ตอนที่ 35 แค่เป็นของเล่น
นาง เป็นคนของโม่จื่อฟง ?
หน้าของอินฉีเคร่งขรึมลง ไม่รู้ตัวว่านิ้วมือที่เกาะ แน่นตรงลายฉลุบนหน้าต่างเริ่มซีดขาว เขากระแอม หนึ่งที่แล้วถามซานป่าย “เจ้าบอกว่าโม่จื่อฟงเก็บสาว ใช้อุ่นเตียงคนหนึ่งมาใช่หรือไม่? 1
“ใช่ อาจจะ “ซานป่ายรู้ดีว่านายท่านรู้สึกเสียใจ กับผู้หญิงที่ปลดกำไลสวรรค์คนนั้น “อาจจะไม่ใช่นา งก็ได้”
อินฉีไม่ได้เอ่ยอะไรอีก แต่คนที่มีฐานะสูงศักดิ์ หาก เรื่องแค่นี้ไม่สามารถวิเคราะห์ได้ เขาคงได้ตายไปนาน แล้ว
“นายท่าน เรื่องนี้อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ “ซานป่ายอยากจะเกลี้ยกล่อม อินฉียกมือขึ้นบอกให้ 4 ะ เขาหยุดพูด เขาตั้งใจวิเคราะห์ภาพเหตุการณ์นั้นอยู่
หลินซีนเยียนถือภาพวาดเดินลงบันไดไม้ไปโดยไม่ หันกลับมามองหน้าของโม่จื่อฟง นางเหยียดยิ้ม ใคร จะมองข้ามคนหนึ่งและให้ความสำคัญกับคนหนึ่งอย่างชัดเจนขนาดนี้ได้ พอถึงสถานการณ์คับขันทีไร ผิดก็ผิดที่วันนี้เธออ่อนแอเกินไป ดังนั้นคนพวกนี้ถึงได้ ปั่นหัวเธอเล่น!
สายตาของโม่จื่อฟงมองไปยังแผ่นหลังของหลินซีน เยียนตลอด นัยน์ตามัวหมองได้ซ่อนอารมณ์สั่นไหวที่ ตนเองรู้ถึง ผู้หญิงคนนี้ใจเย็นกว่าที่เขาคิดเอาไว้ซะอีก ความแน่วแน่เช่นนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่าง แน่นอน เขายิ้มขึ้นมาราวกับรู้สึกสนใจอย่างมาก
เหล่าลูกค้าในร้านอาหารไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทุกคนยังคงเสียงดังครึกครื้นกันอยู่
หลินซีนเยียนเดินแหวกกลุ่มคนออกมา ในที่ก็เดิน มาถึงหน้าประตูร้านอาหารก็หยุดเดิน สังเกตผู้คนที่ อยู่รายล้อม แต่ก็ไม่เห็นมีใครแตกต่างกัน
“ลูกค้าโปรดระวังด้วยน้ำแกงมันร้อน”เสี่ยวเอ๋อ ในร้านส่งเสียงร้องตะโกน กลุ่มคนหลีกทางให้ เสี่ยว เอ๋อใช้โอกาสนี้พุ่งตรงเข้าไปหาหลินชีนเยียน ไม่ รอให้นางตอบโต้ก็ใช้น้ำแกงร้อนๆ สาดไปยังลูกค้าที่ อยู่ด้านข้าง จากนั้นก็จับตัวหลินซีนเยียนแล้ววิ่งออก จากร้านไป
ลูกค้าที่โดนน้ำแกงร้อนสาดก็ร้องขึ้นมาทันที ใน โถงใหญ่เกิดความโกลาหลอลหม่านขึ้นทันที ผู้คน ต่างวิ่งหนีและตะโกนร้องอย่างตกใจ ทำให้ไปขวาง ทางองครักษ์ที่อยู่ข้างล่างจนตามออกไปไม่ทัน
หลินซีนเยียนถูกเสี่ยวเอ๋อฉุดลากออกจากร้านอา หารไป นางไม่ได้คิดมากก็เอาภาพวาดในมือใส่ไป ในเสื้อตรงหน้าอกของผู้นั้นแล้ว “ท่านจอมยุทธ์ ภาพ วาดท่านก็ได้ไปแล้ว ข้าเป็นแค่สาวใช้คนหนึ่ง ไว้ชี วิตข้าด้วยเถิด!
เขาไม่ได้ฟังกลับดึงนางวิ่งไปข้างหน้าไม่หยุด หลัง จากวิ่งไปประมาณ 10 กว่าจ้าง เขาก็ผลักหลินซีน เยียนเข้าไปในรถม้าอย่างโหดเหี้ยม
ที่แท้ คนพวกนี้ก็ใช้วิธีหลบหนีคล้ายกับการแข่งวิ่ง ผลัด ได้มาก็ส่งต่อกันไปเรื่อยๆ คนที่ส่งไปแล้วล้วนตัด สินใจที่จะตาย
ภาพวาดอาวุธหน้าไม้นั้นมีความสำคัญอย่างมาก คุ้มค่าพอที่จะทำให้คนเหล่านี้ไม่ลังเลที่จะไปตายเลย หรือไง?
“ทำไมถึงพาผู้หญิงมาด้วย? “คนที่บังคับรถม้าตะลึงงัน ตวัดบังเหียนออกรถม้าไปอย่างรวดเร็วด้วย ท่าทางไม่พอใจ
“เป็นคำสั่งของนายท่าน พวกเจ้ารีบไปก่อน เดี๋ยว ข้าจะตามไปทีหลัง! “ชายที่จับตัวหลินซีนเยียนมา ตอนแรก ไม่ได้ขึ้นมาบนรถม้าด้วย เขาชักกริชออ กมาแล้วพุ่งเข้าไปหาองครักษ์ที่วิ่งตามหลังมา
ม่านในรถม้าถูกปิดลงเพราะรถม้าได้วิ่งทะยานอ อกไปอย่างรวดเร็ว ถึงหลินซีนเยียนจะมองไม่เห็น เหตุการณ์นอกรถแล้ว แต่ภายในใจกลับค่อยๆ สงบ ลง คนพวกนี้ไม่ได้ฆ่าเธอก็หมายความว่าเธอยังมีประ โยชน์อยู่ แสดงว่ายังคงรักษาชีวิตได้อยู่ชั่วคราว
ในโรงเตี้ยม องครักษ์ครึ่งหนึ่งได้วิ่งตามหลินซีน เยียนไป ส่วนอีกครึ่งหนึ่งก็ได้ล้อมสาวงามที่จับตัว เซียวฉางเยว่อยู่
“คนของพวกเจ้าได้ภาพวาดไปแล้ว ปล่อยคุณหนู ใหญ่เชียวได้หรือยัง? “โม่จื่อฟงเอ่ยอย่างเย็นชา ดูไม่ ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน
“ทำศึกย่อมมีกลอุบายมาก ท่านอ๋องคิดว่าข้าจะ ยอมปล่อยคุณหนูใหญ่เชียวจริงๆหรอ หากปล่อยนางแล้ว ข้าจะมีชีวิตรอดรึ? “สาวงามคนนั้นหัวเราะอย่าง น่าสมเพช มองดูคู่หูของตนเองที่ถูกฆ่า นางกัดฟัน แน่นแล้วถือกริชเข้าไปใกล้คอหมายจะเชือดคอของ เซียวฉางเยว่
“เหอะ”
เสียงหัวเราะยังไม่สิ้นสุด ทุกสิ่งทุกอย่างกลับร่วง หล่น สาวงามคนนั้นตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จู่ๆ ก็เห็นโม่จื่อฟงได้เข้ามาประชิดตัวแล้ว “เจ้า เจ้าเพิ่ง กินอาหารที่ข้าป้อนไปไม่ใช่หรือ? ในอาหารนั่นมีส่วน ผสมของยากล้ามเนื้ออ่อนแรง ทำไมเจ้าถึง…
น่าเสียดายที่นางยังไม่ได้ถามออกไป ในช่วงวินา ะ ที่นั้น โม่จื่อฟงได้แย่งกริชของนาง จากนั้นก็แทงเข้า ไปที่กลางอกของนางแล้ว
ทันใดนั้นเลือดสดได้ทะลักออกมา ไม่นาน สา วงามที่สวยจนทำให้ผู้คนหวั่นไหวคนนั้นก็มีเลือดท่วม ตัว
โม่จื่อฟงเช็ดมือแล้วเดินข้ามศพของสาวงามไป ไม่มองเชียวฉางเยว่ที่ตกใจเข่าอ่อนจนล้มไปบนพื้น เพียงไปสั่งการจินมู่” ให้คนของเรารีบตามไป เสียแรงไปกับการตกปลาตัวใหญ่อยู่นาน ห้ามปล่อยปลาตัว ใหญ่หนีไปเด็ดขาด ”
“ขอรับ! “จินมู่ส่งเสียงตอบกลับ รีบเดินตามโม่
จื่อฟงออกไป
หน้าประตูหน้าอาหารได้เตรียมม้าเร็วไว้แล้ว พอโม่ จื่อฟงเดินออมาจากร้านอาหารก็กระโดดขึ้นแล้วควบ ม้าวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
สีท้องฟ้ายามค่ำคืนยิ่งดำมืดไร้แสงสว่าง ค่ำคืนนี้ แม้แต่ดาวสักดวงก็ยังไม่มี
“ท่านอ๋อง เมื่อครู่ท่านให้แม่นางหลินไปส่งภาพวาด ไม่กลัวว่าคนพวกนั้นจะลงมือสังหารนางไปแล้วหรือ พ่ะย่ะค่ะ?”จินมู่ไม่เข้าใจความคิดของนายตนเอง เห็น อยู่ว่าปฏิบัติกับแม่นางหลินอย่างที่ไม่ปฏิบัติกับใคร มาก่อน แต่พอเห็นการกระทำเมื่อครู่นี้เหมือนกับไม่ได้ สนใจหลินซีนเยียนอยู่เลย
ม้า 2 ตัววิ่งไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายจินมู่ก็ทนไม่ไหว จึงได้เอ่ยถามไปอย่างสงสัย
“จินมู่ เจ้าเชื่อว่าผู้หญิงคนหนึ่งจะสามารถประกอบ แผ่นภาพอาวุธหน้าไม้ได้รี?”โม่จื่อฟงไม่เพียงถามกลับ แต่ยังเร่งความเร็วควบม้า
จินมู่ตะลึงงั้น”ท่านอ๋องไม่เชื่อรี? ”
“ข้าไม่เคยเชื่อปาฏิหาริย์และความบังเอิญตั้งแต่ แรกอยู่แล้ว”เสียงของโม่จื่อฟงค่อยๆ หายไปในความ มีด แม้แต่เงาของเขาก็ค่อยๆ กลมกลืนเข้าไปใน ความมืด
“หากว่าหลินซีนเยียนไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกนั้น พอพวกมันได้ของแล้วอาจจะสังหารนางหรือ
ไม่? “จินมู่รู้สึกกังวล
โม่จือฟงไม่ได้ตอบคำถามอยู่เนิ่นนาน จินมู่คิดว่า เขาจะไม่ตอบคำถามแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงเย็นชา ของเขา”ก็แค่ของเล่นชิ้นหนึ่งเท่านั้น”
ตอนนั้นโม่จื่อฟงคิดไม่ถึงว่า สิ่งนั้นที่เขาเคยคิดว่า มันเป็นของเล่นชิ้นหนึ่ง กลับสามารถเปลี่ยนแปลง ชีวิตของเขาไปทั้งชีวิต
เสียงล้อหมุนของรถม้า เมื่อได้วิ่งลงบนถนนสาย เล็กที่ป่ารกร้างนอกชานเมือง ตรงสุดถนนสายเล็กนั้น มีหุบเขาอยู่ลูกหนึ่ง ในหุบเขามักจะมีสัตว์ป่าออ กมาเดินเพ่นพ่าน ดังนั้นไม่ค่อยมีคนมาที่นี่ โดยเฉพาะยามกลางคืน
ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าในหุบเขาลึกๆ จะมีบ้านหลังเล็ก อยู่หลังหนึ่ง ช่วงเวลานี้ บ้านหลังเล็กนั้นได้จุดไฟสว่าง มีคน 10 กว่าคนสวมชุดสีดำอำพรางทั้งตัวคอยยืนคุ้ม ครองอยู่ ในห้องตรงกลางของบ้านหลังเล็กมีชายวัย กลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือ
ข้างกายของเขามีชายแก่หนวดขาวคนหนึ่ง ชายแก่ คนนั้นกำลังถูมือไปมาอยู่ เมื่อมองไปยังหน้าประตูก็ เห็นรถม้าได้วิ่งแล่นเข้ามาให้ลานบ้าน เขาก็รีบออก ไปทันที
ชายแก่เลิกม่านในรถม้าขึ้น พอเห็นหลินซีนเยีย นก็ยืนมือออกไปทันที”สาวน้อย กล่องของข้าล่ะ? ”
หลินซีนเยียนคิดไม่ถึงว่า ในสถานการณ์แบบนี้จะ ได้มาเจอชายแกคนนั้นอีก เธอนึกถึงคำพูดของโม่ จื่อฟงว่า คนผู้นี้คือตาเฒ่าสวี่เกือแห่งสำนักเทียนจี ดังนั้นเธอจึงถามกลับไป”เจ้าบอกจะไปยืมเงินมาแล้ว มาไถ่กล่องคืนไปไม่ใช่หรือ แล้วไหนเงินที่เจ้ายืม มา?