ตอนที่98 จะไม่ทรยศแน่นอน
หลินซินเยียนเห็นคนจำนวนหนึ่งกำลังตีกัน ก็หัวเราะ เสียงเย็น และถือโอกาสตอนที่เกิดปัญหาหนีออกมาเงียบๆ
ไม่มีใครสังเกตเห็นตอนที่นางหนีออกมา คนตระกูล หนานกงสนใจแต่หนานกงฉี หัวใจของพนักงานทุกคนก็อยู่ ที่ท่านชายอู่ ดังนั้น ตอนนี้หลินซินเยียนหนีออกมานี่ช่าง 2 ง่ายดายเหลือเกิน
“ไม่ใช่คนวิปริตหรือ ตีคนตายนี่ต้องใช้เงินเท่าไหร่หรือ” หนานกงฉีใช้เท้าเหยียบอยู่บนแผ่นหลังของคุณชายอู๋ แล้ว ก็เหยียบอีกที แล้วท่านชายอู่คนนั้นก็กระอักเลือดสดๆออก มา
อารมณ์โกรธของคุณชายอู่ลดลงแล้ว ไม่มีแรงที่จะพูด ทางด้านของผู้จัดการนั้นใบหน้าของเขาถูกถีบด้วยเหมือน คนใกล้ตาย “ได้โปรดเถิดท่านผู้ยิ่งใหญ่ หยุดมือเถิด นี่เป็น ลูกชายคนเดียวของบ้านตระกูลอู่ เกิดเรื่องเช่นนี้ ก่อเรื่อง ให้คนผู้นั้นในวัง พวกเราอาจจะถูกฝังเป็นศพกันหมด”
“คนผู้นั้นในวังหรือ” หนานกงถึง คนที่เป็นพี่คนโตของ ตระกูลหนานกงตกใจค้าง หัวคิ้วขมวดแน่น ถามผู้จัดการ ว่า “เจ้าพูดอะไร พูดออกมาให้ชัดเจนเดี่ยวนี้”
พวกเขาตระกูลหนานกงรวยล้นฟ้าก็จริง แต่แค่พูดถึง
เรื่องรวยก็ไม่อาจไปต่อกรกับเรื่องในวัง แย่จริงที่เกี่ยวข้อง
กับครอบครัวของเชื้อพระวงศ์ พวกเขาตระกูลหนานกงก็
ยากที่จะถอนตัว
“นางสนมเอกที่ร่ำรวยมิใช่มาจากตระกูลอู่หรอกหรือ นาง สนม นางสนมอู่ไง คุณชายอู่ท่านนี้เป็นน้องชายของนางสน มอู ท่านชายตระกูลอู่ตัวคนเดียว ดังนั้น พวกท่านเบามือ หน่อยเถิด ไม่เช่นนั้นพวกข้าต้องตายแน่” ผู้จัดการล้มลุก คลุกคลานเข้าไปกอดขาของหนานกงฉีไว้
เมื่อหนานกงฉีได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ก็ยกขาออก “ไป ให้พ้น ในเมื่อร่างของเขาสำคัญเช่นนี้ ทำไมเมื่อครู่ไม่พูด ทำไมรี เจ้าอยากจะทำร้ายตระกูลหนานกงหรือ”
ผู้จัดการล้มกองอยู่กับพื้น กระอักเลือดออกมาเช่นกัน เขาเองก็รู้สึกกล้ำกลืน เขาไม่มีโอกาสที่จะพูดต่างหาก พวกท่านมาถึงก็ต่อยตีกันเลย ไม่ให้เวลาเขาได้อธิบายเลย
หนานกงฉีเพิ่งจะรับการโน้มน้าวจากหนานกงถิงและ หนานกงเหยียน ทั้งสองคนเพิ่งจะประมือกัน ยิ่งเห็นคุณชา ยอู่ที่กองอยู่บนพื้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นขาวซีด
“ทำไมยังไม่รีบไปตามหมอมา”ในช่วงเวลาคับขันนี้ คนที่ มีสติมากที่สุดก็คือหนานกงถึง รีบกำชับให้คนไปตามหมอ มา และให้ผู้อารักขาสองคนไปพยุงท่านซายอู๋
ผู้อารักขาทั้งสองคนพยุงเอวของท่านชายอู่ขึ้นมา แต่
เมื่อทั้งสองคนลุกขึ้นกลับพบว่าร่างของท่านชายอู๋ทรุดฮวบ และไม่มีสติแล้ว หัวใจของหนานกงถึงตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ใบหน้าเปลี่ยน เป็นสีเขียว ยื่นมือไปอังที่จมูกของท่านชายอู่ แล้วก็ถอย
หลังหนึ่งก้าว “ตาย ตายแล้ว”
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ตีตายก็คือตีตาย ไม่ใชวาพวก เขาไม่เคยตีคนตาย แค่ให้ตั๋วเงินปิดปากไปก็จบ แค่เพียง แสดงตัวว่าเป็นคนรวย แค่นี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แต่ว่า ท่านชายอู่ที่เป็นลูกชายคนเดียวนี่สิ
“พี่ใหญ่ ทำอย่างไรดี ถ้าหากเป็นคนบ้านตระกูลอู๋จริง งั้น พวกเราก็เป็นคนก่อเรื่องนะสิ” เวลานี้ หนานกงฉีเองก็ไม่ กล้าวางใจ โกรธแค้นจนเค้นเสียงต่ำ “เป็นความผิดของเจ้า เด็กน่าตายคนนั้น เอ๊ะ เจ้านั่นมันหายไปไหนแล้วละ”
พวกเขาเพิ่งจะรู้ว่าภายในห้องนี้ไม่เหลือแม้แต่เงาของ หลินซินเยียน ตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ แม้แต่คนโง่ก็ยัง มองออกว่ามีลับลมคมใน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกลายเป็น มีดในมือผู้อื่น มีดที่ถูกยืมไปใช้ฆ่าคนเสียแล้ว
“เป็นเช่นนี้จริงๆด้วย ข้าจะต้องข้าไอ้เด็กนั่นให้ได้ ” หนา นกงฉีถีบผู้อารักขาสองคนที่อยู่ข้างกายเขา ผู้อารักขาสอง คนกุมหัวเข่าแต่ไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสีย
“ตอนนี้พูดเช่นนี้จะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้พวกเราต้อง แก้ไขปัญหาที่อยู่ข้างหน้าก่อนคือท่านชายอูที่ตายแล้ว” หนานกงเหยียนเองก็กลุ้มใจ ได้แต่ฝากความหวังไว้กับพี่ คนโต หนานกงถึง
หนานกงถึงก็กลัดกลุ้ม เขาเดินไปเดินมาในห้อง แล้ว กัดฟัน “ตอนนี้ทำตามแผนนี้ไปก่อน ขอเพียงแค่ข่าวที่ว่า คุณชายอู่หลงเป็นชายรักชายจริงถูกแพร่ออกไป ถ้าหาก เขาตายในที่แบบนี้ นางสนมที่อยู่ในวังก็คงจำเป็นที่จะไม่ กล้าออกเสียงอะไรมาก”
เมื่อหนานกงฉีและหนานกงเหยียนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่า เป็นแผนการที่ไม่เลวเลย ทั้งหมดช่วยกันวางแผนและหา คนออกไปทำตามแผนทันที
เวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ป้ายประกาศบนถนนใหญ่ที่อยู่ในเมือง เพิ่งซีก็มีใบประกาศมาติด ว่า บุตรชายคนเดียวของตระกูล อู่แห่งถนนตะวันออกนั้นเป็นชายรักชาย และยังชอบเที่ยว ผู้ชายด้วย ไม่เช่นนั้นคงไม่ตายบนร่างของเด็กหนุ่ม
คนที่เดินผ่านไปมาเห็นว่าข่าวนี้มีมูลมีที่มา และยังมีเด็ก หนุ่มที่เคยปรนนิบัติท่านชายอู๋มายืนยันว่าเคยถูกท่านชา ยอู่ทรมาน สายตาของคนใต้ฟ้าก็เห็นเป็นพยานแล้วว่าเขา ตายอย่างฉับพลันขณะกำลังมั่วโลกีย์
ในเมื่อมีหลักฐานเยอะ คนให้ปากคำก็เยอะ ดังนั้นข่าวนี้ก็ ทำให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองเฟิงซีนั้นได้รับรู้บางคนพอรู้ ข่าวก็แทบจะบอกว่าคนเช่นนี้ตายไปก็ดีแล้ว
เมื่อได้ยินเรื่องนี้จากปากของหลี่หลง หลินซินเยียนก็คลี่
ยิ้ม
เมื่อยามโพล้เพล้ บนท้องฟ้ามีแสงสายัณห์ นางก็นั่งชงชา อยู่ในห้อง หลี่หลงบอกข่าวทั้งหมดให้หลินซินเยียนฟัง เสร็จก็คุกเข่าอยู่ข้างหน้านาง “แม่นางแก้แค้นให้พ่อแทนข้า แล้ว ท่านเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ของข้าหลี่หลง ขอเพียง แค่แม่นางหลินเอ่ยปาก ข้าก็จะยอมทำทุกอย่างเพื่อท่านแม้ ข้าตายก็ยินยอม ”
หลินซินเยียนได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สายตาที่มองทอดออก ไปที่แสนไกลก็มองกลับมา สีหน้าของนางยังคงแสดงว่าไม่ต้องใส่ใจอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แค่ยกมือขึ้นปรามแล้วพูด ว่า “ถ้าเจ้าตาย แม่กับน้องชายเจ้าจะทำอย่างไร ลุกขึ้นมา ข้าทำเช่นนี้ไม่ได้ทำเพื่อเจ้า แต่ทำเพื่อความสบายใจของ ข้า แต่ว่าเจ้าจะต้องลงโทษความผิดของบ้านตระกูลอู่ เพียงแค่ว่ามู่เจียงทำเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว เจ้าที่เป็นผู้ชายคน เดียวของบ้านต้องทำงานหาเงินเลี้ยงปากท้องของคนใน ครอบครัว ถ้าหากว่าเจ้ายินดี ก็มาเป็นผู้อารักขาของข้า ”
จากการสังเกตของนาง นางรู้สึกว่าหลี่หลงคนนี้เป็นคนที่ มีสติปัญญา อย่างน้อยที่สุดความฉลาดปราดเปรื่องของ เขาก็จะสามารถลดความวุ่นวายลงไปได้
หลี่หลงชะงักงัน แล้วเงยหน้าขึ้นมองนาง
หลินซินเยียนพูดอีกว่า “แน่นอนว่าข้าต้องให้ค่าแรงเจ้า ภายหลังเจ้าและเอ้อร์ยาก็จะได้รับเงินเดือน เงินเดือนนี้จะ สามารถเลี้ยงดูครอบครัวเจ้าได้ ถ้าหากว่าเจ้ามีคนรู้ใจเมื่อ ใด ก็ให้ข้าเตรียมเงินของขวัญไว้ให้เจ้าไปขอผู้หญิง แต่งงานได้”
“ข้า หลี่หลงยินยอม” หลี่หลงเอาหัวโขกพื้นแรงๆหลาย ครั้ง “เพียงเพราะว่าข้าไม่รู้หนังสือ ข้าเพียงขายร่างของข้า ให้แม่นางเขียน เมื่อเขียนเสร็จข้าจะกดพิมพ์มือเอง”
หลินซินเยียนหุบยิ้มแล้วส่ายหัว “ไม่ต้องขายร่างของเจ้า เจ้าก็คือเจ้า ไม่ใช่ข้ารับใช้ของข้า ข้าแค่ให้เจ้ามาทำงาน กับข้าก็เท่านั้น”
ทาสรับใช้หรือ นางไม่อยากมอบคำนี้ให้กับชายผู้นี้เลย นางจะอยากให้ผู้อื่นมาเป็นทาสรับใช้ของนางไปเพื่ออะไรกัน ถึงอย่างไรมุมมองของคนทั้งโลกก็ต่างจากนางอยู่แลว แต่ว่านางก็ยังดึงดันที่จะคงความตั้งใจเดิมของนางไว้อยู่
“ไม่ต้องขายร่างกายแล้วจะยังได้รับค่าแรงอยู่หรือ” หลี่ หลงเป็นผู้ชายอกสามศอก เพียงชั่วพริบตาเดียวในดวงตา ของเขาก็ขึ้นขึ้น เขาโขกหัวกับพื้นอีกรอบ แล้วพูดเสียงต่ำ ว่า “ข้าหลี่หลงของสาบานต่อฟ้า ชีวิตนี้ จะไม่หักหลังแม่ นางเด็ดขาด”
คำสาบานเอ๋ย…. หลินซินเยียนได้ยินแล้ว นางก็ยิ้ม บางๆไม่ได้พูดอะไรต่อเลย