ตอนที่ 113 ผู้หญิงเป็นตัวปัญหา
เฝิงชื่อไก่หน้าแดงหลังจากที่เขาเอ่ยถึงเรื่องนั้น แอบหัน ไปมองหลินซีนเยียน เมื่อเห็นว่าหลินซีนเยียนไม่ได้โกรธ เคืองอะไร เขาถึงหายใจอย่างโล่งอก
หลินซีนเยียนคิดว่า โมโหไปก็เท่านั้น เพียงแต่เข้าใจผิด ไม่คุ้มค่าให้เธอต้องเสียแรงไปกับการโมโห บางทีอาจเป็น เพราะไม่ได้ใส่ใจ ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ในเมื่อไม่คิด อะไร แล้วทำไมเธอต้องสนว่าคนอื่นจะคิดยังไงด้วย?
เห็นได้ชัดว่า เมื่อโม่จื่อเฟิงได้ยินก็เหมือนกันอารมณ์จะ ไม่ดีเท่าไร จึงจ้องเขม็งไปที่เฟิงซื่อไห่สักพัก “นานน้อยของ พวกเจ้าอายุก็มากขนาดนี้แล้ว ทำไมยังไม่แต่งเมียอีก หรือ?”
เมื่อโม่จื่อเฟิงออกปาก มักจะปล่อยอสรพิษออกมา หลิน ซีนเยียนปากกระตุ้น ไม่กล้าเอ่ยอะไร หากไม่รู้ว่าเป็นโม่ จื่อเฟิงก็ช่างมัน เธอยังสามารถพูดกับ”ไน่เหอฮวน’ได้หลาย ประโยค แต่พอรู้ว่าเขาเป็นโม่จื่อเฟิง เธอไม่กล้าพูดมั่ว วอะไรที่บังอาจกับเขา เธอไม่วันลืมว่าผู้ชายคนนี้เป็นเจ้า คิดเจ้าแค้นแค่ไหน
“น้องไน่ ที่เจ้าพูด….เฝังชื่อไห่ก็รู้สึกว่าฟังไม่เข้าหูเช่น กัน
“ทำไม ข้าพูดผิดหรือ? หรือว่าประมุขน้อยเป็นโรค อะไร?” โม่จื่อเฟิงยังคงเชือดเฉือนด้วยคำพูด
เฟิงซื่อไห่ส่ายหน้าอย่างจนใจ “น้องไน่ผู้นี้ช่างปาก….” เขาอยากพูดอะไรแต่พอคิดย้อนไปถึงผู้ชายที่ฆ่าหมาป่า โลหิตในป่านั้นแล้ว คำพูดตำหนิอะไรคงจะพูดออกไม่ออก แล้ว น้ำเสียงเขาจะนุ่มขึ้น “นายน้องจะเป็นโรคอะไรได้ที่ ไหนเล่า แค่ยังไม่พบแม่นางที่ต้องตาต้องใจก็เท่านั้น”
ใครเชื่อ? ถึงอย่างไรหลินซีนเยียนเองก็ไม่เชื่อ
ผู้ชาย เมื่อถึงวัยแตกหนุ่ม จะมีใครที่ไหนสามารถทน ความเหงาได้บ้าง? ก็ไม่รู้ว่าหลินซีนเยียนมีอคติกับผู้ชาย หรือเปล่า เมื่อได้พบกับโม่จื่อเฟิง เธอก็คิดว่าผู้ชายก็เป็น แบบนี้เหมือนกันหมด
โม่จื่อเฟิงหัวเราะมาอย่างไม่ปริปากพูด แต่ไม่ได้ถาม ซอกแซกอะไรกับฝังชื่อให้อีกครั้ง “ข้าเหนื่อยแล้ว ไหน ท่านประมุขบอกว่าอยากพบพวกข้าไม่ใช่หรือ? เช่นนั้น พวกข้าไม่อยากจะรอช้า ขอไปอาบน้ำก่อนทานข้าวแล้วไป พบท่านประมุข”
ได้ ได้ พวกเจ้ารีบไปเถอะ ข้าจะรอพวกเจ้าอยู่ที่นี่” เมื่อ เฝิงซื่อไห่ได้ฟังที่เขาเอ่ยถึงประเด็กหลักขึ้น เขาก็ไม่กล้าที่ จะรอช้า เมื่อมองแผ่นหลังของโม่จี่อเฟิงเดินจากไป ก็บ่น พึมพำขึ้นมา “ทำไมผ่านมาทั้งวันถึงรู้สึกว่าคนๆนี้มีนิสัยต่าง กัน”
น่าเสียดาย ไม่มีใครตอบคำถามของเขา
ห้องที่ได้เตรียมให้โม่จื่อเฟิงกับหลินซีนเยียนเสร็จแล้ว เมื่อหลินซีนเยียนเข้ามาในห้องก็พบว่าหลังฉากกันลมได้ เตรียมอ่างน้ำร้อนให้แล้ว ในเวลานี้เธออยากจะแช่น้ำร้อนจึงเริ่มถอดเสื้อผ้าแล้วก้าวลงไปในอ่างไม้นั้น
ตอนที่อยู่ในป่า โม่จื่อเฟิงรุนแรงมากเกินไป ทำให้เธอ รู้สึกปวดเมื่อยไปทั่วร่าง จนมาถึงตอนนี้ก็ยังไม่ทุเลาลง เท่าไร เมื่อเธอลงไปในอ่าง น้ำร้อนที่ห่อหุ้มอยู่บนร่างกาย ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะครางร้องอย่างรู้สึกสบายตัวออกมา
ในข้างห้อง โม่จื่อเฟิงที่กำลังถอดเสื้อผ้าอยู่ เมื่อได้ยิน เสียงครางร้องนั้นก็ชะงักหยุดทันที เขาหันหน้าไปอย่าง ไม่รู้ตัว บนกำแพงไม้มีเพียงภาพวาดโบราณอยู่ 2 ภาพ แต่ สายตาของเขาราวกับมองทะลุเห็นคนที่อยู่ด้านหลัง กำแพงไม่นั้น ที่กำลังนอนหลับตาและครางร้องอยู่ใน อ่างอาบน้ำ
“ตาย!” เขาบ่นเสียงต่ำ ใบหน้าก็มืดครึ้มลง
หากเป็นคนธรรมดา เสียงครางที่อยู่ข้างห้องไม่มีทาง ได้ยินอย่างแน่ แต่ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นโม่ จื่อเฟิง เมื่อเขารู้สึกว่าถึงพลังที่มากล้นจนเกินไปเพียงครั้ง เดียวก็สามารถทำให้คนทุกข์ทรมานได้
ท่ามกลางหมอกไอน้ำที่อบอวลไปทั่วห้อง เส้นผมของเธอ เปียกจนแนบติดกับหน้าอก เสื้อผ้าที่ถอดแล้วโยนไปห้อย อยู่บนฉากกันลม ในขณะนั้น ถึงเธอจะมีหมอกไอน้ำจาก อ่างอาบน้ำที่ห่อหุ้มตัวของเธออย่างมิดชิด แต่คนที่สมควร ตาย มักจะทำให้คนเกิดภาพหลอนจนคิดฟุ้งซ่านไปเอง
หลินซีนเยียนอดไม่ได้ที่จะครางร้องออกมาอย่างรู้สึก สบายตัวออกมา เมื่อรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมา เธอก็ลืมตา ขึ้นมาทันที
ผู้หญิง เจ้าร้องครางอย่างมีความสุขขนาดนี้ คือกำลัง ยั่วยวนเป็นหวางใช่หรือไม่?” ไม่รู้ว่าโม่จื่อเฟังได้มายืนข้าง อ่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร
หลินซีนเยียนกลืนน้ำลายลงอย่างตื่นตระหนก แล้วเอ่ย พูดอย่างติดๆขัดๆ “จะ เจ้ามาได้อย่างไร?”
“เจ้าเป็นคนเรียกเปิ่นหวางมาไม่ใช่หรือ?” โม่จื่อเฟิงแกล้ง ทำเป็นถามย้อนกลับอย่างสงสัย การแสดงนี้ก็ทำให้หลิน ซีนเยี่ยนรู้สึกว่าถึงความสมจริงอย่างมาก
…” เธอเรียกเขาเหรอ? นอกจะป่วยเท่านั้นแหละ!
” ในเมื่อเจ้าเรียกเป็่นหวาง เปิ่นหวางก็มาทันที เจ้าดู เปิ่น หวางให้เกียรติเจ้ามากแค่ไหน ไม่ว่าเจ้าจะเป็นเพียงสาวใช้ อุ่นเตียงของเปิ่นหวางคนหนึ่งก็ตาม” ตอนที่โม่จื่อเฟิงเอ่ย อยู่ก็ได้ปลดสายรัดเอวของตนเองออกแล้ว
หลินซีนเยียนจ้องมองการกระทำของเขาอย่างตกตะลึง ถึงกับพูดไม่เป็นคำพูด จะ จะ จะ เจ้าจะทำอะไร?”
“ทำไม? เห็นเปิ่นหวางจะช่วยเจ้าอาบน้ำ ดีใจจนพูดไม่ ออกแล้วหรือไง? ” โม่จื่อเฟิงยังคงฉีกยิ้มอย่างเยือกเย็น ที่ มือยิ่งขยับยิ่งคล่องแคล่วขึ้นเรื่อยๆ
หลินซีนเยียนเอามือกุมขมับ ความรู้สึกเหมือนอยากจะ ขัดขืนแต่ก็ทำไม่ได้ ใช้ตาข้างไหนมองว่าเธอดีใจกัน? เห็นๆอยู่ว่าเธอตกใจ! ตกใจ!
“ทะ ท่านอ๋อง คือว่า วันนี้พวกเราถ่วงเวลาไปมากแล้ว.. เธอพูดครอบคลุมทั้งหมด ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในป่า เขาทรมานเธอไปหลายชั่วโมงแล้ว ยังไม่พออีกเหรอ?
โม่จื่อเฟิงยิ้มแสยะ เขาถอดเสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายเกือบ หมดแล้ว “แต่ว่า เจ้าเพิ่งจะเรียกเปิ่นหวาง ดังนั้นเปิ่นหวาง คิดว่าเจ้ายัง…กินไม่อิ่ม! ”
กินน้องสาวเจ้าสิ!
หากพูดคำหยาบแบบนี้กับเขาแล้วไม่ต้องตาย หลินซีน เยียนก็อยากจะด่ายันบรรพบุรุษ 18 ชั่วโคตรของเขาสัก รอบ แต่ว่าเธอไม่มีความกล้าแบบนั้น
โม่จื่อเฟิงยืนปลดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายต่อหน้าของเธอ จาก นั้นขาที่เรียวยาวก็ก้าวลงสู่อ่างอาบน้ำ
นานกว่าหลินซีนเยียนจะได้สติคืนมา เธอเพิ่งจะเห็นอะไร เมื่อกี้? เห็นแล้วใช่ไหม? เห็นแล้ว!
“มานี่!” โม่จื่อเฟิงเอ่ยเสียงบังคับปนความเยือกเย็นอยู่ ส่วนหนึ่ง แต่ลมหายใจที่พ่นออกมากลับร้อนผ่าวมิอาจหา ที่ไหนมาเทียบได้
ถึงจะผ่านมาเนิ่นนานแล้ว อุณหภูมิของน้ำราวกับไม่ได้ เย็นขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับยิ่งทำให้คนร้อนระอุขึ้นมา อีก อ่างอาบน้ำถึงจะมีขนาดใหญ่ แต่เธอจะสามารถหลบ อุ้งมือปีศาจร้ายของเขาได้ที่ไหนกัน เมื่อเห็นว่าเธอนิ่งอยู่ นาน เขาก็ดึงหลินซีนเยียนเข้ามาหาโดยตรง
เธอชนตัวของเขาอย่างแรง เพราะว่ามวลน้ำมีพลังคอย รับกันกระแทกอยู่จึงไม่รู้สึกเจ็บมากเท่าไร กลับรู้สึกถึง ความนุ่มลื่นของผิวที่หยาบกร้านของเขา เพียงแต่ขาเรียวเล็กของเธอกลับไปโดนอะไรที่แข็งๆเข้า?
แสงไฟที่สว่างในห้อง ทำให้เห็นใบหน้าของไน่เหอฮวน ได้อย่างชัดเจน เมื่อหลินซีนเยียนมองใบหน้าของคนแปลก หน้า ถึงจะรู้สึกว่าการสัมผัสเป็นของโม่จื่อเฟิง เพียงแต่ ใบหน้านี้มันทำให้เธอลำบากใจอย่างมาก
แต่ถ้าโม่จื่อเฟิงไม่บอก เธอก็คงจะเข้าใจผิดว่าผู้ชายตรง หน้าเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าคนหนึ่ง! ความรู้สึกแบบนี้ ทำให้เธอหน้าแดงและหัวใจเต้นจนก้มหน้าลงไปอย่างทน ไม่ไหว
” ท่านอ๋อง คือหน้าต่างหนังมนุษย์นี้ ขะ ข้าไม่ชิ้น ” เธอ ไม่ชินที่จะหลับนอนกับผู้ชายคนอื่นเท่าไร มารดาเจ้าสิ หน้าของคนแปลกหน้านี้ สำหรับเธอแล้วไม่มีความรู้สึกที่จะ สานต่อเลย
ทันใดนั้น ตอนที่เอ่ยคำพูดนี้เธอก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา ทันที เธอกำลังคิดอะไรอยู่? ทำไมผู้ชายคนอื่นไม่ แต่โม่ จื่อเฟิงได้? มันตั้งแต่ตอนไหนกันที่เธอคิดว่าเป็นเขาน่ะได้! เธอเป็นโรคทรมานตัวเองเหรอ!
โม่จื่อเฟิงหัวเราะ ตอนที่รอยยิ้มหายไป เขาก็ถอดหนัง กากออกแล้วโยนทิ้งไปข้างๆ
ในที่สุดอุณหภูมิในห้องก็ร้อนระอุขึ้น เกิดการกระแทก กันดังโครมๆจนน้ำกระเด็นสาดซัดนอกอ่าง ผ่านไปไม่กี่ นาที พื้นแผ่นไม้ก็เปียกชุ่มไปทั่ว
ในตอนที่ทั้งสองคนได้สัมผัสแนบเนื้อชนเนื้อกันอยู่ก็ไม่ได้สนใจสิ่งของเหล่านั้น
ตอนนั้นหลินซีนเยียนคิดว่า ต่อไปเมื่อโม่จื่อเฟิงอยู่ ภายใน 10 ตั้ง ไม่ว่ายังไงเธอจะไม่ส่งเสียงเลยเด็ดขาด
เมื่อทั้งสองจัดแจงสวมเสื้อผ้ากันเสร็จแล้ว ก็ผ่านไป 1 ชั่ว ยามพอดี กลัวว่าจะทำให้คนสงสัย ทั้งสองคนก็ไม่ได้ตั้งใจ กินข้าวเลย เพียงเลือกกินไม่กี่อย่าง จากนั้นก็เดินไปใน เรือน
“แม่นางหลิน น้องไก่ ทำไมพวกเจ้าชักช้าอย่างนี้? ” เฝิง ชื่อไห่ที่กำลังรอในเรือนรู้สึกทนไม่ไหว เมื่อเห็นพวกเขาก็ อดไม่ได้ที่เอ่ยปากถาม
หลินซีนเยียนหน้าแดง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ส่วนโม่จื่อเฟิงที่อยู่ข้างๆก็มองไปที่เธอแวบหนึ่ง “ไม่ใช่ เพราะนางหรือ? ผู้หญิงเป็นตัวปัญหา อาบน้ำที่ไรก็จะนอน พลิกตัวมา 1 ชั่วยาม”
หลินซีนเยียนเบิกตาโพลงหันกลับไปมอง นี่คิดจะโทษ เธอเหรอ?
เมื่อเฝิงซื่อไห่ได้ยินว่าหลินซีนเยียนเป็นคนถ่วงเวลา ใบหน้าก็ฉีกยิ้มด้วยความแค้นใจ “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร พวก ผู้หญิงก็เป็นเช่นนั้นแหละ ภรรยาของข้าทุกครั้งที่อาบน้ำก็ ไม่มีท่าทีจะอาบเสร็จสักที”
เมื่อเห็นหลินซีนเยียนอับอายจนไม่ได้พูดอีก เฝิงซื่อไห่ก็ คิดว่าเธออายก็ไม่ได้ถามอะไรอีก จึงรีบพาทั้งสองเดินไป
ด้านนอก
บ้านเรือนของศาลาความลับแห่งสวรรค์ตั้งตระหง่านอยู่ ตรงกลางหุบเขาแคบๆที่อยู่หลังถนน มันเชื่อมต่อกันกับที่นี่ และค่อนข้างจะเป็นอิสระ เฝิงซื่อไห่ถือโคมไฟแล้วเดินนำ หน้าไป โม่จื่อเฟิงกับหลินซีนเยียนเดินตามหลังเขาไป พวก เขาเดินไปสักพักก็เห็นบ้านเรือนที่ศาลาความลับแห่ง สวรรค์แล้ว
ถนนตรงหน้าไม่เหมือนกัน ที่นี่ไม่แขวนโคมไฟหลาก หลายสีสัน แต่แขวนโคมไฟสี่เหลี่ยมที่สอดคล้องกับ บรรทัดฐานของสังคม
ในตอนกลางคืน หน้าประตูลานบ้านของศาลาความลับ แห่งสวรรค์ก็มีองครักษ์ยืนเฝ้าอยู่ เมื่อเฝิงซื่อไห่เดินมาก็ กล่าวกับเหล่าองครักษ์อย่างนอบน้อม เป็นแขนที่ท่าน ประมุขอยากพบ และได้สั่งให้ข้าพาเข้าไป”
องครักษ์นั้นส่งเสียงตอบรับ จากนั้นก็ปล่อยให้ทั้งสาม เดินเข้าไป
หลินซีนเยียนกวาดตามองไปรอบๆ เห็นบนกำแพงของ ประตูใหญ่ทั้งสองฝั่งได้ติดกลไกที่คล้ายกับอาวุธหน้าไม้ อยู่รูปแบบหนึ่ง กลไกเหล่านั้นอยู่ห่างจากกันไม่ถึง 1 นิ้ว ไม่ ว่าภายนอกหรือภายในก็สามารถสร้างระยะการโจมตีโดย ไม่ถึงกับปางตาย ไม่เสียทีที่เป็นสถานที่รวบรวมช่างฝีมือดี ที่สุดในใต้หล้า กลไกเหล่านี้ทำให้ผู้คนเลื่อมใสยิ่งนัก
เฟิงซื่อไห่พาทั้งสองคนเดินผ่านห้องโถงไปยังเรือนหลัง ผ่านทางเดินที่คดเคี้ยวไปมาในที่สุดก็ถึงหน้าสระเหมันต์ที่ กว้าง 3 ตั้ง สระน้ำนั้นสร้างขึ้นจากภูเขา แต่ถูกล้อมรอบได้ด้วยบ้านเรือนจากเรือนหลัง กลายเป็นทิวทัศน์ที่งดงาม ด้านบนของสระน้ำมีชายแก่คนหนึ่งกำลังตกปลาอยู่
ชายแก่สวมชุดคลุมสีดำราวกับน้ำหมึกทั้งตัว หากไม่ใช่ เพราะหนวดและผมเป็นสีขาวก็คงจะรวมร่างเป็นหนึ่งเดียว กับยามค่ำคืนนี้ไปแล้ว เขาถือคันเบ็ดยาว มีกรงไม้ไผ่วาง อยู่ข้างๆเท้า ในกรงไม้ไผ่นั้นมีปลาตัวเล็กๆสีขาวหลายตัว กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่ เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ เขาก็หันหน้ามามอง ราวกับสั่งให้หยุดการเคลื่อนไหว
เฝิงซื่อไห่รีบบอกให้ทั้งสองหยุดเดินทันที จากนั้นก็ยืนรอ อย่างนอบน้อมอยู่ข้างๆ
หลินซีนเยียนสบตากับโม่จื่อเฟิง โดยไม่ได้ส่งเสียงอะไร