในทุก ๆ วันก็คงจะดีไม่น้อย
วาจาของหานโม่ฉือทำให้หัวใจฉินอวี้โม่หวั่นไหว ในทุก ๆ ถ้อยคำที่ออกจากปากเขาสั่นสะท้านหัวใจดวงน้อยของสตรีโฉมงามผู้ที่กำลังรับฟังอยู่ไม่น้อย
บุรุษผู้นี้ไม่ได้กล่าวว่าเขาจะรับผิดชอบตัวนาง เขาไม่ได้บอกว่ารู้สึกผิดที่ทำให้ฉินอวี้โม่ต้องเสื่อมเกียรติแห่งสตรี ไม่ได้พูดว่านางเป็นคนของเขาแม้แต่ครึ่งคำ ไม่ได้แสดงอาการรังเกียจ ไม่ได้แสดงความเป็นเจ้าของ ไม่มีอาการลำบากใจ ตรงกันข้ามบุรุษมนุษย์น้ำแข็งผู้นี้กลับสารภาพตรง ๆ ว่าหลงรักนางมานานแล้ว และยังบอกด้วยว่า เขาหวังจะอยู่เคียงคู่นางไปชั่วชีวิต ที่สำคัญในวาจาของเขาไม่มีความลังเลเลยสักนิด
…..มันจึงอดไม่ได้ที่ ‘เธอ’ จะรู้สึกว่าหากมีชายผู้นี้อยู่เคียงข้าง วันเวลาหลังจากนี้… ในโลกใหม่ใบนี้… ‘เธอ’ คงไม่เหงาหรือโดดเดี่ยวอีกต่อไป
ฉินอวี้โม่ไม่ใช่สตรีที่คิดจะพึ่งพาผู้ชาย สำหรับนักฆ่าสาวจากศตวรรษที่ 21 ผู้เก่งกาจแล้วความคิดเช่นนี้ไม่เคยอยู่ในหัวเลยสักครั้ง ทว่าในหัวใจของเธอก็มีความคิดเช่นเดียวกับหานโม่ฉือ หากว่าชีวิตนี้ เธอมีโอกาสพบเจอกับคนดี ๆ คนที่มีทัศนคติตรงกัน การได้อยู่ร่วมกันกับคนคนนั้นก็คงเป็นสิ่งที่วิเศษ
“หานโม่ฉือ ข้าเองก็มีความรู้สึกที่ดีให้เจ้า แต่ตัวข้ามีเงื่อนไขของข้าสำหรับเรื่องที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในอนาคต”
หลังจากคิดทบทวนอยู่นาน ในที่สุดฉินอวี้โม่ก็เอ่ยปาก สตรีผู้งดงามมองสบสายตาคมของบุรุษตรงหน้าอย่างแน่วแน่
“เจ้าลองพูดมาสิ”
หานโม่ฉือพยักหน้า เขามองตอบฉินอวี้โม่ด้วยสายตาที่แสนอ่อนโยน
“ข้อแรก ข้าอยากจะให้พวกเราทั้งสองซื่อสัตย์ต่อกันและกัน และระหว่างเราจะไม่มีเรื่องใดที่ปิดบังซ่อนเร้น”
หลังจากนี้ฉินอวี้โม่ตั้งใจแล้วว่าจะบอกคนตรงหน้าในทุกเรื่อง ตัวเธอพร้อมที่จะเปิดเผยความลับของตัวเองให้เขารู้ทั้งหมด และเธอก็คาดหวังให้เขาทำในสิ่งเดียวกัน หากเขารับยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก
หานโม่ฉือพยักหน้าและกล่าว “หลังจากนี้ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่างเกี่ยวกับตัวข้า”
แท้จริงแล้วอดีตนักฆ่าสาวไม่ได้หวาดระแวงหรือมีข้อสงสัยในตัวหานโม่ฉือผู้นี้ เพียงแต่ เธอคิดว่าคนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตกันก็ไม่ควรจะมีความลับอะไรต่อกันเท่านั้น
“ข้อสอง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เจ้าจะเชื่อมั่นในตัวข้า เราจะเชื่อใจกันและกันเสมอ”
ฉินอวี้โม่กล่าวต่อ
หานโม่ฉือพยักหน้าตอบ เพราะนี่ก็คือสิ่งที่เขาหวังเอาไว้เช่นเดียวกัน
“ข้อสาม ข้อนี้สำคัญที่สุด ข้ายึดมั่นในความรักของคนสองคน หากวันหนึ่งเจ้ามีใจให้แก่สตรีคนอื่นหรือไม่ต้องการจะเคียงคู่กับข้าแล้ว ข้าอยากให้เจ้าบอกข้ามาตามตรง แล้วข้าจะเป็นผู้เดินจากไปเอง”
หลังจากกล่าวจบ ฉินอวี้โม่ก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วผ่อนออกครั้งหนึ่ง ดวงตาเนื้อทรายงามซึ้งยังคงจ้องมองหานโม่ฉืออย่างแน่วแน่ไม่วางตา ทว่าในแววตานั้นก็มีร่องรอยแห่งความกังวลเจืออยู่ไม่น้อย สาวจากศตวรรษที่ 21 ในร่างสาวงามแห่งดินแดนหวนหลิงรู้ดีว่า สำหรับคนในดินแห่งนี้แล้ว เรื่องที่เธอร้องขอเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากที่จะยอมรับได้
หานโม่ฉือมองสบนัยน์ตาหวานล้ำของฉินอวี้โม่อย่างค้นหาก่อนจะพยักหน้าและแย้มรอยยิ้มจริงใจ “นั่นคือสิ่งที่ข้าต้องการ”
เมื่อได้ฟังคำตอบอันหนักแน่นของหานโม่ฉือ หัวใจดวงน้อย ๆ ของฉินอวี้โม่ก็สั่นไหวอย่างรุนแรง เวลานี้นางยอมรับคนเย็นชาผู้นี้เข้ามาอยู่ในหัวใจอย่างสมบูรณ์แล้ว
.
.
.