ตอนที่ 68 ขี้หึง
พอเถอะ เรื่องมาถึงขั้นนี้ เพียงต้องฝืนใจแข็งเท่านั้นจึง จะทำเรื่องนี้ต่อไปได้ เซียวเฉิงเหอโบกไม้โบกมือไล่ จนใน ที่สุดก็ถอนหายใจยึดยาว
ความทะเยอทะยาน เซียวเฉิงเหอในฐานะที่เป็นบุรุษจะ ไม่มีได้อย่างไร? แต่เพราะว่าความละอายที่มากเกินไปจึง ไม่กล้าที่จะตัดสินใจก็เท่านั้น ดังนั้นเซียวฉางเยว่จึงได้ ทำการตัดสินใจแทนเขา
ณ ประตูทางเข้าจวนอู่เซวียนอ่อง ด้วยเพราะการมาถึง ของริ้วขบวนประกาศพระราชโองการที่ครึกครื้นอย่างเห็น ได้ชัด ถนนหน้าประตูทางเข้าอัดแน่นไปด้วยประชาชนที่ มุงดู ขันที่ผู้เฒ่าที่มาประกาศพระราชโองการลงจากม้า ด้วยความช่วยเหลือของขันทีน้อย ประตูใหญ่จวนอ่องเปิด อย่างรวดเร็ว และมีพ่อบ้านเข้ามาต้อนรับในทันที
ขันที่ผู้เฒ่าถูกนำทางไปยังห้องรับรองหลัก เมื่อเห็นบุรุษ ในชุดหรูหราสีดำขลิบด้ายทองที่อยู่บนแท่นพระที่นัง ก็รีบ ทำความเคารพทันที ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋อง นี่ เป็นข่าวดีสำหรับท่าน
“อิ้ม” โม่จื่อเฟิงส่งเสียงตอบรับด้วยความเฉยเมย แล้ว จังหันมาสั่งพ่อบ้าน “เตรียมชาและที่นั่ง” พ่อบ้านรีบจัดการอย่างรวดเร็ว ขันที่ผู้เฒ่ายกพระราชโองการในมือของเขาขึ้นมาอ่านอย่างยินดี เขาเริ่ม
อ่านพระราชโองการ ทั้งบ่าวและองครักษ์ที่อยู่ในโถงหลัก
ของจวนอ่องล้วนคุกเข่า มีเพียงโม่จื่อเฟิงที่กำลังนั่งด้วย ท่าทีที่เกียจคร้าน นี่เป็นสิทธิพิเศษที่ฝ่าบาทเคยให้เขาไว้ ทั่วใต้หล้ามีเพียง เขาที่ได้รับอนุญาตไม่ต้องคุกเข่าเพื่อรับพระราชโองการ
ขันทีผู้เฒ่าได้ตรวจสอบก่อนอ่านอยู่สักครู่ ไม่มีอะไรมาก ไปกว่าความกล้าหาญของอู่เซวียนอ่อง ผู้ซึ่งเป็นเสาหลัก ของอาณาจักร ซึ่งได้ถึงวัยแต่งงาน จวนอู่เซวียนอ๋องไม่ สามารถอยู่ได้โดยปราศจากตำแหน่งหวางเฟย จึงมีรับสั่ง ถึงเซียวฉางเยว่ บุตรีแห่งสกุลเซียว ผู้ประกอบด้วย คุณธรรม ความสามารถ มารยาท ศีลธรรม รูปงามและสติ ปัญญา อีกทั้งฝ่าบาททรงได้แต่งตั้งเป็น จวิ้นจู่(ท่านหญิง ขั้นหนึ่ง) เป็นบุคคลที่เหมาะสมสำหรับตำแหน่งหวางเฟย ดังนั้นนี่จึงเป็นการหมั้นหมายพิเศษโดยเฉพาะ.”
รอจนขันทีผู้เฒ่าอ่านจบ โม่จื่อเฟิงก็ทำท่าปิดปากหาว อย่างเกียจคร้าน จึงค่อยลุกขึ้นยืน ผายมือเข้าไปรับพระ ราชโองการแล้วส่งให้พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้าง
พ่อบ้านได้ตระเตรียมตั๋วเงินไว้มอบแก่ขันที่ผู้เฒ่าเป็นที่ เรียบร้อย หลังจากขันทีผู้เฒ่ากล่าวประจบสอพลออยู่ หลายประโยคจึงกล่าวอำลา
ขณะที่รอคนในห้องโถงเดินหายไปเกือบหมด โม่จื่อเฟิง เหลือบสายตามองไปยังทางประตูหลักจึงได้ถามขึ้นว่า จิ นมู่กลับมาหรือยัง?
“กระหม่อมมิทราบ กระหม่อมจะรีบไปดูที่ทางเข้าพ่ะย่ะ ค่ะ” พ่อบ้านรีบตอบคำถาม หลังจากกล่าวเสร็จก็ไปที่ ประตู ใครจะรู้ว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าวก็เห็นจินมู่เดินนำ หลินซินเยียนกับอี้เซิงเข้ามา “ท่านแม่ทัพจินมู่ ท่านอ่อง กลับมาได้สักพักแล้ว แล้วทำไมพวกท่านจึงเพิ่งมาถึง? ถ้า ท่านยังไม่กลับมาท่านอ๋องคงเตรียมส่งคนไปตามหาท่าน แล้ว”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของพ่อบ้าน จินมู่เลิกคิ้วด้วยความ สงสัย ตามหาเขาคงเรื่องเท็จ ถ้าตามหาหลินซินเยียนนี่สิ ท่าจะจริง? เขาเป็นบุรุษกำยำร่างใหญ่ หลายปีมานี้เมื่อ ไหร่กันที่ท่านอ๋องเคยห่วงใยว่าเขาจะกลับมาช้า?
“นี่ไม่ใช่เพราะ….” จินมู่กระแอมคอด้วยความยากลำบาก ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มกล่าวอย่างไร กลับเป็นหลินซินเยียนที่อยู่ ด้านข้างกล่าวรับช่วงต่อ
“อย่าได้โทษแม่ทัพจินมู่ ข้าเห็นว่าในจวนอ่องกำลัง รับรองแขกคนสำคัญ ดังนั้นจึงให้แม่ทัพจินมู่รอด้วยกันกับ พวกเราที่นอกประตู รอให้แขกจากไปพวกเราจึงได้เข้า มา” หลินซินเยียนที่กำลังอธิบายแก่พ่อบ้าน กลับไม่เห็น โม่จื่อเฟิง
โม่จื่อเฟิงเมื่อได้ยินก็ถึงกับเลิกคิ้ว กล่าวด้วยความ รังเกียจ “ก็แค่ขันทีเฒ่า แขกสำคัญอะไรกัน”
หลินซินเยียนไม่ได้กล่าวคำรับช่วงต่อจากเขา แต่กลับ ยอบกายทำความเคารพแก่เขาพลันกล่าวว่า “ท่านอ๋อง เพคะ หม่อมฉันไปเที่ยวเล่นข้างนอกทั้งวัน สมควรแก่เวลาที่จะกลับไปทำงานต่อ หม่อมฉันมิอาจล่าช้า สิ่งที่ท่านอ่อง ทรงต้องการจะทำให้เสร็จออกมาในเร็ววัน และในเร็ววันนี้ จะทำให้ท่านอ่องทรงสำราญพระทัยเพคะ”
เมื่อกล่าวจบ นางจึงหันกายกลับไปสั่งกับอี้เซิง อี้เซิง พี่ สาวต้องไปจัดการธุระ สองสามวันนี้เจ้าต้องระมัดระวังใน การทำหน้าที่ที่เรือนด้านหน้า มีอะไรที่ไม่เข้าใจก็ไปเชิญ แม่ทัพจินมู่มาสอน เข้าใจหรือไม่?
อี้เซิงพยักหน้าด้วยความเฉลียวฉลาด รั้งแขนเสื้อของ นางไว้ด้วยความอาวรณ์
หลินซินเยียนหัวเราะ “พี่สาวทำธุระเสร็จไว้จะมาเยี่ยม เจ้า ดีหรือไม่?”
“ตกลงขอรับ!” อี้เซิงจึงค่อยปล่อยแขนเสื้อของนาง
หลินซินเยียนลูบศีรษะของเขา จึงหันกายกลับไปยัง เรือนเล็กของตนโดยไม่แลไปมองโม่จื่อเฟิง
แผ่นหลังของนางเหยียดตรง ทุกอย่างก้าวเดินอย่าง มั่นคง ดูเหมือนว่าไม่มีอารมณ์แปรปรวนใดๆ ราวกับว่างาน สมรสที่ถูกพระราชทานก่อนหน้านี้ สำหรับนางแล้วเป็น บุคคลหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันจริงๆ
“ท่านอ๋อง แม่นางหลินหึงหวงแน่นอน นางจึงมีสีหน้าเช่น นั้นให้ท่านเห็น” จินมู่กลัวว่าหลินชินเยียนจะยั่วยุโม่จื่อเฟิง จึงอธิบายแทนนาง
“หึงหวง?” โม่จื่อเฟิงพิมพ์สองคำนี้อยู่นานโดยที่ไม่เอ่ย อะไรออกมาและก็ไม่รู้ว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
THIS 11 12
หลังจากวันนั้น เหมือนกับว่าทุกอย่างกลับมาสู่ความสงบ จวนอ่องไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ราวกับว่าพระ ราชโองการฉบับนั้นไม่ได้สร้างผลกระทบกับจวนอ่องแต่ อย่างใด
หลินซินเยียนขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นเวลาหลายวัน คร่ำ เคร่งในการสรรค์สร้างอาวุธหน้าไม้ทั้งวันทั้งคืน เพราะว่ามี แบบร่างเพียงบางส่วน ดังนั้นการที่จะผลิตอาวุธหน้าไม้สัก ชิ้นออกมา บางที่ต่อให้เป็นอัจฉริยะในด้านการออกแบบ อาวุธอย่างนางยังนับว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างมาก ทั่วทั้งใต้หล้านี้ ผู้ที่สามารถใช้แบบร่างธรรมดาสร้างอาวุธ หน้าไม้ออกมาได้ เกรงว่าจะมีแค่นางเพียงผู้เดียว
อีกทั้งอาวุธหน้าไม้ที่นางทำออกมาแน่นอนว่าแตกต่าง จากต้นแบบ แต่ถ้าพูดถึงในด้านประสิทธิภาพ นางกลับมี ความเชื่อมั่นในตนเอง ซึ่งก็แค่…มีอำนาจทำลายล้างที่ รุนแรงกว่าและซับซ้อนมากกว่าต้นฉบับ
หลายวันมานี้ โม่จื่อเฟิงยังได้เรียกนางให้เข้าไป ปรนนิบัติอยู่หลายครั้ง เขาไม่ให้คนส่งน้ำแกงคุมกำเนิดให้ แก่นาง ทว่าหลินซินเยียนกลับไม่สามารถลืมความผิด พลาดของตนที่เคยทำผิดไว้ในแบบเดียวกัน หลังจาก เสร็จกิจทุกครั้งนางจะให้คนไปบอกกุ้ยหม้วมัวว่าท่านอ๋อง ต้องการนางอย่างลับๆ หลังจากนานนางไม่จำเป็นต้องเอ่ย ปาก กุ้ยหมัวมัวจะให้คนมาส่งน้ำแกงคุมกำเนิดเอง อีกทั้ง ยังให้คนเฝ้าดูนางดื่มลงไปจนหมด
สำหรับเรื่องนี้ นางและกุ้ยหมัวมัวกลับบรรลุข้อตกลงร่วมกันอย่างหาได้ยาก ไม่มีใครที่จะยอมให้เรื่องนี้เข้าไป ถึงหูของโม่จื่อเฟิง
หลังจากหิมะตกหลายวันติดต่อกัน บรรยากาศภายใน เมืองเฟิ่งชีไม่เพียงแต่ไม่เงียบเหงาเพราะฤดูหนาวที่มา เยือน แต่กลับมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เพราะว่าหลังจากผ่าน ฤดูหนาวนี้ไป อีกไม่นานก็จะเข้าปีใหม่ ในช่วงท้ายปีมีผู้คน ภายนอกที่เดินทางรอนแรมมาเป็นเวลานานกำลังรอคอย มื้อค่ำในวันส่งท้ายปีเก่านี้
อีกครึ่งเดือนก็จะขึ้นปีใหม่แล้ว และวันนี้ในที่สุดหลินซิน เยียนก็เปิดประตูห้องเดินออกมา แสงดวงอาทิตย์อันอบอุ่น ที่หายากส่องกระทบลงบนใบแก้มของนาง ทำให้ผิวของ นางดูซีดเซียวขึ้นหลายส่วน
นางใช้ผ้าสีดำห่ออาวุธหน้าไม้แล้วมุ่งตรงไปที่เรือนหลัก ของจวนอ่อง นางแค่คาดหวังว่าโม่จื่อเฟิงจะรักษาคำพูด ถ้าหากนางสามารถสร้างอาวุธหน้าไม้ได้สำเร็จอย่างที่ กล่าวก็จะปล่อยนางกับอี้เซิงออกไปจากจวน
เพียงในใจของนางอดไม่ได้ที่จะกระสับกระส่าย โม่ จื่อเฟิงจะปล่อยให้นางไปอย่างง่ายดายขนาดนี้หรือ?
“แม่นางหลินมาหาท่านอ๋องหรือ?” จินมู่ที่กำลังจะออกไป พอดีเห็นนางเดินมาจึงส่งเสียงถาม
หลินซินเยียนพยักศีรษะ “อึ๊ม ของทำเสร็จแล้ว อยากจะ
ให้ท่านอ๋องเชยชม”
“ทำสำเร็จแล้ว?” จินมู่มองสิ่งของที่นางกำลังกอดไว้ในอ้อมแขนด้วยความเหลือเชื่อ พูดอะไรไม่ออกด้วยความตก
ตะลึง เจ้าสิ่งนี้ กองกำลังหลายฝ่ายแย่งชิงมาหลายปีล้วน
ไม่ได้รับในสิ่งนี้ คิดไม่ถึงว่าจะทำสำเร็จภายใต้ สถานการณ์ที่แบบร่างไม่สมบูรณ์ “ใช่แล้ว ทำสำเร็จแล้ว ดังนั้นข้าจึงแทบรอไม่ไหวที่จะให้
ท่านอ๋องทรงทอดพระเนตร” หลินซินเยียนยิ้มตอบ