ตอนที่ 69 เจอกับคนพวกเดียวกัน
“จินมู่ตกตะลึงอยู่ชั่วครู่จึงค่อยได้สติ “ช่างบังเอิญจริงๆ วันนี้ท่านอ๋องมีสหายมาเยี่ยมถึงจวนทำอาวุธหน้าไม้มาให้ ท่านอ๋องทรงทอดพระเนตร ในยามนี้น่าจะอยู่ที่ลานฝึก ยุทธ์”
“เป็นหน้าไม้เหมือนกันหรือ?” หลินซีนเยียนมุ่นคิ้ว แล้ว นางก็เข้าใจเรื่องราวได้เกือบจะในทันที
เมื่อคิดดูแล้ว แต่ไหนแต่ไรโม่จื่อเฟิงก็ไม่เคยมีความหวัง ในตัวนางว่าจะสามารถสร้างอาวุธหน้าไม้ออกมาได้ ดังนั้น ย่อมต้องหาผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นคนอื่นๆที่ทำงานนี้ได้ใน เวลาเดียวกัน
เมื่อใคร่ครวญอย่างถี่ถ้วน จึงรู้สึกว่านี่คือลักษณะของโม่ จื่อเฟิง คนหน้าเนื้อใจเสือเช่นเขาจะสามารถนำเดิมพันกับ สตรีเลื่อนลอยเช่นนางได้อย่างไร ทำการลงมือพร้อมกัน ทั้งสองทางจึงเป็นลักษณะที่คนหน้าเนื้อใจเสือมักจะทำ
“ใช่ เป็นอาวุธหน้าไม้ขอรับ” เมื่อจินมู่ตอบกลับมาพลัน รู้สึกสะดุดใจขึ้นมาทันที “แม่นางหลิน ถ้าไม่เช่นนั้น ของที่ ท่านทำไว้ค่อยถวายให้ท่านอ๋องทอดพระเนตรวันอื่นเถิด”
“ท่านกลัวว่าผู้อื่นจะทำดีกว่าข้า แล้วข้าจะขายหน้างั้น หรือ?” หลินซินเยียนมองความคิดของจินมู่ออกได้อย่าง รวดเร็ว
จินมู่ส่งเสียงกระแอมไอหลายครั้งอย่างกระอักกระอ่วนการไม่พูดอะไรก็นับว่าเป็นการยอมรับ
หลินซินเยียนกลับหัวเราะร่า “ไม่เป็นไร ไม่มีหมุดสว่าน เพชรก็ไม่ยึดอาชีพซ่อมเครื่องเคลือบดินเผา(เปรียบเทียบ ได้ว่า หากไม่ได้มีทักษะที่ยอดเยี่ยม ก็อย่าได้ทำอะไรที่ เกินความสามารถของตน) ดังนั้นในเมื่อข้ากล้าที่จะรับงาน นี้ย่อมต้องไม่พ่ายให้แก่ผู้ใด”
จินมู่ลังเลอยู่เล็กน้อย จึงได้กล่าวว่า “เช่นนั้น ข้าจะพา แม่นางไปพบท่านอ่องที่ลานฝึกยุทธ์”
“รบกวนท่านแม่ทัพจินมู่ด้วยเจ้าค่ะ” หลินซินเยียนตอบ ด้วยความเกรงใจ เดินตามหลังเขาไปยังลานฝึกยุทธ์ ใน ช่วงที่กำลังเดินนางพลันคิดถึงอี้เซิงจึงถือโอกาสเอ่ยถาม “ใช่แล้ว แม่ทัพจินมู่ เรื่องที่คุยกันครั้งก่อนได้ความบ้าง ไหม? แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้สามารถติดต่อศิษย์พี่ของท่าน ได้หรือไม่?
จดหมายของข้าได้ให้คนส่งไปแล้ว หากเป็นไปได้ด้วยดี ภายในไม่กี่วันนี้ก็ควรจะถึงมือศิษย์พี่ของข้า อีกสักสอง สามวันรอเขาตอบจดหมายกลับมา ข้าจะให้คำตอบแก่ ท่านอย่างแน่นอน จินมู่กล่าวอธิบาย
เมื่อหลินซินเยียนได้ยินเช่นนี้ หัวใจก็นับว่าสงบลงไป แล้วครึ่งหนึ่ง เพียงแค่เขาไม่ลืมก็พอ ถ้าเช่นนั้นก็รบกวน แม่ทัพจินมู่แล้ว หากวันใดต้องใช้สถานที่ของข้า ได้โปรด แม่ทัพจินมูอย่าได้เกรงใจ
“แม่นางถือสาเกินไปแล้ว ข้าเองก็ชอบเจ้าเด็กอี้เซิงด้วย ใจจริง” จินมู่หัวเราะด้วยความสัตย์ซื่อ
ระหว่างที่ทั้งสองสนทนากันก็ได้มาถึงลานฝึกยุทธ์พิเศษ แห่งจวนอ่อง ที่ประตูใหญ่ลานฝึกยุทธ์มีเหล่าทหารหลาย นายที่รับผิดชอบในการคุ้มกัน เมื่อเห็นจินมู่นาสตรีเดินเข้า มา ทุกคนล้วนประหลาดใจ แต่กลับเพียงทักทายจินมู่ ไม่ ล่วงเกินถามไถ่ตัวตนของหลินซินเยียน
เหล่าทหารที่อยู่ในจวนอู่เซวียนอ๋องคือคนสนิทของโม่ จื่อเฟิง เรื่องราวมากมายที่เจ้านายไม่กล่าว พวกเขาก็ไม่ จำเป็นต้องถาม มีทหารที่ซื่อสัตย์เช่นนี้ก็ไม่แปลกใจที่ อำนาจของโม่จื่อเฟิงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ที่ด้านข้างลานยิงธนู บุรุษชุดดำหนึ่งชุดขาวหนึ่งกำลัง เล่นกับหน้าไม้ที่อยู่ในมือ บนเป้าธนูที่อยู่ห่างออกไป เป้าสี แดงตรงกลางถูกเสียบไปด้วยลูกศรหลายสิบดอก มองดู ออกว่าสองคนนั้นศึกษาค้นคว้าในที่แห่งนี้อยู่นาน
ทั้งความแรงและความแม่นยำนั้นพอใช้ได้ แต่ว่าหนึ่ง ครั้งสามารถยิงลูกศรได้เพียงสามดอก โทษที นี่เรียกว่า อาวุธหน้าไม้ยิงต่อเนื่อง)แล้วใช่มั้ย? โม่จื่อเฟิงหัวเราะเยาะ พลางโยนหน้าไม้ใส่ในอ้อมแขนของบุรุษชุดขาว
ท่านระวังหน่อย อย่าทำมันเสียหายสิ นี่ข้าใช้เวลาตั้ง เดือนกว่าถึงทำแบบกึ่งสำเร็จออกมาได้ เจ้าให้แบบร่างข้า แค่สิบกว่าแผ่น ข้าสามารถทำสิ่งนี้ออกมาได้ก็ไม่เลวแล้ว ท่านยังไม่พอใจอีกหรือ? บุรุษชุดขาวสนทนากับโม่จื่อเฟิ กับโม่จื่อเฟิงสนทนาเป็นกันเองอย่างมาก ดูแล้วไม่ได้เป็น มิตรภาพที่ตื้นเขิน
หลินซินเยียนและจินมู่มาถึงลานฝึกยุทธ์ เห็นคนทั้งสองอยู่ไกลๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถามจินมู่ “บุรุษชุดขาวเป็นสหาย ของท่านอ๋อง?”
“อิ้ม เป็นสหายที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เขามีนามว่า โจวชาง เป็นนายช่างฝีมือในกองทหารของท่านอ๋อง รับ ผิดชอบในการสร้างอาวุธให้กองทหารของท่านอ่องโดย เฉพาะ ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดจากศาลาความลับแห่งสวรรค์ แต่กลับมิใช่คนของศาลาความลับแห่งสวรรค์ จินมู่กล่าว อธิบาย
“ช่างฝีมือ?” หลินซินเยียนกลับมีความอยากรู้อยากเห็น เกี่ยวกับชื่อเรียกนี้ ผู้เชี่ยวชาญการสร้างอาวุธในสังคม แห่งนี้ถูกเรียกขานว่าช่างฝีมือใช่ไหม?
จินมู่คิดว่านางไม่เข้าใจความหมาย จึงกล่าวต่อ “สตรีที่ ยังไม่ถึงวัยออกเรือนเช่นท่านย่อมไม่เข้าใจความหมายของ ช่างฝีมือ ช่างฝีมือหมายถึงผู้เชี่ยวชาญการผลิตอาวุธ ช่างฝีมือยังมีการจัดอันดับ ผู้ผลิตอาวุธทั่วไปถูกเรียกว่า ช่างระดับเหล็ก แน่นอนว่าท่านย่อมต้องเคยได้ยินมาบ้าง สูงกว่าช่างระดับเหล็กหนึ่งระดับก็คือช่างระดับทองแดง ระดับสูงกว่านั้นยังมี ช่างระดับเงิน และช่างระดับทองคำ แต่ทว่าส่วนมากที่อยู่เต็มท้องถนนล้วนเป็นช่างระดับเหล็ก ช่างระดับเงินนั้นไม่ง่ายที่จะพบเจอ ช่างระดับทองแดงและ ช่างระดับเงินเป็นบุคลากรที่ทางทหารล้วนแย่งชิง สำหรับ ช่างระดับทองคำ ปัจจุบันมีเพียงเจ้าสำนักศาลาความลับ แห่งสวรรค์ที่ได้ถูกเรียกขานว่าช่างระดับทองคำ
คำพูดเหล่านี้ทำให้หลินซินเยียนฟังด้วยความเพลิดเพลินนางคิดไม่ถึงจริงๆว่าในห้วงมิติ/เวลาแห่งนี้จะสามารถพบ เพื่อนร่วมอาชีพของตน
“โจวชางผู้นั้นคือระดับใด?” หลินซินเยียนถามขึ้นอีก ครั้ง
“คุณชายโจวยังเป็นผู้มีชื่อเสียงในหมู่ช่างฝีมือ เรียกได้ ว่าเป็นช่างระดับเงิน การที่มีเขาอยู่ กองทัพขององค์ชาย จึงไร้เทียมทาน ในยามที่จินมู่กล่าว สายตาชื่นชมอย่าง ยากที่จะปกปิด แม่นางหลิน ถ้าไม่เช่นนั้น….พวกเรากลับ กันเถิด โจวชางคือช่างระดับเงิน สิ่งที่เขาทำออกมายังไม่ สามารถทำให้ท่านอ่องพอใจได้ แล้วท่าน…
“ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไรว่าดีหรือไม่ดี?” หลินซินเยียนยิ้ม บาง เดินตรงเข้าไปหาสองคนนั้นในขณะที่กอดสิ่งของไว้ ในอ้อมแขน
โม่จื่อเฟิงกับโจวชางสังเกตการณ์มาถึงของนาง กระ พริบตาปริบๆพร้อมกันด้วยความแปลกใจ โจวชางกลับเป็น ผู้เริ่มสนทนา อุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น ย่าห์ นี่คือสาว ใช้อุ่นเตียงที่ท่านรับไว้งั้นหรือ? รูปงามอย่างที่คิดไว้ มิน่า ถึงทำให้อู่เซวียนอ๋องของพวกเราเพลิดเพลินจนลืมกลับ เรือน
ไม่ต้องพูด หุบปากเสีย โม่จื่อเฟิงจ้องมองเขาด้วย สายตาเย็นยะเยือก แต่น่าเสียดายที่โจวชางนั้นเคยชินกับ ความเย็นชาของเขาเสียแล้ว ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย กลับย้ายก้นวิ่งไปที่ด้านหน้าของหลินซินเยียน
“สาวน้อย ที่กอดอยู่ในอ้อมแขนเจ้าคืออะไร เป็นอาหารที่ส่งมาให้กับพวกเราใช่หรือไม่? ข้ากำลังหิวอยู่พอดี ถ้าไม่ รังเกียจก็ขอให้ข้าทานด้วยคนสิ?” ในสายตาของโจวชาง ได้เห็นหลินซินเยียนเป็นสตรีนุ่มนวลที่ลงครัวทำอาหารมา เพื่อเอาใจบุรุษ
หลินซินเยียนกลับส่ายศีรษะเล็กน้อย “ถ้าเช่นนั้นคง
ทำให้คุณชายโจวผิดหวังเสียแล้วเจ้าค่ะ สิ่งที่ข้าน้อยไม่ ถนัดมากที่สุดก็คือการทำอาหาร ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ของกิน เจ้าค่ะ
“จริงหรือนี่? ยังมีสตรีที่ไม่ถนัดการทำอาหารด้วยหรือ?” โจวชางหันกลับมามองโม่จื่อเฟิง ราวกับว่าต้องการให้ ความยืนยันแก่เขา
โม่จื่อเฟิงกลับไม่สนใจที่จะตอบคำถามของเขา เดินเข้า มาถามหลินซินเยียนด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ เจ้ามาทำอะไรที่ นี่?
“มาส่งของให้กับท่านอ่องไงเพคะ นี่คืออาวุธหน้าไม้ที่ หม่อมฉันทำมาเพคะ” หลินซินเยียนยกห่อผ้าขึ้นมาจาก อ้อมแขน
โม่จื่อเฟิงยังไม่ทันจะส่งเสียง โจวชางกลับอุทานแตกตื่น เกินจริงขึ้นมา “ข้าไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?
นางบอกว่าเป็นอาวุธหน้าไม้? นางบอกว่าเป็นอาวุธหน้า ไม้ที่นางทำ?”
หลินซินเยียนแค่นเสียงเย็นพลันกล่าวว่า “ท่านฟังไม่ผิด หรอกเจ้าค่ะ ข้าน้อยบอกว่านี่คืออาวุธหน้าไม้และข้า เป็นคน ทำ”
“สตรีสามารถทำอาวุธหน้าไม้ได้ ตีให้ตายข้าก็ไม่เชื่อ” โจวชางกวาดมองใบหน้าของนางด้วยความดูถูก ตอนแรก ก็รู้สึกว่าเจ้าสวยมาก แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมีดีแค่รูปที่งาม คิดใช้วิธีเรียกร้องความสนใจเพื่อที่จะชนะความชอบของอู่ เซวียนอ๋องหรืออย่างไร? สาวน้อย เกรงว่าเจ้าจะหมดหวัง เสียแล้ว ท่านอ๋องรังเกียจสตรีที่อวดฉลาดต่อหน้าเขาที่สุด เลยนะ