ตอนที่ 116 ศิษย์พี่ช่วยเจ้าไปแต่งงานเอง
” ข้ามองไม่ชัดจริงๆ หรือว่าท่านให้เขาถอดให้ข้าดูอีกที ข้าจะได้มองชัดๆ แล้วข้าอาจจะรับผิดชอบให้ได้ แต่ถ้าจะ ให้รับผิดชอบล่ะก็ เช่นนั้นข้าต้องดูทั้งหมด” หลินซีนเยียน พูดจนทำให้คนตะลึงอย่างมาก สายตาของเธอมองไปยัง ชายคนนั้นที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เมื่อชายคนนั้นถูก มองเข้าก็หน้าแดงระเรื่อ ใครจะไปถอดต่อหน้าเธออีกครั้ง ล่ะ?
เมื่อชายแก่ชุดขาวได้ยินก็จ้องหลินซีนเยียนราวกับสัตว์ ประหลาดยังไงยังงั้น ผ่านไปสักพักจู่ๆก็หัวเราะขึ้นมาเสียง ดังแล้วหันหน้าไปเอ่ยกับลูกศิษย์ของเขา “นี่ เจ้าได้ยินแล้ว หรือยัง? นั่งเด็กนี่ให้เจ้าถอดให้นางดูอีกรอบ เมื่อนางเห็น ชัดแล้วก็จะรับผิดชอบ เจ้าบอกมาตลอดว่าหาภรรยาไม่ได้ เลยไม่ใช่หรือ? นี่สวรรค์ก็ส่งมาให้เจ้าแล้ว อย่าให้เสีย โอกาสไป! เร็วๆๆ รีบถอดเร็วๆ! ”
“อาจารย์!” เมื่อชายคนนั้นโดนคำพูดของชายแก่และ หลินซีนเยียนจู่โจมมา ไม่เพียงแต่หน้าแดงเท่านั้น คอก็ยัง แดง “อาจารย์! ข้าง่วงแล้ว จะกลับไปนอนแล้ว ท่านจะเล่น เองแล้วกัน!”
ชายคนนั้นละอายจนเอ่ยอย่างโกรธเคือง จากนั้นก็เดิน ตรงไป หันหน้ามาอีกทีก็หายไปแล้ว
ชายแก่ชุดขาวหัวเราะไปพักหนึ่ง ” ลูกศิษย์ของข้าไม่ว่า ก็ดีไปหมด แต่ขี้อายไปหน่อย”
“ฮ่าฮ่า” หลินซีนเยียนหัวเราะแห้งๆ ” ขี้อายดี ดูสำรวม”
เมื่อชายแก่ชุดขาวได้ยินก็หัวเราะขึ้นมาอย่างดัง ชี้ไปที่ หลินซีนเยียนแล้วเอ่ย “นังเด็ก นี่ ตลกดีจริงๆ ขี้เล่นกว่าลูก ศิษย์ที่เดายากจนน่ากลุ้มของข้าคนนั้นมาก จริงสิ แล้วเจ้า มาจากไหนหรือ?”
ครั้งนี้เด็กหนุ่มที่ยืนเงียบมาตลอดตอบแทนหลินซีนเยียน ผู้อาวุโสสี่ นี่คือคนที่พี่ชื่อไก่พามา บอกว่าเป็นศิษย์ที่ผ่าน การคัดเลือกเข้าสำนัก ท่านประมุขให้พามาให้ท่านดู ท่าน อยากจะรับนางเป็นศิษย์หรือไม่”
เมื่อชายแก่ชุดขาวได้ยิน ใบหน้าก็ปรากฏรอยเหี่ยวย่น
ขึ้นทันที รับศิษย์….ข้าไม่ได้รับศิษย์มานาน คร้านจะ สอน. ” หากท่านไม่พอใจล่ะก็ ข้าจะรีบพานางไปทันที” พอเด็ก หนุ่มคนนั้นได้ยินก็รีบตอบกลับไป เมื่อเห็นอารมณ์ของเขา
คล้ายกับไม่อยากรั้งอยู่ที่นี่นาน
“เอาแบบนี้…. ” ชายแก่ชุดขาวท่านเยว่ราวกับมีใจ เอียง หน้าไปมองหลินซีนเยียน ” แต่นังเด็กนี่น่าสนใจดี เอาแบบ นี้แล้วกัน ถ้าเจ้าทายได้ว่าเมื่อครู่นี้ข้ากำลังทำอะไรอยู่ ข้า จะยอมทำผิดกฎแล้วรับเจ้าเป็นศิษย์”
หลินซีนเยียนยกมุมปากขึ้น แต่ก็ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็เอ่ยถาม “เมื่อครู่ท่านเยว่กำลังวาดบอดี้เพ้นท์? ”
“บอดี้เพ้นท์?” นี่เป็นคำศัพท์ใหม่เลยทีเดียว ว่าแต่มัน หมายความว่าอะไรหรือ? ” ตาของท่านเยว่เปล่งแสงสว่างราวกับสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่แปลกประหลาดนี้อย่างมาก
ในขณะนั้น หลินซีนเยียนรู้สึกว่าตนเองได้จับจุดผู้อาวุโส คนนี้ได้แล้ว ที่แท้ก็เป็นตาแก่แปลกๆที่ขี้สงสัยอย่างมาก
“บอดี้เพ้นท์ก็คือการศิลปะบนเรือนร่างของมนุษย์ โดยใช้ ประโยชน์จากโครงสร้างที่สมจริงของร่างกายของมนุษย์ มาทำให้เกิดเป็นภาพที่หลอกสายตาได้ในรูปแบบหนึ่ง ” หลินซีนเยียนอธิบายอย่างง่ายๆ เมื่อมองสีหน้าของท่านเยว่ แล้วก็เห็นว่าดูตื่นเต้นอย่างมาก
“ ไอ้หยา! นังเด็กนี่ถูกใจข้ามากเลย ถึงเจ้าจะบอกว่าบอดี้ เพ้นท์คืออะไร แต่ที่เจ้าว่ามาก็คล้ายกับสิ่งที่ข้ากำลังจะทำ อยู่ไม่มีผิด”
หลินซีนเยียนเอ่ยอีกครั้ง “หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ ท่านสวี่ อยากจะอำพรางตัวพี่ใหญ่ท่านนั้นในสภาพแวดล้อมโดย ใช้การวาดภาพ ทำให้คนเข้าใจผิดว่าเขาไม่ได้อยู่” จะว่า ไปแล้วก็คล้ายกับเปลี่ยนสีเพื่อปรับตัวเข้ากับสภาพ แวดล้อม พยายามทำให้ศัตรูของตนเองมองไม่เห็นมันก็ เท่านั้น
” ไม่เลว ไม่เลว นังเด็กนี่ฉลาดว่าเหล่าไอ้เด็กเหลือขอ พวกนั้นเสียอีก” ท่านเยว่พยักหน้า พลางเอ่ยกับเด็กหนุ่มที่ พาหลินซีนเยียนเข้ามาที่นี่ ” เจ้าไปบอกเฝิงซื่อไห่ว่าข้ารับ ลูกศิษย์คนนี้แล้ว”
ห้า” เด็กหนุ่มคนนั้นตกใจจนออกนอกหน้า จ้องหลิน ซีนเยียนด้วยสายตาแปลกๆ ใครๆก็บอกกันว่าพวกเดียวมัก จะมารวมตัวกัน แม่นางท่านนี้อยู่ดีๆ ทำไมถึงเข้ากับนิสัยแปลกๆของตาแก่คนนี้ได้เล่า? แต่เขาก็เป็นแค่ศิษย์ฝ่าย นอก ไม่กล้าถามเยอะ เพียงส่งเสียงขานรับแล้วหมุนตัวเดิน จากไป
ท่านสวีรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก เดินไปวางจานฝนหมึกและ พู่กันบนโต๊ะตัวเล็กที่อยู่ข้างๆ จากนั้นก็ไปดึงแขนหลินชีน เยียนแล้วพาเดินไปในอุโมงค์อีกฝั่งหนึ่ง “ มา มา วันนี้ข้ารับ ลูกศิษย์สาวสวยคนหนึ่ง อาจารย์จะพาเจ้าไปพบกับศิษย์พี่ ของเจ้าทั้งสอง!”
“ได้” หลินซีนเยียนฉีกยิ้มอย่างจริงใจ คนอื่นไม่มีทาง เข้าใจ แต่สำหรับผู้เชี่ยวชาญการประดิษฐ์อาวุธแล้ว การ ออกแบบอาวุธที่สามารถอำพรางตัวได้นั้น มันเป็นการ อัพเกรดอาวุธในรูปแบบหนึ่ง คล้ายกับอาวุธที่ใช้ในการ ทหารที่มักจะเป็นลายพรางสีดำเขียว
ดังนั้น ดูเหมือนว่าท่านเยว่คนนี้ชอบทดลองของแปลกๆ แต่ในทางกลับกันแล้ว เป็นเพียงขั้นตอนสุดท้ายของวิธีการ ปรับปรุงการสร้างอาวุธ ไม่เสียทีที่เป็นผู้อาวุโสของศาลา ความลับแห่งสวรรค์ ในยุคสมัยของอาวุธเย็นก็สามารถ คิดค้นแผนภาพการพัฒนาอาวุธได้ถึงขนาดนี้แล้ว เป็นช่าง ฝีมือที่ยอดเยี่ยมมากๆ
อาจเป็นเพราะว่านับถือจากใจจริง ดังนั้นหลินซีนเยียนจึง รู้สึกดีกับตาแก่ท่าทางแปลกๆคนนี้อย่างมาก อย่างน้อย ถ้า เทียบกับท่านประมุขศาลาความลับแห่งสวรรค์อวิ๋นเทียนสี่ แล้ว เธอยินดีที่จะเป็นศิษย์ของท่านเยว่มากกว่า
เมื่อเดินผ่านอุโมงค์มาถึงทางออก ขนาดยังไม่ได้ออกก็ได้กลิ่นหอมอบอวลลอยมาแตะที่จมูก นี่ถึงเวลาอาหาร เย็นแล้ว หลินซีนเยียนยังไม่ได้กินอะไรมาเลย พอได้กลิ่น หอมนี้ จู่ๆท้องก็ร้องขึ้นมาทันที
“รู้สึกหิวนิดหน่อย” หลินซีนเยียนเห็นว่าท่านเย่วมองมา ด้วยสายตาแปลกๆ เธอก็หัวเราะอย่างเก้อเขิน
ท่านเยว่หัวเราะเสียงดังอีกครั้ง ” หิวก็ไปกิน ลูกศิษย์ ของข้าทำอาหารเก่งอย่าบอกใครเชียว ไป ข้าจะพาเจ้าไป กินอาหารดีๆ” เขาพาหลินซีนเยียนเดินออกมาจากอุโมงค์ ข้างนอกเป็น
ป่าไม่ไผ่เล็กๆ เมื่อเดินออกจากป่าไม่ไผ่แล้วก็มีแสงไฟที่
ส่องสว่างมา เขาก็เดินเข้าไปในแสงไฟนั้น
หลินซีนเยียนเดินตามเขาไป ที่แท้ป่าไม้ไผ่ก็มีที่ว่างเล็กๆ อยู่ มีชาย 2 คนที่กำลังนั่งอยู่หน้ากองไฟที่กำลังย่างเนื้อ สัตว์อยู่ ดูเหมือนว่าใกล้จะสุกแล้ว เพราะที่เนื้อสัตว์นั้นดู เหมือนว่ามีน้ำมันออกมา
ชายคนที่ขี้อายคนก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงข้ามกับทิศทางที่ ทั้งสองเดินมาพอดี เมื่อเห็นหลินซีนเยียนเดินตามมาก็ลุก ขึ้นแล้วตะโกนร้องทันที”อาจารย์! ทำไมท่านถึงพานางมา ด้วย จะให้นางรับผิดชอบข้าจริงๆหรือ!?”ตอนที่พูดเขาก็ หน้าแดงขึ้นมาทันที
ชายที่นั่งหันหลังอยู่ก็หันหน้ามองทั้งสองที่กำลังเดินมา ตอนที่เห็นหลินซีนเยียน เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ หัวเราะขึ้นมา ” ศิษย์น้อง ข้าเห็นว่าแม่นางหน้าตาดีขนาดนี้ ให้เป็นภรรยาของเจ้าคงเสียดายน่าดู เอาอย่างนี้ ศิษย์พี่จะช่วยแต่งให้เจ้าก็แล้วกัน”
” พูดเหลวไหลอะไรกันไอ้เด็กเหลือขอ!” เมื่อท่านเยว่ เดินเข้ามาใกล้ก็ใช้มือตบไปที่หัวของเขา ” ศิษย์ใหม่ของ ข้างดงามขนาดนี้ ทำไมต้องแต่งให้กับไอ้ตัวซวยอย่างพวก เจ้าสองคนด้วย? สำหรับอาจารย์แล้วจะหาคนที่เหมาะสม ที่สุดให้กับนางถึงจะถูกไม่ใช่หรือ?”