ตอนที่ 182ไม่ได้แต่งงานทำไงดี
รอจนอาการเจ็บดีขึ้นในวิภาจึงจะลุกขึ้นมาจากโซฟา กระโดดเหยงๆไปที่หน้าห้องรวบรวมความกล้าแล้วเปิดประตู
ออก
อย่างไรก็ตามหลังจากที่จันวิภาเปิดประตูออกมาแล้ว ภายในห้องกลับว่างเปล่าไม่มีคนอยู่
ที่แท้เขาก็ออกไปนานแล้ว……..
จันวิภาจิตตกอยู่เล็กน้อยเมื่อมีความคิดเช่นนี้ออกมาก็ถูก จนวิภาสะบัดทิ้งออกไปทันที
จิตตกอะไรกันบางทีอาจจะแค่รู้สึกอยากขอโทษกับ พฤติกรรมเมื่อวานนี้ยังไม่ได้พูดขอโทษกับเขาเลยสักคำเขาก็ ออกไปแล้วดังนั้นจึงผิดหวังมันจะต้องเป็นอย่างนี้แน่
แต่วันนี้ข้อเท้าเธอได้รับบาดเจ็บจึงไม่รู้จะไปทำงาน อย่างไรจนวิภาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาลังเลที่จะโทรศัพท์หาสุมิตร คิดไปคิดมาจึงรู้สึกว่าช่างมันละกัน
หนึ่งคือเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เธอไม่รู้ว่าจะต้องสู้หน้ากับ มิตรอย่างไรสองคือเมื่อโทรศัพท์ไปแล้วเธอไม่รู้ว่าจะต้องพูดว่า อะไรดี ดังนั้นจนวิภาจึงวางโทรศัพท์ลงและโดดงานมันทั้งอย่างนี้
อย่างไรก็ตามเขาก็รู้แล้วว่าเท้าของเธอได้รับบาดเจ็บถึง ไม่โทรไปเขาก็คงจะรู้ดีนั่นแหละ
เวลาเดินมาถึงช่วงบ่ายวันวิภาหัวเป็นอย่างมากไม่อยาก ออกไปข้างนอกและก็ไม่รู้เบอร์โทรศัพท์ของร้านค้า……เธอ กลับประเทศมานานขนาดนี้แล้วไม่เคยโทรเรียกอาหารให้มา ส่งเลยทุกครั้งตนเองก็ออกไปกินข้างนอก
จนวิภาหิวจนทนไม่ไหวแล้วจึงโทรศัพท์หาพัชรีให้เขารีบ มาช่วยชีวิตตนเอง
ไม่เลวเลยที่เป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวกันวิภาพึ่งจะวาง สายได้เพียงไม่นานพัชรีก็รีบมาอย่างเร่งรีบเนื่องจากได้ยินว่า ขาของจันวิภาได้รับบาดเจ็บจึงซื้อซุปกระดูกมาเป็นพิเศษสรุป สั้นๆก็คือซื้อของที่อร่อยมาเยอะแยะมากมาย
“ว้าวว! พัชรีฉันรักเธอจริงๆเลย! เธอเข้าใจฉัน จริงๆ! “จันวิภากอดขนมแล้วพูดอย่างเบิกบานใจ
“ดูความสวยของเธอ “พัชรีมองเธออย่างไม่แยแสเปิด กล่องอาหารกลางวันแล้ววางไว้ที่ด้านหน้าของจันวิภา”รีบกิน ข้าวไม่ใช่ว่าเธอพูดว่าหิวหรือไง?
“จ้า! “มีของกินจนวิภาอารมณ์ดีเป็นอย่างมากแล้วรีบ จัดการกับอาหารอย่างรวดเร็วเธอเรอออกมาอย่างอิ่มเอมใจ
พัชร็อดไม่ได้ที่จะใช้เท้าเตะเธอแล้วพูดอย่างไม่พอใจเธอ ทำได้มั้ยอารมณ์เล็กๆน้อยๆของเด็กผู้หญิงน่ะดูสิเธอโตสะ ขนาดนี้แล้วทำตัวไม่สมกับเป็นกุลสตรีเลยต่อจากนี้ถ้าเธอไม่ได้ แต่งงานขึ้นมาจะทำอย่างไร?
บนโลกทั้งใบพัชรีไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดกับเธออย่างนี้เลย
จันวิภาอดไม่ได้ที่จะซุบซิบอยู่ในใจด้วยความรำคาญแล้ว ปากก็พูดออกมา นั่นเป็นสิ่งที่ฉันเรียนรู้จากท่านพัชรีผู้หญิง ใหญ่ไม่ใช่ว่าฉันอยู่ใกล้กับอะไร ก็เป็นอย่างนั้นหรอกหรือโทษ ฉันหรอหะ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าฉันแต่งงานไม่ออกเธอมาขอฉันก็ได้ แล้วไม่งั้นฉันก็จะอยู่คนเดียวไปชั่วชีวิตอยู่ด้วยกันกับลูกชายสุด ที่รักของฉัน!
“ได้ที่ไหนกัน”พัชรีขนลุกไปทั่วทั้งตัวแล้วพูดออมาอย่าง ทนไม่ไหว ยังจะให้ฉันขอเธอแต่งงานอีกฉันจะบอกเธอนะฉัน ไม่ใช่พวกฉิ่งฉับอย่าเอาชนะฉันและก็อย่าเอาชนะฉันด้วย ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอในอนาคตต่อจากนี้เขาจะต้องมี ภรรยาเธอเองก็เป็นหญิงแก่ไปเถอะ”
“เฮ้ๆ”จันวิภาอดไม่ได้ที่จะแซวเธอ “ลูกฉันยังไม่ยอมรับ เธอเป็นแม่เลี้ยงเลยนะเธอก็ติดป้ายให้ตัวเองสะแล้วน่าอา ยมั้ยนะ?”
“ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องยอมรับฉันเป็นแม่เลี้ยงอยู่ดีทำไม เธอไม่มีความสุขนั้นหรอ?” พูดไปพลางพัชรีก็ยื่นมือออกมาจัก กะ จินวิภา “ฮ่าๆๆ………อย่านะฉันบ้าง………………..วิภารีบ กลิ้งตัวลงไปบนโซฟาอย่างรวดเร็วและขอความเมตตา
ท่ามกลงความครึกครื้นของคนทั้งสองจู่ๆเสียงออดก็ดัง ขึ้นมาจนวิภาและพัชรีต่างก็มองหน้าซึ่งกันและกันสายตาของ ทั้งสองคนที่กำลังจ้องมองกันต่างก็ถามอยู่ว่า : กันกัน?
อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่รู้เลยว่าจะมีใครมา ในเวลานี้
จันวิภาคิดว่าเมื่อวานนราวิชญ์บอกว่าถ้ามีเวลาว่างเขาจะ มาเยี่ยมตนเองจึงรับให้พัชรีเปิดประตูอย่างรวดเร็ว น่าจะเป็น พื้นราวิชญ์เธอรีบไปเปิดประตูให้เขาเถอะ
“เฮ้ยฉันพูดแล้วทำไมฉันต้องไป………ต่อต้านอย่างไม่ พอใจแต่วินาทีต่อมาเขาก็นึกถึงเรื่องที่เท้าจันวิภาเจ็บอยู่ใน ตอนนี้แล้วพูดออกไปอย่างอดทนก็ได้ดูเหมือนว่าฉันจะต้อง หยิบกระเป๋าขึ้นมาและออกไปแล้วประหยัดค่าไฟของพวกเธอ สองคนที่นี่และยังพื้นราวิชญ์……
พัชรีพูดด้วยน้ำเสียงของจันวิภาพร้อมกับถือกระเป๋าเทียม ลุกออกไป
ตกใจเสียจนจนวิภารีบข่มอารมณ์อย่างรวดเร็วแย่ง กระเป๋าจากในมือของพัชรีแล้วพูดอย่างจริงจัง อย่าไร้สาระน่า พึ่งจะมาจะรีบไปไหนพวกเธอสองคนไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ เพื่อนรักมาอยู่รวมกันไม่ดีหรือไงรีบไปเขารออยู่ข้างนอกนาน แล้ว” เมื่อเห็นนวิภายอมแพ้พัชรีจึงวางกระเป๋าของเขาลงอย่าง
ไม่เต็มใจแล้วเดินไปเปิดประตู
อย่างไรก็ตามเกินความคาดหมายของทุกคนคนที่มานั้น ไม่ใช่นราวิชญ์
พัชรีสีเต็มๆตอนที่เธอเห็นคนที่อยู่นอกประตูก็สะบัดประตู ปิดทันทีและการกระทำนั้นช่างหล่อและสง่างาม
จันวิภามองไปที่ประตูด้วยสีหน้าที่ยุ่งเหยิงทำไมจู่ๆ พัชรีถึง ได้ปิดประตูกันและยังไม่ให้เขาเข้ามาอีก
นั่งอยู่บนโซฟาตะโกนไปหาเธอ เธอเป็นอะไรไป รีบให้พี่
นราวิชญ์เข้ามาสิ
“พี่นราวิชญ์ก็บ้าล่ะ! “พัชรีตะคอกไปทางจันวิภา
พอใจเป็นคุณธนภาคของเธอนั่นแหละ! ”
อย่างไม่
ก็ได้ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าทำไมพัชรีถึงได้ปิดประตูลง
ครั้งที่แล้วตอนที่กินข้าวพัชรีอยู่ต่อหน้าเธอจึงไม่ได้ ก้าวร้าวต่อธนภาคแต่ครั้งนี้ไม่แน่……..
ออดดังขึ้นอีกครั้งและพัชรีก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเปิดประตู ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไงจันวิภาจึงทำได้เพียงแค่ลุกเดินกระเพล กๆออกมาจากโซฟาแล้วไปเปิดประตู
เมื่อเห็นนวิภาเข้ามาพัชรีจึงขัดขวางเธอเอาไว้ เธออย่า นะ! ให้ฉันเปิดประตูเถอะอยู่นิ่งๆเป็นเด็กดีแล้ว ก็อย่าขยับ พูดจบเธอก็เปิดประตูอีกครั้งธนภาคยิ้มอย่างอบอุ่นแล้ว
เดินเข้ามาข้างในส่งเสียงทักทายไปทางเธอและพัชรีก็ส่งเสียง ที่ออกมาอย่างเยือกเย็นหุ้นตัวแล้วเดินไปทางโซฟา โดนเชิดหน้าใส่ธนภาคก็ไม่ได้ใส่ใจเขายิ้มและยกของที่ อยู่ในมือขึ้นมาคาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะซื้ออาหารเสริมและ
ของกินมาให้จนวิภา
“นี่……..นวิภามองอย่างงุนงงเธอถามธนภาคที่เดินเข้า มาหาอย่างไม่เข้าใจแล้วพูดขึ้น “นายรู้ได้อย่างไงว่าขาฉันเจ็บ และยังซื้ออาหารเสริมในส่วนนี้อีก…..จะใจดีเกินไปแล้ว
ธนาควางของลงเขาหัวเราะอย่างเป็นธรรมชาติ นรา วิชญ์บอกฉันน่ะเขาบอกให้ฉันซื้อของพวกนี้มาให้เธอเขาบอก ว่าวันนี้เขาไม่ว่างรอว่างเมื่อไหร่จะพาเธอออกไปเที่ยว
“ก็ได้…
สองคนนี้สนิทกันมากไม่งั้นก็คงไม่พูดเรื่องเช่นนี้ออกมา แต่ตอนที่ธนภาคมาเยี่ยมเธอจนวิภาดีใจเป็นอย่างมากเธอ อยากจะเข้าไปในห้องครัวเพื่อรินน้ำให้ธนภาคเธอเอ่ย ถาม นายอยากดื่มอะไรฉันจะไปเอามาให้
“ไม่ต้องๆ ฉันยังไม่กระหาย ธนภาคหัวเราะแล้วพูดปฏิเสธ
“เขาไม่กระหายน้ำแน่นอนถ้าเขาหิวน้ำก็ให้เขาไปหยิบมา เอง”จันวิภายังไม่ทันจะพูดอะไรพัชรีที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยปากพูดขึ้น มาอย่างไม่รู้สึกรู้สา