ตอนที่ 126 ชายชราผู้ใจกว้าง
“ห้องของข้า?” หลินซินเยียนใคร่ครวญอย่าง ละเอียด จึงนึกขึ้นมาได้ เมื่อคืนห้องที่ผู้ตรวจค้นคนนั้น เดินออกมาคนสุดท้าย ก็คือห้องของนาง แต่ว่าปกติ แล้วห้องของนางก็เป็นนางที่จัดแจงเก็บเองทุกอย่าง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยพบของที่ผิดปกติ
อู่อี้พยักหน้า “ถูกต้อง ค้นพบแบบร่างภาพหนึ่ง แผ่นจากการตรวจค้นห้องของเจ้า แบบภาพร่างนั้นเป็น หนึ่งในแบบภาพร่างที่ถูกขโมยไป”
“อาศัยแบบภาพร่างหนึ่งแผ่นก็กำหนดโทษของข้า แล้วหรือ? ข้าบอกว่าข้าไม่เคยเอาแบบภาพร่างนั่นมา พวกท่านเชื่อหรือไม่?” เสียงของหลินซินเยียนแหบ แห้งอยู่บ้าง อารมณ์ที่แปรปรวนกะทันหันทำให้น้ำเสียง ของนางสั่นเทา นางไม่ได้หวาดกลัวการถูกใส่ร้าย แต่ กลัวว่าศิษย์อาจารย์ทั้งสามในสำนักที่ไม่ง่ายเลยจะได้ สนิทชิดใกล้จะเกิดความเกลียดชังนางด้วยสาเหตุนี้
แม้แต่นางเองก็ยังไม่รู้ตัวว่านัยน์ตาของนางนั้น ขลาดกลัวและหวาดระแวงแค่ไหน
บางทีอาจเป็นเพราะสายตาอันน่าสงสารของนาง ที่พุ่งเข้ามา ทำให้เซียวฝานที่เพิ่งจะยืนกรานได้ใจอ่อน ลงในที่สุด เขาก้มหน้าลงโดยไม่มองหลินซินเยียน เพียงกล่าวด้วยเสียงที่แหบต่ำ “เมื่อวานหลังจากที่ท่าน ประมุขออกไป บางทีอาจกลัวว่าจะแหวกหญ้าให้งูตื่นดังนั้นจึงไม่แสดงปฏิกิริยาอะไร แต่เมื่อหลังจากที่พวก เรากลับห้อง ท่านประมุขก็เรียกตาแก่เข้าไปคุย เป็นการส่วนตัว แน่นอนว่าตาแก่นั่นเชื่อเจ้า แถมยัง ทะเลาะกับท่านประมุขใหญ่โตอีกด้วย นั่นหมายความ ว่าใครก็ไม่สามารถแตะต้องเจ้าได้”
“ไม่เพียงแค่นั้น เนื่องจากเรื่องนี้อาจยังพัวพันอีก มาก ก็อย่างที่เจ้าว่า ลำพังอาศัยเพียงแค่แบบภาพร่าง แผ่นเดียวนั้นไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ บางทีอาจจะมี คนใส่ร้ายเจ้าก็เป็นได้ แต่ว่าเจ้าได้กลายเป็นผู้ต้อง สงสัยรายใหญ่ที่สุด ตามความหมายของท่านประมุขก็ คือต้องการให้พวกเราเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ หลังจาก นั้นก็ดันเจ้าเข้าไปในคุกน้ำใต้ดินด้วยการใช้วิธีไม้อ่อน
ที่สุด”
“แต่ว่าท่านอาจารย์ยังคงยืนกรานปฏิเสธ” อู๋ อี้จำ ได้ว่าฟ้ายังไม่ทันจะสว่าง ผู้เฒ่าก็นำเรื่องนี้แอบมาบอก เขากับเซียวฝาน มันยากที่จะเชื่อจริงๆ “ท่านประมุข เข้าใจว่าเจ้าต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิด ดังนั้นจึงคิดจะควบคุม เจ้าอย่างลับๆและล่อคนอื่นออกมา ตาแก่เองก็หัวแข็ง ไม่ว่าท่านประมุขจะเสนอวิธีใดๆ หากเพียงต้องทำร้าย เจ้า เขาล้วนปฏิเสธทุกทาง ท้ายที่สุดแล้วก็ทะเลาะกับ %3D ท่านประมุขกันใหญ่โต หลังจากนั้น หลังจากนั้นก็…”
หลังจากนั้นท่านประมุขจับท่านอาจารย์หรือ?” หลินซินเยียนกัดฟันพูดประโยคนี้ออกมา
อู่อี้ส่ายศีรษะ “ไม่ พวกเขาไม่ได้จับกุมตาแก่ แต่ตาแก่ยอมไปด้วยตัวเอง เขาบอกนางว่าให้เจ้าได้ลิ้มรส ความขมขื่น ในขณะเดียวกันเขาทำเพื่อรับรองในตัว เจ้า เขาเอาตัวเองมารับประกันว่าเจ้าไม่ใช่ผู้ที่ลักขโมย ส่วนแบบภาพร่างที่ค้นเจอในห้องของเจ้า สรุปต้อง สารภาพกับท่านประมุขคนอื่นๆจึงจะเชื่อถือ ตาแก่เอง ก็สุดวิสัย ดังนั้นที่เจ้าจึงยังสามารถยืนอยู่ตรงนี้ได้ไง ล่ะ”
การปกป้องการท่านเยว่นั้นได้อยู่นอกเหนือความ คาดหมายของหลินซินเยียน ในด้านตรรกะความสม เหตุสมผลแล้ว นางเพียงนึกไม่ถึงว่าเขาสามารถทำได้ ถึงขนาดนี้เพื่อศิษย์ใหม่คนหนึ่งที่เพิ่งเข้าสำนักมาได้ไม่ นาน
นึกถึงคนที่มักจะสนุกสนานที่มักจะปกป้องคนของ ตนเอง ชายชราแปลกประหลาดที่ภายนอกเจ้าอารมณ์ จมูกของหลินซินเยียนรู้สึกแสบ นางทั้งไร้คุณธรรม และความสามารถ ที่ทำให้เขาต้องเสียสละถึงจุดๆนี้
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสายตาที่เทียนหยุนชิงมอง นางจึงทั้งเยาะเย้ยและดูถูก มานึกได้เอาตอนนี้ ว่าหาก เป็นตน หากจะต้องทำการดูถูกเหยียดหยามก็คือการ ทำให้ชายชราที่อายุปูนนั้นไปรับเคราะห์แทนนาง นาง เป็นผู้บริสุทธิ์ นางรู้แต่คนอื่นไม่รู้ แต่ชายชรากลับเป็น คนแรกที่เชื่อมั่นในตัวนางอย่างสุดชีวิต
หากเป็นเมื่อก่อน เกรงว่านางคงจะส่ายหน้าแล้ว พูดว่า จะเป็นไปได้อย่างไร นี่ไม่ใช่รายการซ่อนกล้องนะ? บนโลกใบนี้จะมีคนปัญญาอ่อนแบบนั้นที่ไหนก็ัน
สังคมเช่นนี้เหลยเฟิง(เหลยเฟิง เป็นแบบอย่างบุคคล ที่อุทิศตนเพื่อประชาอย่างสุดจิตสุดใจที่คนจีนทุกคน
รู้จัก**)ยังจะมีชีวิตอยู่จริงๆหรือ?
แต่ทว่านางดันเจอคนที่นิสัยใจคอแบบนี้ซะได้
“ศิษย์น้องหญิง ในเมื่อท่านอาจารย์ได้ทำการ ตัดสินใจแล้ว ข้าและศิษย์พี่ก็จะสนับสนุน มีเพียง ค้นหาตัวผู้ลักขโมยโดยเร็วเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าบริสุทธิ์ จึง จะนำตัวท่านอาจารย์ออกมาได้” เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อู๋ อี้ตบบ่าของเซียวฝาน เซียวฝานจึงเงยศีรษะขึ้นมา เผชิญหน้ากับหลินซินเยียน
ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างมาก หลินซินเยียนจึง ได้สามารถบังคับตัวเองให้เย็นลง ใบหน้าของนางซีด ขาว กล่าวด้วยความสะอึกสะอื้น “แล้วท่านอาจารย์ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
LEGO อู่อี้ถอนหายใจอีกครั้ง กล่าวราวกับสบถออกมา “คุกน้ำใต้ดิน”
นางพอจะนึกไว้แล้ว เพียงแต่ในยามที่ได้ยินคำ ตอบยืนยันจากปากของอู่อี้ หัวใจกลับทานทนต่อความ เจ็บปวดไม่ไหว นางไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงสภาพของ ท่านเยว่ที่อายุมากขนาดนั้นแล้วยังต้องถูกจับแช่อยู่ใน แอ่งน้ำสกปรกๆ
ริมฝีปากของนางสั่นระริก ปลายเล็บจิกเข้าไปใน เนื้อ นางสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อทำให้ตนไม่เป็นลมสลบเพราะความเจ็บปวดไปเสียก่อน
“อนิจจา เพียงแต่ตอนนี้เบาะแสในการลักขโมย นั้นไม่มีอยู่เลย ถึงแม้พวกเราปรารถนาจะตามหาคน เหล่านั้นแต่กลับไร้หนทาง เหมือนฝ่ายนั้นรู้มาก่อนแล้ว ว่าพวกเราต้องศึกษาสร้างอาวุธยุทธภัณฑ์อะไรบ้าง ควรรีบจับประเด็นนี้ไว้ อย่างไรก็ตอนนี้ไม่ถึงกับไม่มี เงื่อนงำซะทีเดียว” เซียวฝานถอนหายใจ ก้าวถอยหลัง ไปนั่งบนเก้าอี้ด้วยความบึงตึง
อู่อี้เองก็ขมวดคิ้วมุ่นไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรต่อ วันนี้เขากับเซียวฝานได้มีปากเสียงกันไปหลายรอบ แล้ว
คำพูดของพวกเขาทำให้หัวใจของหลินซินเยียน รู้สึกหนักอึ้ง ในวันธรรมดาพวกเขาล้วนจดจ่ออยู่กับ การประดิษฐ์สร้างอาวุธ การแก้ไขค้นหาเบาะแสไม่ใช่ สิ่งที่พวกเขาถนัด ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลขั้นพื้น ฐานล้วนขึ้นอยู่กับการค้าขาย ในศาลาความลับแห่ง สวรรค์ที่สูงศักดิ์เช่นนี้ เกรงว่าหากพวกเขาคิดจะสืบ เสาะหาข้อมูลคงไม่ง่ายนัก
หลินซินเยียนเองก็เป็นผู้ที่เพิ่งมาใหม่ ผู้คนใน ศาลาความลับแห่งสวรรค์จึงไม่คุ้นเคย ในตอนนี้ยังเป็น ผู้ต้องหาในการโจรกรรมอีก จะทำการสิ่งใดก็ไม่ สะดวก
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดในเวลานี้นางจึงนึกถึงโม่ จื่อเฟิงขึ้นมาในทันที เรื่องแบบนี้สำหรับเขาแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ล่ะมั้ง?
โดยที่ไม่ทันรู้ตัว ทุกครั้งที่นางประสบกับภัย อันตรายหรือความยากลำบาก ผู้ที่นางนึกถึงเป็นคน แรก ทำไมต้องเป็นโม่จื่อเฟิงทุกครั้งด้วย
ภายในใจหลินซินเยียนอดที่จะตกใจไม่ได้ จึง กล่าวกับเซียวฝานและอู่อี้ด้วยประโยคที่เรียบง่าย “พวกท่านโปรดรอ ข้าจะไปหาคนที่เชี่ยวชาญในการ จัดการเรื่องแบบนี้มาช่วย!”
หลังจากที่กล่าวจบ หลินซินเยียนก็วิ่งออกไป เซียวฝานและอู่อี้ยังไม่ทันจะเข้าใจว่านางหมายถึงสิ่ง ใด ก็เห็นร่างนางหายวับออกไปนอกเรือน
“ศิษย์พี่ ศิษย์น้องหญิงไม่รู้จักผู้คนในสำนัก บาง คนที่สามารถช่วยนางได้…. นางคงไม่ได้ไปหาท่าน ประมุขน้อยหรอกใช่ไหม?” อู๋อี้กล่าวด้วยความกังวล
เซียวฝ่านเองก็กระวนกระวาย “พูดยาก เทียนหยุ นจือเจ้าเด็กนั้นก็ไม่ได้หวังดีกับศิษย์น้องหญิงเท่าไหร่ นัก หากครั้งนี้ศิษย์น้องหญิงส่งตัวเข้าไปถึงที่ แล้วถ้า หากเขาถือโอกาสอ้างความต้องการที่มากเกินไปจะทำ อย่างไรกันดีล่ะ?”
“ทำอย่างไรน่ะหรือ….ทางที่ดีข้าว่าพวกเราควร ตามไปขัดขวางศิษย์น้องหญิง ไม่เช่นนั้นหากท่าน อาจารย์กลับมาก็ยากที่จะรับประกันว่าจะไม่หักขาของ พวกเราน่ะสิ”
“เช่นนั้นยังยืนเซ่ออยู่ทำไม รีบตามไปสิโว้ย!” เมื่อ ทั้งสองใคร่ครวญเสร็จสรรพ ก็รีบตามออกไปทันที
นอกประตูเรือนของประมุขสำนัก หลินซินเยียน หยุดลงด้วยอาหารหอบเหนื่อย ขณะกำลังจะเดิน เข้าไปด้านใน จู่ๆก็มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านข้าง ผู้นั้นมิใช่ใครอื่น เป็นเทียนหยุนจือ
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องมาแน่” ในยามที่เทียนหยุ นจือกล่าวก็เดินเข้ามาขวางเบื้องหน้าของนาง