ตอนที่ 34 ให้นางไปตาย
เป้าหมายของพวกนางคือเซียวฉางเยว่!
อ๋องอู่เสวียนโม่จื่อฟงได้ไปรับเซียวฉางเยว่ในฐานะ ที่เป็นขุนนางผู้มีคุณูปการด้วยตนเอง หากเกิดอะไร เกิดขึ้นกับเซียวฉางเยว่ อ๋องอู่เสวียนต้องรับผิดชอบ ทั้งหมด พวกนางรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่สามารถสังหาร อ๋องอู่เสวียนได้อย่างง่ายดาย
“พวกเจ้าบังอาจมาก! “จนถึงตอนนี้เชียวฉางเยว่ ก็ยังคงความเป็นคุณหนูใหญ่อยู่นางมองไปที่โม่ จื่อฟงด้วยสายตาแบบที่เฝ้ารอคอยคนที่รัก
“คุณหนูใหญ่เชียว จนถึงตอนนี้เจ้ายังเชื่อหรือว่า อ๋องอู่เสวียนจะสามารถช่วยเจ้าได้? “สาวงามหัวเราะ พร้อมถือกริชจ่อเข้าใกล้คอของเซียวฉางเยว่อีกจน เกิดเป็นรอยบาดมีเลือดไหลออกมาทันที
เซียวฉางเยว่รู้สึกเหมือนว่าตนเองใกล้จะตายแล้ว ถึงโม่จื่อฟงจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ตอนนี้เขาจะช่วยนาง ได้หรือไม่? นางเริ่มลังเลแล้ว ตอนนี้นางมองไปยังโม่ จื่อฟงด้วยความหวาดกลัวจนใบหน้าซีดขาว”ท่านอ๋องท่านต้องช่วยข้า…”
โม่จื่อฟงไม่มีท่าทีรีบร้อน เพียงโยนสาวงามที่ ตนเองจับกุมได้ส่งไปให้จินมู่ “พวกเจ้าต้องการอะไร กันแน่ หากอยากได้ชีวิตของเซียวฉางเยว่ก็คงจะ ลงมือไปแล้ว เหตุใดต้องพูดให้มากความ? ”
สาวงามคนนั้นตะลึงจนหัวเราะขึ้น”ไม่เสียทีที่เป็น อ๋องอู่เสวียน ได้ ข้าจะพูดตามตรงแล้วกัน ข้าอยากได้ ภาพวาดอาวุธหน้าไม้ส่วนที่ท่านได้ไป! ”
พอโม่ขอฟงได้ยินก็หัวเราะออกมาเบาๆ ชี้ไปยังคู่ หูของนาง “เจ้าคิดว่าชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ใน สายตาของข้าจะสำคัญมากกว่าภาพวาดนั้นรึ? ดูเห มือนว่าชีวิตพี่สาวฝาแฝดของเจ้าคนนี้ เจ้าไม่คิดจะ ช่วยแล้วรี? ”
สาวงามคนนั้นที่ถูกจินมู่จับกุมอยู่ตรงหน้ามีท่าทาง สั่นกลัวและจ้องมองไปที่สาวงามอีกคนหนึ่ง นางไม่ลัง เลที่จะกัดลิ้นฆ่าตัวตายทันที เพียงแต่จินมู่เหมือนรู้การ เคลื่อนไหวของนางออก เลยสกัดจุดของนางไว้แต่ตั้ง แต่แรกแล้ว ตอนนี้มีเพียงดวงตา 1 คู่ของนางที่ขยับได้
“ท่านไม่ต้องยุแหย่ให้เราแตกกัน หากพวกเราพี่น้องทำภารกิจไม่สำเร็จ กลับไปก็ตายอยู่ดี ในเมื่อรับ ภารกิจนี้แล้ว พวกเราก็ไม่ได้คิดจะมีชีวิตอยู่ต่อ แล้ว”สาวงามถือกริชจ่อเข้าใกล้คอเซียวฉางเยว่จน เลือดไหลออกมาทันที”ท่านอ๋อง ท่านคิดว่าคุณหนู ใหญ่เชียวจะสามารถทนให้เลือดไหลออกมาเช่นนี้ได้ นานแค่ไหน? II
ในบรรยากาศที่มีกลิ่นหอมเบาบางของชาตลบ อบอวลอยู่ ไม่รู้ว่าตอนไหนที่มีคนนั่งชงชาอยู่ด้วยท่า ทางสบายใจเฉิบ
ในสถานการณ์แบบนี้มีคนที่กำลังนั่งดื่มชาไปดู ละครไป ผู้ที่ไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรกับสถานกา รณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ที่สุด ซึ่งก็มีแต่หลินซีนเยียนคน เดียว
โม่จื่อฟงหันหน้ามาเห็นหลินซีนเยียนยกแก้วน้ำ ชาดื่มพอดี “เจ้าช่างมีความสุขเหลือเกินนะ”
หลินซีนเยียนยักไหล่ขึ้นด้วยท่าทางเมินเฉย “ข้า กระหายน้ำ ดื่มสักแก้วคงไม่ผิดกฎหมายอะไร”
โม่จื่อฟงไม่ใช่เพื่อนของเธอ เซียวฉางเยว่ก็ยิ่งไม่ ใช่อีก เห็นพวกเขามีท่าทางกระวนกระวาย เธอไม่ได้เคาะฆ้องตีกลองตะโกนร้องเชียร์ก็ถือว่าไว้หน้ามาก แล้ว ทำไม อยากจะให้เธอมีส่วนร่วมด้วยเหรอ?
เซียวฉางเยว่ที่ตกอยู่ในอันตราย เมื่อเห็นภาพตรง
หน้า เธอยิ่งโมโหจนกัดฟันแทบหลุด
“หากข้ามอบภาพวาดให้เจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าจะสา มารถถือภาพวาดหนีออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิ ตรี?” โม่จื่อฟงหันหน้ากลับไปพูดกับสาวงามคนนั้น
“เรื่องนี้ท่านอ๋องไม่ต้องเป็นห่วง”
“จินมู่”โม่จือฟงยังคงพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ อยู่”เอาภาพวาดออกมา”
จินมู่ส่งเสียงตอบรับและหยิบภาพวาดออกมาจาก เสื้อตรงหน้าอก ที่แท้ภาพวาดนั้นมันอยู่ที่ตัวของจิ นมู่มาตลอด เขาเตรียมจะส่งภาพวาดให้กับสาวงาม คนนั้น ใครจะรู้ว่าสาวงามคนนั้นไม่ได้ยื่นมือไปรับ
“ส่งภาพวาดให้กับนาง ให้นางออกไปที่ด้านนอก ของร้านอาหาร รอให้คนของพวกเรามารับภาพวาด ไป แล้วส่งสัญญาณให้ข้า พอถึงเวลานั้นข้าจะปล่อย ตัวคุณหนูใหญ่เซียว”ตอนที่สาวงามพูดได้มองไปยัง หลินซีนเยียน
ที่แท้แผนของพวกนางเป็นแบบนี้ ตอนแรกพี่น้อง ฝาแฝดคู่นี้ไม่ได้เตรียมแผนออกไปจากที่นี่ ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อนำภาพวาดออกไปให้ได้
ถึงจะรู้ว่าหากตนเองอยู่ที่นี่ก็คือตายสถานเดียว เพื่อนำภาพวาดไป พวกนางเลือกที่บุกหน้าเข้ามาโดย ไม่คิดถอยกลับ
หลินซีนเยียนรู้สึกนับถือพวกนาง แต่ว่า ทำไมตอ นที่นางพูดเหมือนกำลังพูดกับตนเองอยู่?
“เจ้าจะให้ข้าออกไปส่งภาพวาดรึ? “มุมปากหลิน ซีนเยียนกระตุก มองซ้ายทีมองขวาที่ ในห้องนี้มีคนที่ ติดตามมาน้อย แล้วตัวเธอก็ไม่เป็นวรยุทธ์ ดังนั้น เธอจึงเหมาะสมกับงานนี้มากที่สุด!
สาวงามไม่ได้ตอบคำถามนาง “ส่งภาพวาดให้เธอ ให้เธอนำออกไปจากร้านอาหาร เร็วเข้า! มิเช่นนั้นข้า จะลงมือฆ่าคุณหนูใหญ่เชียว”
คนที่ตัดสินจะตาย ไม่มีใครสงสัยคำพูดของนาง หากไม่ทำตามที่นางบอก เซียวฉางเยว่ต้องตายอย่าง แน่ แต่ว่า คนพวกนี้ยังทำกับเซียวฉางเยว่แบบนี้เลย แล้วนับประสาอะไรกับสาวใช้ที่ออกไปส่งภาพวาดคงไม่ได้ดีไปกว่ากันหรอก!
เพื่อจะรีบตามออกไปทีหลัง บางที พวกเขาอาจไม่ ลังเลที่จะฆ่าคนออกไปส่งภาพวาดด้วยแม้แต่น้อย
การไปของหลินซีนเยียนในครั้งนี้ มันต่างอะไรกับที่ ส่งเธอไปตาย เธอมองไปที่โม่จื่อฟง แม้ว่าสติของ ตนบอกให้ตัวเองว่า ชีวิตของเธอในสายตาของเขา แล้ว เทียบไม่ได้กับชีวิตครึ่งหนึ่งของเซียวฉางเยว่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมในช่วงเวลานั้น เธอทนรอคำตอบของ เขาไม่ไหว
เขาจะส่งเธอไปตายใช่ไหม?
โม่จื่อฟงทำเหมือนไม่เห็นสายตาของเธอ การแสด งออกทางสีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนไปจากเดิม เขาใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะพร้อมเอ่ยคำว่า”ได้”ออกมา คำหนึ่ง
ว่าแล้ว..
ในช่วงเวลานั้น ไม่รู้ว่าทำไมใจของหลินซีนเยียนถึง ได้หนักอึ้งขนาดนี้
ถึงจะรู้ผลลัพธ์ตั้งแรกอยู่แล้ว แต่ว่า ทำไมใน ดังแต่ ใจถึงได้รู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก?
จินมู่วางภาพวาดไว้ในมือของหลินซีนเยียนโดยไม่ ได้พูดอะไร เพียงขมวดคิ้วเข้าหากัน
หลินซีนเยียนถือภาพวาดนั้น แสยะยิ้มที่มุมปาก เมื่อเรียกสติคืนมาได้ก็เหยียดแผ่นหลังตรงแล้วเอ่ย กับโม่จื่อฟง “หากข้าไม่กลับมา รบกวนท่านอ๋องเห็น แก่ข้าที่ออกไปตายเพื่อท่าน เมตตาช่วยดูแลน้องชาย ของข้าด้วย”
พอพูดจบ เธอก็ถือภาพวาดแล้วเดินออกไปจาก
ห้อง
ในห้องตรงข้ามทางเดินชั้น 2 มีบานหน้าต่างที่เปิด ออกมา ซานป่ายเห็นเหตุการณ์นั้นทั้งหมด ทนไม่ได้ที่ กร จะส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ
“มีอะไรรี? “อินฉีที่กำลังดื่มชาอยู่มองออกไปที่ นอกหน้าต่างเห็นเงาของแผ่นหลังที่เหยียดตรงเดิน ออกมา
ในขณะนั้น มือของเขาก็สั่นยังทนไม่ไหวจึงทำแก้ วน้ำชาตกลงพื้นจนแตก น้ำชาที่กระเด็นสาดออกมา
ได้หกลงพื้นแผ่นไม้ไปทั่ว
ทำไมถึงเป็นนางได้ ?
“ซานป่าย! เจ้าเห็นแล้วหรือยัง? “อินฉีไม่รู้ตัว ว่าน้ำเสียงของเขาได้แสดงออกถึงความดีใจที่อดกลั้น มานาน
ซานป่ายกลืนน้ำลายลงคอ “เห็นแล้วขอรับ เป็น คนที่ปลดกำไลสวรรค์คนนั้น! มหัศจรรย์จริงๆ ! นางยังไม่ตาย? ”
“ใช่ นางยังไม่ตาย! “หากว่าตายแล้ว คนที่อยู่ตรง หน้านั่นจะเป็นใครเล่า?
อินฉีลุกขึ้นยืน คิดจะเดินออกจากประตูไป ทันใด นั้นก็เห็นคนที่เดินตามหลังนางออกมาจากห้อง เขา ก็หยุดชะงักลงทันที! ประตูห้องนั้น มีสาวงามคนหนึ่ง ถือกริชจ่อคอของเซียวฉางเยว่อยู่ ส่วนคนที่ยืนอยู่ข้า งกายพวกนาง เป็นโม่จื่อฟง!