ตอนที่ 86 เปลี่ยนคนชั่วคราว
ลือกันว่าอินฉีที่เป็นอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายที่ฉลาดเฉลียว มากที่สุด กลยุทธ์ที่ไร้เที่ยวทาน ผู้คนที่ได้เห็นล้วนตกตะลึง อย่างยิ่ง ถ้าหากเขาเห็นแก่คำของผู้เยาว์คนนี้ เช่นนั้นตัวผู้ เยาว์คนนี้ย่อมมีพรสวรรค์อันโดดเด่นอย่างแน่นอน
ผู้เยาว์คนนี้เกรงว่าไม่ง่ายที่จะจัดการ เขาอยากจะเตือน น้องสาวตน ทว่าในขณะที่กำลังคิดจะดึงชุดของนาง กลับ เห็นเทียนหยุนชิงเดินออกไปเสียแล้ว
“ใต้เท้าอิน เชิญท่านกล่าวว่าพวกเราจะแข่งขันกัน อย่างไร?” หยุนชิงใส่คำถามด้วยความโมโห
อินฉีลุกขึ้นอย่างไม่รีบร้อน แต่กลับไม่สนใจคำถามของนาง อีกทั้งยังเดินไปด้านหน้าศาลาเฟิงอี กล่าวเสียงดังชัดเจนกับ ฝูงชนที่มามุงดูอยู่รอบๆ ข้าอินฉี แม้มิได้ตั้งใจจะพัวพันกับ การแข่งขันนัดนี้ ทว่าคนจากทั้งสองฝ่ายได้เชิญข้าออกมาตั้ง คำถามเพื่อแสดงความยุติธรรม ข้ารู้สึกว่าหาได้ยากอย่าง แท้จริงที่จะได้เห็นการแข่งขันเช่นนี้ในอาณาจักรหนานเยว่ เช่นนั้นข้าก็จะไม่หลบเลี่ยงในการเป็นผู้รับรองครั้งนี้ เมื่อข้า ได้ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ข้าคิดว่าในเมื่อสิ่งที่ศาลาความลับ แห่งสวรรค์เชี่ยวชาญมากที่สุดเมื่อเทียบในการประดิษฐ์แล้ว ถ้าเช่นนั้นพวกเราไม่สู้ให้โจทย์พวกเขาโดยการประดิษฐ์ อาวุธเล่า”
เขากล่าวในขณะที่เดินไปยังด้านหน้าของศาลาเฟิงอี หยิบ สาลี่สองลูกขึ้นมาจากโต๊ะตัวหนึ่ง ชูมือขึ้นกล่าว ถ้าเช่นนั้น พวกเราจะให้คุณชายทั้งสองท่านนี้ทำการแข่งขันภายในหนึ่งชั่วยาม สร้างอาวุธที่ทำลายสาลี่นี้ พลังทำลายของใครรุนแรง ของใครแม่นยำ คนนั้นก็คือผู้ชนะ ทุกคนคิดว่าวิธีนี้ดีหรือไม่?
นี่คือจุดที่อินฉีแตกต่างจากข้าราชสำนักคนอื่นๆ ภายใต้ ระบบศักดินา เขาเรียนรู้ที่จะขอคำปรึกษาความคิดเห็นของ คนธรรมดาทั่วไป สำหรับข้าราชสำนักที่เต็มใจจะขอความคิด เห็นจากตน ประชาชนยิ่งให้การสนับสนุนและชื่นชมอย่าง แน่นอน เขาสามารถได้รับหัวใจความชื่นชมจากนักวิชาการ เป็นจำนวนมากโดยที่ไม่ต้องพึ่งพาโชคลาภ
เมื่อผู้ชมได้ยินอัครเสนาบดีถามไถ่ความคิดเห็นของตน ยัง ต้องกล่าวอันใดอีก จึงรีบตะโกนตอบทันที ดี! ดี! ดี!
ฝูงชนหลายร้อยคนที่มามุงดูต่างตะโกนตกลงพร้อมๆกัน การแข่งนัดนี้ทำให้ผู้คนเลือดเดือดพล่าน
ในช่วงเวลานั้น หลินซินเยียนดูเหมือนจะเห็นความแตกต่าง ในตัวอินฉี แต่เดิมเข้าใจว่าบุรุษผู้สง่างามที่มีกลิ่นอายความ เป็นความเป็นนักวิชาการเข้มข้น ทว่าเมื่อเปลี่ยนท่าทางได้ กลายเป็นปีศาจแสนเสน่ห์ต่อทุกสรรพสิ่งที่มีชีวิต
บางทีเขาอาจจะเป็นปีศาจอยู่แล้ว เพียงแค่อำพรางตัวเอง ได้เป็นอย่างดี ทำให้ผู้คนเข้าใจว่าเขาเป็นเพียงมนุษย์ที่ไร้พิษ ภัยผู้หนึ่งเท่านั้น
ในเมื่อทุกคนต่างเห็นพ้องกับวิธีนี้ หลินซินเยียนก็ไม่แสดง ความเห็นแต่อย่างใด
“การประดิษฐ์อาวุธไฉนเลยจะเป็นเรื่องที่ง่ายเช่นนี้? ไม่ เพียงแค่ต้องเป็นเครื่องมือเฉพาะทาง ยังต้องใช้วัตถุดิบพิเศษ ทำอาวุธหนึ่งชิ้นออกมาภายในสองชั่วยาม สิ่งที่ทำออกมาจะเรียกว่าอาวุธได้หรือ?” เทียนหยุนชิงดูเหมือนจะไม่พอใจกับ วิธีนี้
หลินซินเยียนส่ายศีรษะพลางถอนหายใจกล่าว “ในเมื่อ คุณชายเป็นคนของศาลาความลับแห่งสวรรค์ จะยึดติดกับ การทำอาวุธที่จำเป็นจะต้องใช้วัตถุดิบและเครื่องมือพิเศษได้ อย่างไร? อาวุธก็ดี ของมีคมก็ดี เพียงแค่ต้องเป็นสิ่งที่มีแรง ทำลายล้างในเวลาใดเวลาหนึ่งก็สามารถกลายเป็นอาวุธได้ การแข่งขันครั้งนี้ทำให้พวกเราทำลายลูกสาลี่ ซึ่งสาลี่กลับ ไม่ใช่วัตถุที่แข็งแกร่งสักเท่าไหร่ ฉะนั้นอาวุธที่สามารถ ทำลายลูกสาลี่ได้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วัสดุเหล็กกล้า สอง ชั่วยามทำอาวุธที่เรียบง่ายสักชิ้นข้ารู้สึกว่าเพียงพอแล้ว ถ้า หากท่านคิดว่าไม่พอ ควรยอมรับความพ่ายแพ้โดยดี”
นางกลับคิดไม่ถึงว่าคนของศาลาความลับแห่งสวรรค์จะ กล่าวออกมาเช่นนี้ นี่นางคาดหวังกับศาลาความลับแห่ง สวรรค์สูงเกินไปงั้นหรือ?
เทียนหยุนชิงถูกกล่าวเช่นนี้ก็เกิดโทสะจนหน้าแดง กำลัง จะกล่าวถึงทฤษฎีของนางอยู่พอดีกลับถูกบุรุษที่อยู่ด้านหลัง ดึงแขนไว้อย่างกะทันหัน เขากระซิบที่ข้างหูนาง ไม่ต้องพูด อะไรแล้ว เขาพูดถูกต้อง ตอนนี้ถ้าหากเจ้ายังคิดจะรักษาหน้า ตนเองอยู่ก็ต้องยอมรับวิธีการแข่งขันนี้ หลังจากนั้นค่อย เอาชนะนาง
เทียนหยุนซิงไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ในเวลานี้นางยังคง ยินยอมเชื่อมั่นพี่ชายแท้ๆของตน นางพลันกัดฟันตอบ “ได้! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ตกลงแข่งตามนี้!”
ในเมื่อทั้งสองฝั่งล้วนเห็นด้วย การแข่งขันก็นับว่าเริ่มขึ้นแล้ว อินฉีให้คนจุดธูปไว้ที่ด้านข้างเพื่อบันทึกเวลา
การทดสอบของคนทั้งสองเริ่มชุลมุนขึ้นแล้ว เทียนหยุนชิง ในตอนแรกนั้นยังสับสน ไม่รู้ว่าตนควรใช้สิ่งใดมาทำอาวุธ สุดท้ายแล้วบุรุษที่อยู่ด้านหลังถอนหายใจออกมา บุรุษผู้นั้น ไม่ใช่ใครอื่น คือเทียนหยุนจือพี่ชายแท้ๆของนางนั่นเอง
เดิมที่เขาไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาสอดเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็น ท่าทางของหลินซินเยียนแล้ว เขากลับรู้สึกว่าเทียนหยุนชิง ยังไม่ใช่คู่มือของนาง แต่เขาไม่อาจเห็นชื่อเสียงของศาลา ความลับแห่งสวรรค์ถูกทำลายลง ดังนั้นในช่วงเวลาสำคัญ เช่นนี้ เขาจึงต้องสอดมือช่วย
เขาเดินกลับไปตามทางที่เขามา ด้วยความพยายามอยู่ชั่ว ครู่ก็นำกล่องใบหนึ่งออกมาจากรถม้าของตนเอง กล่องใบนั้น มีความคล้ายคลึงกับกล่องยาของหมอยาจีนทั่วๆไป เมื่อเขา เปิดออกมากลับทำให้เบื้องหน้าสว่างไสวขึ้น
นึกไม่ถึงว่าภายในกล่องนั้นบรรจุไว้ด้วยเครื่องมือขนาดเล็ก ที่หน้าตาแปลกประหลาดจำนวนหนึ่ง ยังมีวัสดุโลหะเล็ก ละเอียดอีกจำนวนหนึ่ง วัตถุดิบไม่มาก ทว่าสำหรับการสร้างสิ่งบางอย่างเพื่อทำลายลูกสาลี่ก็นับว่าเหลือเฟือแล้ว
ในยามที่ฝูงชนเห็นฉากนี้ ก็ส่งเสียงโห่ร้องปะทุขึ้นมาอีก ครั้ง สำหรับพวกเขาสองคนนี้สมกับที่เป็นคนของศาลาความ ลับแห่งสวรรค์ ดูซะสิ แม้แต่เครื่องมือก็พิเศษซะขนาดนี้ ใน สายตาของพวกเขาแล้วชัยชนะดูเหมือนจะเป็นของศาลา ความลับแห่งสวรรค์ตั้งแต่ต้น
หลินซินเยียนกลับไม่รีบร้อน เพียงเหลือบมองด้วยสายตา เรียบเฉย หลังจากนั้นก็เริ่มรวบรวมสิ่งของที่มีประโยชน์สำหรับตนที่อยู่โดยรอบศาลาเฟิงอี โชคดีที่วันนี้คนจำนวน มากแห่กันมาที่นี่ หลายคนยังได้พกพาของกระจุกกระจิก ติดตัวมาบางส่วน ในขณะที่นางถามคนเหล่านั้นเพื่อยืมบาง สิ่ง ทุกคนล้วนใจกว้างอย่างมาก
เทียนหยุนจือหันมองไปทางนางโดยที่ไม่ตั้งใจ นึกไม่ถึงว่า เห็นหลินซินเยียนถามเด็กคนหนึ่งเพื่อจะเอาถังหูลู่ครึ่งไม้(ผล ไม้เคลือบน้ำตาลเสียบไม้) ยังซื้อสร้อยข้อมือเงินที่ได้เปลี่ยน เป็นสีดำไปแล้วจากข้อมือของหญิงชราถามนายพรานที่ดู คึกคักเพื่อเอาลวดเหล็กอีกหลายเส้น..
ขณะที่มองนางกำลังหาของอย่างยุ่งเหยิงที่ดูเหมือนว่าจะ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสร้างอาวุธเลย เทียนหยุนชิงจึงทำท่า ทางดูถูก พลันแค่นเสียงเย็นกล่าว เป็นพวกไม่ถึงขั้นอย่างที่ คาด จะใช้ของเลอะเทอะเหล่านั้นสร้างออกมาได้งั้นรึ? คนคง หัวเราะจนฟันหัก
แต่ทว่า สีหน้าของเทียนหยุนจือกลับยิ่งมืดครึ้ม สำหรับคำ กล่าวของเทียนหยุนชิง เขาได้แต่ส่ายศีรษะอย่างจนใจ น้อง สาวผู้นี้ของเขากลับไม่มีพรสวรรค์ในด้านการสร้างอาวุธ เนื่องจากถูกตามใจจนเสียคนตั้งแต่ยังเล็ก ดังนั้นท่านพ่อท่าน แม่ของเขาจึงให้นางติดตามเขามาเมืองเฟิ่งชีเพื่อเปิดหูเปิดตา ท่องโลกภายนอก
กล่าวกันว่า เหนือคนยังมีคน เหนือฟ้ายังมีฟ้า คนผู้หนึ่งที่ สามารถใช้ของพื้นๆสร้างออกมาเป็นอาวุธได้ กล่าวได้ว่าเป็น ผู้ที่น่ากลัว เพราะนั่นหมายความว่านางสามารถสร้างสิ่งของ เพื่อปกป้องตนเองหรือฆ่าศัตรูได้ทุกที่ทุกเวลา
เทียนหยุนจือลังเล ถ้าหากให้เทียนหยุนชิงสร้างอาวุธนี้โอกาสที่จะพ่ายแพ้ก็มากเกินไป ถ้าหากในเวลานี้เปลี่ยนเป็น ตนที่ลงแข่งละก็..
ทว่าความคิดของเขายังไม่ทันจะมีโอกาสนำออกมาใช้จริง อินฉีพลันก้าวมาถึงเบื้องหน้าของเขา ดวงตาอันแหลมคมคู่ หนึ่งของอินฉีกกำลังมองเขา มุมปากเหมือนกำลังหัวเราะโดยที่ ไม่มีเสียง
น้องชายท่านนี้ เป็นคนของศาลาความลับแห่งสวรรค์ เหมือนกันสินะ อินฉีไม่ได้ถามเขา แต่กล่าวออกมาด้วยความ มั่นใจ เขาไม่รอคำตอบของเทียนหยุนจือ จึงกล่าวต่ออีกว่า แต่ว่า ในเมื่อการแข่งขันเริ่มไปแล้ว จะเปลี่ยนคนกะทันหันนั้น คงเกรงว่าศาลาความลับแห่งสวรรค์เองก็หน้าไม่อายสินะ ใน เมื่อประจันหน้ากันแล้วก็ต้องท้าทายความกล้าหาญจนถึง ท้ายที่สุด น้องชายว่า.ข้าพูดถูกหรือไม่?