ตอนที่ 40 คอยดูเถิด
ความเจ็บแสบที่ใบหน้า ทำให้หลินซีนเยียนจ้องไปที่ หญิงวัยกลางคนนั้นอย่างตื่นตระหนก”เจ้า!
“เจ้าทำไมเจ้า แค่เห็นก็รู้ว่าเจ้าไม่ยอมรับการสั่ง สอน ข้ากุ้ยโมโม่ ไม่ว่าเจ้าจะมีฐานะอะไรมาก่อน ในเมื่อเข้ามาในจวนอ๋องแล้วก็ปฏิบัติตามกฎ ข้าเห็น สาวใช้ที่คิดจะขัดขืนมานักต่อนักแล้ว ท่านอ๋องเชื่อ ใจข้าและส่งพวกนางมาให้ข้าสั่งสอน หากข้าสั่งสอน นางขี้ข้าพวกนี้ไม่ดี ข้าคงทำผิดต่อท่านอ๋อง! ”
กุ้ยโมโม่ยืนเท้าเอว สั่งให้หญิงแก่ 2 คนที่อยู่ข้างๆ จับแขนของหลินซีนเยียน ไม่สนว่าหลินซีนเยียนจะมี ท่าที่ยังไง เพียงลากเธอเข้าไปข้างในจวน
ถึงจะเป็นทางเข้าประตูข้างของจวนอ๋อง แต่การ ตกแต่งภายในประตูจวนงดงามไม่แพ้ประตูหลักของ เรือนหลังใหญ่ เรือน ศาลา ของประดับตกแต่ง แม้ กระทั่งดอกไม้ใบหญ้าที่สามารถมองเห็นได้ทั่วทุกมุม ล้วนทำให้คนได้เปิดดูเปิดตาโดยแท้
หลินซีนเยียนไม่ชำนาญเรื่องพืชสมุนไพร แต่เธอจำงานฉลองวันเกิดของแม่ทัพใหญ่ฉินเมื่อปีก่อนได้ มีขุนนางได้ลงทุนซื้อต้นหญ้ามู่เฉามอบให้เป็นของ ขวัญ ต้นหญ้ามู่เฉาสามารถทำให้มีอายุยืนยาว แต่ ไหนแต่ไรมามันมีราคาสูงจนขาดตลาด ดังนั้นเพียง ต้นหนึ่งก็ถือว่ามีค่าอย่างมาก ส่
หลินซีนเยียนจำได้ดีว่า ต้นหญิงมู่เฉานั้นเป็นสิ่งล้ำ
ค่าอย่างมาก
แต่ทุกมุมในลานบ้านประตูข้างนี้ ถึงได้มีต้นหญ้ามู่ เฉาปลูกเยอะขนาดนี้! อ๋องอู่เสวียนนี่ร่ำรวยมาก จริงๆ ในขณะที่เธอตกตะลึงจนลืมตัว ก็โดนหญิงแก่ 2 คนลากเข้าไปในเรือนหลังเล็ก
ตรงกลางของเรือนมีห้องโถงหลักอยู่หนึ่งห้อง ใน ห้องนั้นได้จุดธูปที่สูงเท่าครึ่งหนึ่งของคนอยู่หนึ่งดอก ธูปได้ส่งกลิ่นหอมออกมาเล็กน้อย ส่วนด้านหลังธูป เป็นป้ายวิญญาณที่ตั้งเรียงกันอยู่
“คุกเข่าลง! “กุ้ยโมโม่เตะที่เข่าของหลินซีนเยียน บังคับให้เธอคุกเข่าลงที่พื้น “รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ ใด? ”
หลินซีนเยียนขมวดคิ้ว”ห้องป้ายวิญญาณของจวนอ๋อง?
”
หากห้องป้ายวิญญาณของจวนอ๋องอู่เสวียนมาอยู่ที่ นี่จริง มันไม่โกโรโกโสไปหรือ? ขนาดห้องป้ายวิ ญญาณของจวนแม่ทัพยังดูดีกว่าเลย
“เหลวไหล! ห้องป้ายวิญญาณของเจ้านายจะ มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ที่นี่เป็นป้ายวิญญาณของพวก คนใช้ที่มีคุณงามความดี สาวใช้และคนรับใช้ที่เข้า จวนอ๋องมาใหม่ทุกคนต้องมากราบไหว้คนใช้รุ่นก่อน ตอนนี้ เจ้าก็ตั้งใจกราบไหว้ไปแล้วกัน ทุกป้ายต้อง โขกหัว 3 ครั้ง ห้ามแอบขี้เกียจเด็ดขาด ข้าไม่อ่อนข้อ ให้สาวใช้ที่ไม่ยอมเชื่อฟังข้าเด็ดขาด”
หลินซีนเยียนเงยหน้ามองป้ายวิญญาณกว่าร้อย ป้ายที่ตั้งเรียงอยู่ กำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว เธอเข้าใจ การปกครองของสังคมศักดินาลึกซึ้งมากเกินพอแล้ว ทำไมถึงต้องให้เธอมีประสบการณ์กับตัวเองอีก?
“ทำไมยังไม่เริ่มไหว้อีก? “กุ้ยโมโม่เอ่ยเสียงต่ำ เมื่อเห็นเธอยังไม่ขยับตัวก็หยิบแส้มาจากคน ข้างๆ “ดูเหมือนว่ายังไม่ยอมรับการสั่งสอนสินะ”
พอสิ้นสุดเสียง นางก็ตวัดแส้ไปที่หลังของหลินชีนเยียน
“ไม่ไหว้รี? โขกหัวหนึ่งครั้งแลกกับแส้หนึ่งที ข้าอ ยากจะเห็นว่าเจ้าจะทนเจ็บได้สักกี่ที!”กุ้ยโมโม่ถูกแขน เสื้อขึ้นเตรียมจะลงแล้
เสียงแส้ฟาดกระทบลงบนเนื้อดังเปรี้ยะ! กึกก้อง ไปทั่วห้องป้ายวิญญาณที่เงียบสงบ ทุกคนต่างก็หยุด ยืนมอง
โดนแส้ฟาดไปไม่กี่ที สีหน้าของหลินซีนเยียนเริ่ม ซีดขาว ทั้งตัวมีเหงื่อออกเต็มไปหมด แต่เธอก็ยัง ดึงดันทนกัดฟันต่อไปไม่ยอมโอนอ่อน
กุ้ยโมโม่ฟาดไป 10 กว่าที่มือก็เริ่มหมดแรง เรียก คนมาสับเปลี่ยน คนที่มาเปลี่ยนรูปร่างไม่ใหญ่แต่แร งกลับไม่น้อย ลงแส้คล่องกว่ากุ้ยโมโม่อยู่หลายเท่า
“เปรี้ยะๆๆ”
ผ่านไปไม่นาน หลังของหลินซีนเยียนก็เต็มไปด้วย เลือด กุ้ยโมโม่เห็นว่าเธอยังไม่ยอม สีหน้าก็เริ่มไม่สู้ดี หลินซีนเยียนใกล้จะหมดสติแล้ว นางจึงหยุดคนที่ลง แส้”พอแล้ว พานางไปส่งที่ห้องก่อน อย่างไรนางก็เป็น สาวใช้อุ่นของท่านอ๋อง ต้องให้ความสำคัญกับผิวกาย”
หญิงแก่ 2 คนพาตัวหลินซีนเยียนที่หายใจอยู่ รอมร่อออกไปด้านนอก
ในตอนที่ใกล้จะหมดสติ หลินซีนเยียนหันหน้าไป มองเข้าในห้อง กุ้ยโมโม่จ้องเขม็งมาทางเธอ หลินซีน เยียนได้แสยะยิ้มขึ้นแล้วทำปากพูด”กระแสน้ำมักจะ ไหลหวนคืน เราได้เห็นดีกันแน่”
เธอไม่ได้เปล่งเสียงออกไป แต่กุ้ยโมโม่ก็อ่าน ปากของเธอออก กุ้ยโมโม่ผู้กร้านโลกเริ่มทำหน้าบูด หน้าเบี้ยวเพราะโดนสาส์นท้ารบจากเธอในขณะที่จะ ตายมิตายแหล่ นางเด็กคนนี้ ดูซิว่าจะกล้าได้สักแค่ ไหนกันเชียว เรือนหลังของจวนอ๋อง เกรงว่าจะไม่สง บอีกต่อไป
แสงไฟสว่างขึ้นในยามพลบค่ำ พื้นที่ส่วนหนึ่งของ จวนอ๋องที่หรูหรา มีเรือนที่พักสำหรับสาวใช้โดย เฉพาะ ในเรือนมีห้องธรรมดาไม่กี่ห้อง ในห้องใหญ่ มีคนอาศัยอยู่ 10 กว่าคน ส่วนห้องเล็กเป็นที่พักของ สาวใช้พิเศษคนหนึ่ง
หลินซีนเยียนไม่ใช่สาวใช้พิเศษ แต่มีฐานะที่พิเศกว่าคือเป็นสาวใช้อุ่นเตียง เธอจึงอาศัยในห้องนั้น คนเดียวได้
แสงสว่างจากเปลวเทียนพลิ้วไหวไปมาได้กระทบ
ลงมาที่ใบหน้าของหลินซีนเยียน ทำให้เห็นเป็น
ใบหน้าซีดเซียวไร้เลือดฝาด
ไม่มีใครมาส่งอาหารมื้อเย็นให้เธอ ตอนนี้เธอหิว ๘ ณ 4 จนไส้กิ่ว และด้านหลังก็ยังเจ็บแสบอยู่มาก ทำให้เธอ นอนไม่หลับ
เธอเหม่อมองเปลวเทียนที่พลิ้วไหวไปมา น้ำตา เทียนที่หยดลงเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะประตู เธอจึงเรียกสติกลับคืนมาได้
“แม่นางหลินอยู่ในห้องหรือไม่?”มีเสียงเด็กรับใช้ ดังมาจากด้านนอกประตู เสียงนั้นคล้ายกับกำลังเร่ง รีบ
หลินซีนเยียนกระแอมไป 2-3 ทีแล้วใช้เสียงใส
ตอบกลับไป “ข้าอยู่”
“ท่านอยู่ก็ดีแล้ว ท่านอ๋องกลับจวนแล้ว เชิญท่าน
ไปปรนนิบัติด้วย”เด็กรับใช้เอ่ย
หลินซีนเยียนเงียบไปครู่ กัดฟันแล้วพยุงตัวให้ลุกขึ้นมา เธอหยิบเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ มาสวม เหยียดหลัง ตรงแล้วก้าวเดินออกไป เสื้อผ้าที่สวมเสียดสีกับบาด แผลที่หลัง นางเคลื่อนไหวคล้ายกับเป็นเงือกน้อยที่อยู่ ในนิทานเด็ก ทุกๆ ก้าวล้วนเจ็บไปยันกระดูก
เธอผลักประตูออกไป เห็นหนุ่มน้อยอายุ 17-18 ปี หนุ่มน้อยคนนี้มีหน้าตาสดใส ตอนนี้ก็มืดค่ำแล้ว แต่ ดวงตาที่เปล่งประกายอยู่กลับทำให้รู้สึกมีแสงสว่าง ส่องมาจากดวงอาทิตย์อยู่
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ตัวว่ามีคนเปิดประตูออกมา สาวใช้หลายคนได้ออกจากในห้องแล้วมายืนมุงดู หนุ่มน้อยคนนี้ บางคนก็มองไปที่หลินซีนเยียนด้วย สายตาอิจฉาริษยา
“นางเป็นสาวใช้อุ่นเตียงที่มาใหม่รี? ”
“ก็ใช่น่ะสิ เจ้าไม่เห็นเด็กรับใช้ส่วนตัวของอ๋องอู่ เสวียนมาเรียกนางไปรึ? ”
“ข้าว่านางก็ไม่เท่าไร เจ้าเห็นหน้าของนางหรือไม่ คล้ายกับคนตายมิตายแหล่”
“เจ้าระวังหน่อยเถิด หากนางได้สยายปีกเป็นหงส์ ขึ้นมา ถึงตอนนั้นก็กลายเป็นเจ้านางของพวกเรา
“นางน่ะรี? สาวใช้อุ่นเตียงคนหนึ่ง อย่าล้อเล่นเลย
ดีกว่า”
บทสนทนาต่างคนต่างแย้งกันไปล้วนหมายถึงหลิน
ซีนเยียน คำพูดเรื่อยเปื่อยของพวกสาวใช้ คล้า
ยกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร และก็ไม่มีใครสนใจด้วย หลินซีนเยียนไม่เคยขมวดคิ้ว ทำเหมือนไม่สนใจ คำพูดเหล่านั้น
เด็กรับใช้มู่เหอแอบประเมินหลินซีนเยียนในใจ เห็นเธอมีจิตใจแน่วแน่ดีน่าชื่นชมอยู่หลายส่วน บุคลิก ท่าทางก็น่านับถืออย่างมาก”แม่นางหลิน พวกเรารีบ ไปกันเถิด ท่านอ๋องกำลังรออยู่”