ตอนที่202 การช่วยเหลือของสุมิตร
ไม่สนใจความรู้สึกเดจาวูที่อยู่ในใจ หลังจากที่สุมิตรตะโกนเสร็จ ก็พบว่าแค่เพียงการกดหน้าอกนั้นไม่เพี
ยงพอ
เขาก้มศีรษะลงแล้วช่วยจันวิภาหายใจอี
กครั้ง
การกระทำที่ร้อนรนทั้งสองอย่างนี้ถูก
ทำซ้ำไปมา
ในที่สุดจันวิภาก็บ้วนน้ำที่อยู่ในปากออ
กมา
สุมิตรหยุดมือลง
มันช่างบังเอิญเสียจริงที่มีคนพบเห็นคว ามผิดปกติของทางด้านน
จึงรีบมาทางด้านนี้
เมื่อเขาเห็นสถานการณ์อย่างชัดเจนแล้
ว
จึงรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรแจ้
ง120
เมื่อจันวิภาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง กลิ่นฉุนของยาฆ่าเชื้อก็ลอยเข้ามาเตะจ มูก นี่เป็นกลิ่นของโรงพยาบาล
เธอ….จริงแล้วยังไม่ตายงั้นหรือ ?
!
จันวิภาหวนนึกถึงความรู้สึกที่ใกล้ตายก่ อนที่จะสลบลงไป
ตอนนี้ความรู้สึกของการเกิดหลังความ ตายเป็นเรื่องจริง…….ทันใดนั้นเองจันวิภ าก็ได้รู้สึกว่าการทมชาติอยู่ตอนมันดีจริ
งๆ หากมีชีวิตอยู่ต่อ
ก็จะได้พบกับเรื่องราวที่มีความสุขเป็นอ ย่างมากได้แน่นอน
ทันใดนั้นเองจันวิภาก็คิดถึงผู้หญิงที่เห มือนกับคนบ้าคนนั้นก่อนที่จะสลบลงไป และเด็กน้อย……
จริงสิ ! เด็กน้อยคนนั้นล่ะ !
จันวิภาร้อนรนขึ้นมาทันที ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงอย่างรวดเร็ว เธอรีบมองไปรอบๆ
เพื่อที่ต้องการจะหาเด็กน้อยคนนั้น !
เขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ ! ตนเองไ ด้ช่วยเขาไว้หรือเปล่า !
มองหาในห้องไม่เห็นแม้แต่เงาเด็ก
จันวิภาคิดที่จะกระชากสายน้ำที่อยู่อยู่ใ นมือออก แล้วเดินลงจากเตียง
ณ ตอนนี้
ประตูห้องผู้ป่วยก็ได้ถูกเปิดออกมาจาก
ทางด้านนอก
สุมิตรเข้ามาเห็นจันวิภากำลังดึงสายน้ำ เกลือที่อยู่ตรงข้อมือของตนเอง
จึงรีบตะโกนเพื่อหยุดยั้งทันที
“จันวิภา ! เธอคิดจะทำอะไรเนี่ย ! ”
พูดจบ โจ๊กที่เขาถือไว้อยู่ในมือ รีบก้าวเท้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว แล้วทิ้งโจ๊กไว้ข้างๆตามอำเภอใจ เขาขัดขวางการกระทำของจันวิภา ขมวดคิ้วขึ้นแล้วจ้องมองจันวิภา “กว่าเธอจะฟื้นขึ้นมามันไม่ง่ายเลย ทำไมถึงไม่พักผ่อนอยู่บนเตียงให้มันม ากๆหน่อยล่ะ?
เธออยากจะไปไหนอีก ? ! ” “เด็กน้อย…..เด็กน้อยคนนั้นล่ะ?” จันวิภาไม่สนใจการขัดขวางของสุมิตร
เธอดึงมือของสุมิตรออกอย่างไม่สนใจ แล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก “เด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่มั้ย? เขาอยู่ที่ไหน?
สุมิตรนึกถึงเด็กที่จันวิภาจมน้ำก็ยังกอด ไว้จนแน่นไม่ยอมปล่อย มีความลังเลอยู่เล็กน้อย เขาพูดกับจันวิภาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดี
นัก
“เด็กคนนั้น…….บางทีอาจจะไม่สามารุมี ชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว
หมอบอกว่าเขาสำลักน้ำมากเกินไป หากไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทันเวลา……..
นั่นคือสิ่งที่ฉันรู้ ตอนนี้หมอกำลังศดหาวช่วยชีวิตอยู่ หวังว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้นะ”
คำพูดของสุมิตรดูเหมือนจะทำให้ศีรษะ
ของจันวิภาแทบระเบิด เธอมองไปทางประตูด้วยความประหลา ดใจ แล้วพูดพึมพำออกมา “เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไง…… ป็นอย่างนี้..… …ไมถึงเ
จันวิภาเสียสติไปครู่หนึ่ง
ทันใดนั้นเองก็เหมือนเธอจะคิดอะไรขึ้น มาได้จับมือของสุมิตรจนแน่น จ้องมองเขาด้วยสายตาที่อ้อนวอน แล้วพูดขึ้นมา “สุมิตร
นายช่วยฉันไปถามหน่อยนะ ! ดูว่าตอน
นี้เด็กคนนั้นเป็นอย่างไงบ้าง !
“ฉัน………. สมิตรขมวดคิ้ว
เหมือนกับจะไม่ค่อยอยากไป เรื่องของคนอนเขาเกี่ยวอะไรด้วย แต่หลังจากที่จันวิภาขอร้องซ้ำอีกครั้ง
สุมิตรจึงทำได้เพียงแค่ลูบหัวของเธออ ย่างไม่รู้จะทำอย่างไร แล้วพูดออกมาเบาๆ “ก็ได้ ฉันจะไปช่วยเธอถามให้ แต่เธอจะต้องรับปากฉัน นอนอยู่บนเตียงดีๆ ห้ามไปที่ไหน เขาใจมั้ย? ”
“อื้อๆ”
จันวิภารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วราวกับ
ไก่กำลังจิกข้าวสาร
เมื่อสุมิตรเห็นเช่นนี้
จึงให้เธอกลับไปพักลงบนเตียงอีกครั้ง
ทั้งยังกำชับว่าให้เธอกินโจ๊ก
จึงจะออกจากห้องผู้ป่วยไปอย่างวางใจ หลังจากสุมิตรเดินออกไป
จันวิภาจึงนอนเอนตัวลงคิดถึงเรื่องราว
ต่างๆ
ครั้งนี้……… ก็เป็นสุมิตรที่ช่วยเธอไว้อีกแล้
วสินะ?
สองครั้งแล้ว ทุกครั้งที่เธอจมน้ำ
ก็เป็นสุมิตรที่มาช่วยเธอเอาไว้
กล่าวอีกนัยหนึ่ง
จันวิภาได้ติดหนี้ชีวิตกับสุมิตรไว้ถึงสอง ครั้งด้วยกัน
นึกถึงสุมิตรที่แสดงออกอย่างอบอุ่น ภายในใจของจันวิภาจึงมีความรู้สึกอบ อุ่นไหลผ่านมาอยู่เล็กน้อย หลังจากที่สุมิตรความจำเสื่อมก็ดีขึ้นมา กจริงๆ
นี่เป็นครั้งแรกที่จันวิภาพบว่าสุมิตรที่เห มือนกับคนสารเลว
บ้ากามในสายตาเธอมาตลอดนั้นเป็นค นที่ดีคนหนึ่ง คิดไม่ถึงเลย ว่าคนเช่นนี้จะช่วยชีวิตเธอไว้ถึงสองครั้ งด้วยกัน
ช่วยไม่ได้
จันวิภามองสุมิตรเปลี่ยนไปแล้วเล็กน้อ ย แท้ที่จริงแล้ว สุมิตรเองก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เธอจิน
ตนาการเอาไว้
สายตาของจันวิภามองโจ๊กที่อยู่บนโต๊ะ มันเป็นโจ๊กหมูไข่เยี่ยวม้าที่เธอชอบ เธอยิ้มออกมา หยิบถ้วยขึ้นมาแล้วกินมัน
สุมิตรออกไปเพียงไม่นานก็กลับเข้ามา แล้ว เห็นจันวิภากินโจ๊กจนหมด นัยน์ตาก็เปล่งประกายออกมาอย่างพึง พอใจ
นั่งลงข้างเตียงของจันวิภาแล้วพูดขึ้นม
า “……เด็กปลอดภัยแล้ว ตอนนี้กำลังรอให้ฟื้นขึ้นมาอยู่ในห้องผู้ ป่วย ถ้าเขาฟื้นขึ้นมา
คาดว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว…… มอบอกว่ายังต้องรอเขาฟื้นขึ้นมาก่อนจึ งจะค่อยมาพูดกันอีกครั้ง ดูว่ามีผลที่ตกค้างอะไรกับร่างกายของเ ขาอีกมั้ย…….
เพราะเห็นว่าจันวิภาเป็นกังวลกับเด็กค นนั้นมากเสียขนาดนั้น
ตอนที่สุมิตรไปนั้นจึงได้สอบถามอย่าง ละเอียด
ตอนที่กลับมาจึงได้บอกเรื่องราวกับเธ ออย่างละเอียดถี่ถ้วน
“ส่วนแม่ของเด็ก ารวจพาตัวไปแล้ว เธอได้ถูก เธอวางใจเถอะ”
จันวิภายังไม่ทันที่จะถาม
สุมิตรก็ได้พูดความกังวลที่อยู่ในใจของ
เธอออกมา
เธอมองสุมิตรอย่างซาบซึ้ง
เป็นครั้งแรกที่พูดประโยคนี้ออกมาจาก
ใจกับเขา “ขอบคุณนะ สุมิตร”
คําพูดของจันวิภาทําให้สุมิตรตกตะลึงไ ปอยู่เล็กน้อย เขาหัวเราะขึ้นมาทันที จูบไปบนหน้าผากของจีนวิภา
หัวเราะแล้วพูด
“เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
จันวิภามองดูรอยยิ้มของสุมิตร อดไม่ได้ที่จะมองอย่างงุนงง ทันใดนั้นเองเธอกได้รู้สึกถึงความหลอ เหลาของสุมิตร ในสายตาเธอ สุมิตรได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
ไม่ มันควรจะเป็นจริง
สุมิตรได้เปลี่ยนไปมากเลยจริงๆ
ทันใดนั้นเองจู่ๆจันวิภาก็มีความคิดที่เห็ นแก่ตัวอยู่เล็กน้อย
ถ้าหากปล่อยให้สุมิตรสูบเสียความทรง จำอย่างนี้ต่อไปก็คงจะดี
จะได้ไม่ต้องคิดถึงความทุกข์ระทมของ ทั้งสองคนเมื่อก่อน
พวกเขารักษาสถานภาพอย่างนี้ต่อไป
เป็นอย่างนี้มันก็คงจะดี
จันวิภาได้ภาวนาต่อฟากฟ้าอยู่ในใจ
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้เลยก็คือ ไม่เพียงแค่สุมิตรที่เปลี่ยนไป แม้แต่ความคิดของเธอเองก็ค่อยๆเปล ยนแปลงไปเช่นเดียวกัน
จันวิภาพักอยู่ที่โรงพยาบาลหนึ่งวัน วันที่สองจึงจะสามารถกลับไปพักที่โรง แรมได้
เนื่องจากจู่ๆจันวิภาก็นอนโรงพยาบาล
ตารางเวลาเดินทางจึงได้ล่าช้าไปหนึ่งวั
น
ตอนบ่ายวันต่อมา
จันวิภาได้ติดตามสุมิตรไปเพื่อหารือเกี่ ยวกับโครงการความร่วมมือ
ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นสิ่งที่สุมิตรต้อ งการพัฒนาโครงการของบริษัทให้กับ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่นี่ และหุ้นส่วนอื่นๆของความร่วมมือในครั้ งนี้เป็นผู้นำของนักท่องเที่ยวท้องถิ่นที่ใ หญ่ที่สุด
เพื่อที่สุมิตรจะสามารถคว้าธุรกิจนี้เอาม
าได้
จึงได้มาเจรจาต่อรองด้วยตัวเองกับจัน
วิภา
ตอนที่มาถึงสำนักงานใหญ่ของอีกฝ่าย
ทั้งสุมิตรกับจันวิภาต่างก็คิดว่าคนที่มารั บน่าจะเป็นประธานบริษัทหรืออะไรเทือ กนั้น
แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คา
ดการณ์
คนที่มารับพวกเขาคือสาวสวยที่มีเรือน ร่างร้อนแรงคนหนึ่ง !
ผู้หญิงสาวสวยคนนี้ดูๆไปแล้วคงจะอายุ อานามราวยี่สิบสองปี
เป็นผู้หญิงที่เซ็กซี่ ร่างกายสูง สวมชุดหนังสีดาแนบเนอ
ลอนผมสีน้ำตาลกระจัดกระจายอยู่ทาง
ด้านหลัง
ท่าเดิมมีความมั่นใจและหยิ่งทะนง
เมื่อเธอเห็นสุมิตร
ดวงตาทั้งสองก็ยิ้มแย้ม แล้วเดินมาทางสุมิตรด้วยท่าทางที่แข็ง
ขัน
ยื่นมือออกมาทักทายกับเขาอย่างสุภา ดิฉันชื่อว่าพจรินทร์
พ “คุณสุมิตร สวัสดีค่ะ ได้ยืนชื่อเสียงมานาน
คุณจะเรียกฉันว่าก็ได้ยินค่ะ”