ตอนที่ 156ยื่นมือช่วย
นายพรานพยักหน้า”ใช่แล้วบางแผลนี่ต้องได้รับการ รักษาแต่บนภูเขานี้ไม่มีหมอหากบาดแผลธรรมดาข้ายังฝืน รักษาให้ได้แต่บาดแผลที่ร้ายแรงขนาดนี้ข้าก็ไม่รู้ว่าควรจะ ลงมือรักษาอย่างไร” หญิงชรารู้สึกหวาดกลัวแต่กลับมีจิตใจดี”เช่นนั้นพวกเรา
รีบส่งไปในหมู่บ้านแต่จากที่นี่ไปหมู่บ้านต้องใช้เวลา2ชั่ว
ยามไม่รู้ว่าเขาจะสามารถทนไหวหรือไม่”
“อิ้มข้าว่าทำได้เพียงแค่นี้ข้าจำได้ตอนที่บุตรชายของข้า ได้รับบาดเจ็บครั้งก่อนได้ยาจินชวงที่ซื้อกลับมายังมีเหลือ อยู่ข้าจะไปเอามาใส่บาดแผลให้เขาพวกเรารีบล้างเนื้อล้าง ตัวให้เขาก่อนจากนั้นข้าจะรีบพาเขาไปในหมู่บ้าน”นาย พรานมีนัยน์ตาดุร้ายปากพูดว่าเป็นคนใจดีไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าบาดแผลของเขาจะเป็นอย่างไรแต่ชีวิตของคนที่อยู่ เบื้องหน้าเขาไม่มีทางที่เขาจะนั่งดูเฉยๆโดยที่ไม่ยื่นมือไป ช่วย
นายพรานไปหยิบยาจินชวงมาส่วนหญิงชราก็ถือผ้า สะอาดมาแต่บาดแผลของคนผู้นี้ดูเหวอะหวะน่าหวาดกลัว จนเกินไปหญิงชรารู้สึกกลัวไม่กล้าทำความสะอาดให้หลิน ซีนเยียนจึงรับผ้าขาวในมือของนางมาแล้วไปเช็ดบาดแผล ให้กับคนผู้นั้น
นิ้วมือของนางเพิ่งจะสัมผัสโดนแขนของคนผู้นั้นทำให้
เขารู้สึกเจ็บปวดจนลืมตาขึ้นมาจ้องถถึงทึงไปที่หลินซีนเยียนแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา”ข้าทนได้ไม่ถึง2ชั่วยาม!ก็ทำ
แผลให้ข้าตรงนี้!” ที่แท้เขาก็ได้ยินที่พวกเธอวางแผนกัน
“ข้าทำแผลไม่เป็นพวกเขาก็ไม่เป็น”หลินซีนเยียนขมวด คิ้วมือของคนผู้นี้แรงเยอะมากภายใต้สถานการณ์ที่ได้รับ บาดเจ็บยังสามารถจับข้อมือของเธอจนรู้สึกเจ็บปวดได้ ขนาดนี้
คนผู้นั้นหายใจหอบอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้งราวกับว่า รู้สึกเจ็บปวดที่บาดแผล”ข้าจะบอกให้เจ้าทำเอง!”
หลินซีนเยียนเห็นเขายืนกรานมาขนาดนี้ในสายตาของ เขาคล้ายกับไม่มีความหวาดกลัวใดๆอยากจะรู้นักหากไม่มี ยาชาเมื่อทำแผลไปทั้งอย่างนี้คงจะเจ็บปวดอย่างมากโดย เฉพาะบาดแผลของเขาที่น่ากลัวขนาดนี้ด้วยแล้วมันคงจะ เจ็บยันกระดูกอย่างแน่นอน
แต่ว่าเขายืนกรานจะให้ทำบาดแผลทันที
หลินซีนเยียนพลันเข้าใจนี่คงเป็นความปรารถนาอันแรง กล้าเพื่อจะมีชีวิตอยู่รอดของเขาถึงเลือกวิธีที่ทรมานที่สุด งั้นเธอควรจะเคารพในการตัดสินใจของเขา
“ได้”หลังจากที่หลินซีนเยียนขานรับเขาก็ปล่อยมือเธอ
ทันที
นายพรานรีบไปหยิบยาจินชวงมาให้ยาจินชวงนั่นห่ออยู่ ในกระดาษเมื่อเขาเปิดออกมายาที่อยู่ข้างในมีก้อนเล็กๆยา จินชวงแค่นี้ไปโปะอยู่บนแผลที่เหวอะหวะเช่นนี้มันจะไปได้ผลได้อย่างไรกัน
นายพรานกำลังจะเอายาไปโปะบนบาดแผลแต่คนผู้นั้น กลับส่ายหน้า”อย่าเพิ่ง!ทำแผลเสร็จก่อนค่อยใส่ยา”
“ทำแผลหรือ?”เมื่อนายพรานได้ยินก็ตกใจจนตาของเขา เบิกโพลง
หลินซีนเยียนเอาคำขอร้องของคนผู้นั้นบอกแกนาย พรานเมื่อเขาได้ยินก็โบกมือปัด”ไม่อยากอยู่แล้วหรือไง บาดแผลใหญ่ขนาดนี้จะไปทำแผลได้อย่างไรให้ข้าฆ่าแกะ ฆ่าเสือยังดีกว่าให้ทำแผลนี่หรือข้าไม่กล้าลงมือเลยจริงๆ”
ที่นี่มีผู้ชายเพียงคนเดียวก็คือนายพรานแต่เขาไม่กล้า ลงมือสายตาของคนผู้นั้นเคลื่อนมาหาหลินซีนเยียน
มุมปากหลินซีนเยียนกระตุกขึ้นเห็นว่าเธอดูใจเย็นหรือ ไง?ดังนั้นถึงกล้าเชื่อใจเธอขนาดนี้?
“เจ้าทำแล้วกัน!”คนผู้นั้นเอ่ยอย่างไม่ลังเล
หลินซีนเยียนมองไปนายพรานที่กำลังหลบสายตาหนี แล้วมองไปยังหญิงชราที่ตกใจจนไม่กล้าแม้จะลืมตาขึ้นมา เธอถอนหายใจแล้วพยักหน้า”ได้ข้าทำเองแต่ข้าไม่ชำนาญ นักหากทำแผลให้เจ้าไม่ดีแล้วทำให้เจ้าตายเจ้าอย่ามาโทษ ข้าก็แล้วกัน”
คนผู้นั้นไม่ได้พูดอะไรเพียงพยักหน้าลงอย่างเบาๆ
คนผู้นั้นสั่งให้นายพรานไปหยิบเหล้าและหามีดเล็กและ แหลมคมมาหนึ่งเล่มหญิงชราก็ไปต้มน้ำร้อนในห้องครัว
เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมเสร็จแล้วคนผู้นั้นก็สั่งให้หลิน ซีนเยียนจุดไฟใส่เหล้าแล้วใช้มีดเล็กไปแช่ไฟจากนั้นก็นำ มีดเล็กกรีดลงบาดแผลที่แขนของคนผู้นั้นเธอตั้งใจทำ อย่างมากนิ้วมือเร็วยาวขาวผ่องและบาดแผลที่เหวอะหวะ ก่อให้เกิดการเปรียบเทียบอย่างชัดเจน
ประหนึ่งหญิงงามกับสัตว์ป่าดุร้ายภาพรวมทั้งหมดล้วน เป็นการตัดกันด้วยโทนสีในรูปแบบหนึ่งมันเผยให้เห็นถึง ความสวยงามพราวไปด้วยเสน่ห์
“เอามาออก”ชายผู้นั้นใช้มือข้างหนึ่งหยิบกิ่งไม้ขึ้นมากัด เอาไว้ในปาก
เมื่อหลินซีนเยียนมองเห็นฟันอันแหลมคมที่ฝังอยู่ใน กระดูกของเขาก็รู้สึกหน้าชาไปทันทีแต่ก็ยังยื่นมือไปเพื่อ หยิบฟันอันแหลมคมนั้นที่ฝังอยู่ในเนื้อของเขาเลือดสดแดง ฉานที่ไหลออกจากบาดแผลของเขาได้เปรอะเปื้อนไปทั่ว นิ้วมือของเธอความรู้สึกที่ได้สัมผัสเองแบบนี้ทำให้ตัวสั่น ไปทั้งตัว
แต่หลินซีนเยียนกัดฟันแน่นแล้วดึงออกมาอย่างแรง!
เลือดสดแดงฉานสาดกระเด็นไปที่ใบหน้าขาวผ่องของ เธอมีหยดหนึ่งที่กระเด็นไปอยู่หว่างคิ้วของธอสีแดงฉาน นั้นราวกับเป็นดอกไม้สวยสดที่บานสะพรั่งเดิมใบหน้าของ เธอนั้นงามล่มเมืองอยู่แล้วเมื่อได้แต้มเติมเข้าไปกลับยิ่ง สวยงดงามพราวเสน่ห์
แม้จะผ่านไปหลายปีต่อจากนี้เขาก็ยังคงจดจำฉากที่ งดงามแบบนี้ได้
“เอาออกมาแล้ว”หลินซีนเยียนถอนหายใจยาวอย่างโล่ง อกเพียงแต่ในใจรู้สึกหวาดกลัวแต่โชคดีเธอรู้ว่าในเวลานี้ ความหวาดกลัวใดๆ ล้วนเป็นเรื่องเกินกว่าเหตุดังนั้นมือของ เธอก็ไม่สั่นเลยสักนิด
ชายผู้นั้นเจ็บจนเหงื่อโชกไปทั้งตัวกึ่งไม้ที่เขากัดอยู่ใน ปากก็หักออกเป็น2ท่อนแล้วเขาพยักหน้าลงอ่อนแรงสักพัก ก็เอ่ยอีกว่า”ตอนนี้ช่วยข้าทำพันแผลจากนั้นก็นำยาจินชว งมาใส่”
“พันแผลเลยหรือ?”หลินซีนเยียนแม้จะไม่ใช่หมอแต่พอมี ความรู้ทั่วไปอยู่บาดแผลแบบนี้ต้องเย็บก่อนถึงจะพันแผล ได้ใช้เพียงยาจินชวงอันน้อยนิดนั่นก็สามารถทำให้เลือด หยุดไหลได้ยังไง?
คนผู้นั้นจ้องเขม็งไปที่เธอ”ทำไมเจ้ามีความเห็นหรือ?”
“ข้าว่ามันต้องเย็บแผลก่อนถึงจะพันแผลได้” สายตาดุดัน ของเขาหลินซีนเยียนเห็นแล้วไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยสักนิด แม้แต่เย็นชาที่น่าหวาดกลัวผิดมนุษย์มนาแบบโม่จื่อเฟิง เธอก็เคยเห็นมาแล้วยังจะมีสายตาที่น่ากลัวจนทำให้เธอตัว สั่นได้อีกเหรอ?
คนผู้นั้นขมวดคิ้วพลันพยักหน้าลงทันที”ได้เอาตามที่เจ้า
ว่าก็แล้วกัน”
แค่นี้เหรอ?
หลินซินเยียนคิดไม่ถึงว่าคนๆนี้จะว่าง่ายขนาดนี้เหมือน กับทั้งสองคนกำลังถกเถียงปัญหาที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเขาเข้าใจความหมายของการเย็บแผลหรือเปล่าเนีย?ไม่มียา ชาจะให้เย็บแผลได้ยังไงความเจ็บปวดขนาดนี้ไม่มีคน ธรรมดาที่ไหนเขาทนกันได้หรอกแต่พอเธอคิดย้อนกลับ ไปแม้แต่เอาฟันแหลมคมที่ฝังในกระดูกของเขาออกมาเขา ก็ยังทนได้เลยแค่เย็บแผลเขาก็น่าจะทนได้เหมือนกัน
แต่ว่าเขาเชื่อใจเธอมากขนาดนี้ทำให้ในใจของเธอรู้สึก ชื่นชม
เมื่อได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของร่างแล้วหลินซีนเยียนก็ ให้หญิงชราไปเตรียมเข็มกับด้ายมานางยังไม่เข้าใจว่าเธอ อยากจะทำอะไรกันแน่แต่ตอนที่เห็นเธอหยิบเข็มไปเย็บบน บาดแผลที่เหวอะหวะนั้นหญิงชราก็ตกใจร้องออกมาแล้ว เอามือปิดตาทันที
หลินซีนเยียนเย็บแผลให้อย่างตั้งใจทุกครั้งที่ลงเข็มล้วน ระมัดระวังอย่างมากชายผู้นั้นจ้องใบหน้าของเธอตลอดไม่ เห็นถึงความผิดพลาดเลยสักนิด
หลังจากที่รู้ว่าเธอเย็บแผลเสร็จแล้วชายผู้นั้นถึงจะถอน สายตาของตนเองกลับ
“เสร็จแล้วโดยปกติแล้วข้าไม่เก่งเรื่องงานเย็บปักถักร้อย ดังนั้นรอยเย็บบาดแผลอาจจะดูน่าเกลียดไปหน่อยหวังว่า เจ้าจะไม่ถือสาอะไร”หลินซีนเยียนมองไปที่รอยเย็บที่คด เคี้ยวไปมาแม้ว่าจะเย็บแผลให้ติดกันแล้วแต่พอมองไป กลับน่าเกลียดอย่างมากแม้แต่เธอเองยังไม่กล้ามองไป
ตรงๆ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่”ชายผู้นั้นเอ่ยอย่างราบเรียบ
OF
หลินซีนเยียนพยักหน้าแล้วหยิบยาจินชวงใส่ลงบนแผล ของเขาเพียงแค่สุขลักษณะของที่นี่จะดูเรียบง่ายจนเกิน ไปแม้ว่าบาดแผลจะรักษาเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ถ้าไม่ส่ง ถือมือหมอได้ทันเวลาหลังจากที่ติดเชื้อขึ้นมาเขาก็คงไม่ รอดแน่
“หมิงฉี”จู่ๆชายผู้นั้นก็เอ่ยขึ้นมา2พยางค์ หลินซีนเยียนไม่เข้าใจเพียงจ้องไปที่เขาอย่างรู้สึก ประหลาดใจ
เขาเอ่ยอีกครั้ง “หมิงฉีชื่อของข้า”
“อ่อ…”หลินซีนเยียนยังคงไม่เข้าใจบทสนทนาที่จู่ๆเขาก็ เอ่ยออกมา”ข้าชื่อหลัวเหยียน”
“หลัวเหยียน… “ชายผู้นั้นพึมพำเอ่ย2คำนี้มุมปากปรากฏ รอยยิ้มที่ไม่มีใครดูออก
หลินซีนเยียนไม่เข้าใจรอยยิ้มที่แปลกประหลาดของเขา เธอกลับหันเอ่ยกับนายพรานที่อยู่ข้างๆ “ท่านลุงแม้ บาดแผลจะรักษาดีแล้วแต่เขายังต้องพบหมอข้ารบกวน ท่านพาเขาไปส่งที่หมู่บ้าน…”
“ไม่ต้อง!”จู่ๆหมิงฉีก็พูดตัดบทหลินซีนเยียนกลับหยิบ หยกที่อยู่ในเสื้อออกมาแล้วส่งให้นายพรานคนนั้น”คนของ ข้าน่าจะออกตามหาข้าอยู่ท่านลุงเพียงถือหยกนี่แล้วไปยืน บนถนนคนของข้าย่อมตามท่านมาเมื่อคนของข้ามาแล้วก็ จะมีคนมารักษาแผลให้ข้า”
หยกนั่นเป็นสีเขียวมรกตมองดูก็รู้สึกว่ามันประมาณค่ามิได้แต่เขากลับมอบให้นายพรานไปอย่างนั้นเห็นได้ชัดว่า คนเชื่อใจนายพรานอย่างมาก
นายพรานคนนั้นดูหยกไม่เป็นแต่ก็รู้ว่ามันแพงมากเขา
เพียงรับหยกมาแล้วเดินลงเขาไป
หญิงชรากับหลินซีนเยียนช่วยกันพยุงหมิงฉีเข้าไปพัก ผ่อนในบ้าน
เมื่อผ่านช่วงความทรมานไปก็ใกล้จะเย็นแล้วหลินซีน เยียนมองดูท้องฟ้าแล้วถอนหายใจออกมาทันทีท้องฟ้าเริ่ม มีดแล้วหากตอนนี้เธอลงเขาไปด้วยแรงขาของเธอแล้ว คงจะเดินไปไม่ถึงหมู่บ้านถัดไปได้แน่จะว่าไปหากทิ้งให้ หญิงชราดูแลหมิงฉีอยู่คนเดียวก็เกรงว่าจะยุ่งยากจนทำ อะไรไม่ถูกดูเหมือนว่าต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่อีกคืนแน่
ตามที่หมิงฉีบอกนายพรานได้ลงเขาแล้วยืนบนถนนผ่าน ไปไม่นานก็มีคนมาหาเขายังถามหาถึงที่มาของหยกนาย พรายก็รีบบอกเรื่องที่หมิงฉีได้รับบาดเจ็บทันที
เมื่อรอนายพรานกลับมาด้านหลังของเขาก็มีชายฉกรรจ์
ในชุดเครื่องแบบอีก7-8คนตามมาด้วยชายฉกรรจ์เหล่านั้น
พอเห็นหมิงฉีที่นอนอยู่บนเตียงต่างก็มีใบหน้าตื่นตระหนก
พวกเขาก็นั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเตียงพร้อมเพรียงกัน
“ข้าน้อยมาช้าไปนายท่านโปรดให้อภัยด้วย!”
มุมปากของหลินซีนเยียนกระตุกขึ้นในสังคมศักดินามัก จะได้ยินบนพูดของข้าน้อยที่เอ่ยยอมรับผิดแบบนี้ตลอด หมิงฉีโบกมือปัดแล้วเอ่ยขึ้น “ช่างเถอะไม่ต้องกล่าวให้มากความตอนนี้จะมัวเสียเวลาไม่ได้รีบพยุงข้าขึ้นพวกเรา ต้องไปกลับไปเมืองลั่วเฉิงภายในครึ่งเดือนนี้”
“ขอรับ!”เหล่าชายฉกรรจ์ในเครื่องแบบก็ขานรับทันที มี
คนที่อยู่หน้าสุดไปพยุงหมิงฉือย่างระมัดระวัง จู่ๆสายตาของหลินซีนเยียนก็สว่างขึ้นมาทันทีไม่รอช้าที่ เอ่ยปากถาม”พวกเจ้าจะไปเมืองลั่วเฉิงหรือ?”
หมิงฉีมองไปที่เธอแล้วถามกลับ”ทำไมหรือ?”
“เอ่อ…พวกเจ้ามีรถม้าหรือไม่?”เมืองลั่วเฉิงเป็นเมือง หลวงอาณาจักรเป่ยหมิงในระยะทางที่ยาวไกลเธอเดินทาง คนเดียวคงไม่ปลอดภัยนักแต่เหล่าพวกนี้ก็ดูไม่ธรรมดาแต่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือถ้าหากมีรถม้าล่ะก็เธอจะขอติดรถไป
ด้วย