ตอนที่170โอกาส
ที่แท้ก็เป็นพวกวิปลาสราวกับว่าเขาชอบที่จะเห็นเหยื่อ ของตนดิ้นรนทรมานก่อนสิ้นลมหายใจ
หลินซินเยียนมองไปรอบๆปราศจากผู้คนแม้แต่คนเดียว ก็ไม่มีไร้แววของเหล่าพลทหารที่จะมาช่วยชีวิตนางและ ไม่มีการปรากฏแบบทันควันของโม่จื่อเฟิง
“ข้าเลือกที่จะปลิดชีพตัวเอง”หลินซินเยียนกัดฟันเอ่ย ประโยคนี้ออกมายืนแน่นิ่งไม่ไหวติงในเมื่อหนีไม่ได้เช่นนั้น นางก็ไม่ควรดิ้นรนให้สิ้นเปลืองพลังงานควรรักษาพละ กำลังไว้จึงจะมีโอกาสรอด
ชายชุดดำผู้นั้นเหลือบมองนางแวบหนึ่งด้วยความ พิศวง”ไม่เลวไม่เลวเดิมที่คิดว่าฆ่าผู้หญิงเช่นเจ้านี้จะทำให้ มือข้าสกปรกแต่ว่าเจ้าช่างมีความอาจหาญยิ่งนักมิได้กลัว จนนี่ราดกระโปรงเหมือนอย่างผู้หญิงที่ข้าเคยสังหารมานับ ว่าไม่เลวเลยดีงั้นข้าจะให้เจ้าปลิดชีพตนเองเสีย”
“ไม่มีเชือก”หลิรซินเยียนเอ่ยเสียงแผ่วเบา
ราวกับว่าชายชุดดำผู้นั้นกำลังฟังเรื่องขบขันเอียงคอ แล้วจึงหัวเราะร่าขึ้นมา”เจ้าผู้หญิงนางนี้ยังขบคิดปัญหา มากโขจะปลิดชีพแล้วยังถามหาเชือกกับข้ารีฮ่าๆดูท่าทาง เจ้าช่างน่าสนใจยิ่งนักข้าก็จะเหลือร่างสมบูรณ์ของเจ้าเอา ไว้ถึงแม้ว่าการนำหัวของเจ้าไปให้นายจ้างวานจะแลกเป็น เงินได้หลายกระบุงแต่ว่ามนุษย์หนอสิ่งจรรโลงใจทั้งมวล ล้วนถูกเงินซื้อได้ย่อมไร้ความหมายรีบลงมือซะปลิดชีพไม่เพียงแต่ใช้เชือกได้อย่างเดียวยังใช้สายรัดเอวของเจ้า แทนได้”
ที่แท้คนผู้นี้ก็คือฆาตกรรับจ้าง!เขาเป็นนักฆ่า!
หลินซินเยียนปลดสายรัดเอวพลางคิดอย่างถี่ถ้วนว่าใคร จ้างวานฆาตกรให้มาเอาชีวิตนาง การเคลื่อนไหวของนางมิ ช้ามิเร็วทั้งทำให้ชายชุดดำผู้นั้นรู้สึกว่าเป็นธรรมชาติทั้งได้ ถ่วงเวลาเอาไว้
นางปลดสายรัดเอวออกมาแล้วโยนมันขึ้นไปทางต้นท้อ โยนหลายต่อหลายครั้งก็มิอาจพาดขึ้นไปได้ชายชุดดำผู้ นั้นเริ่มไม่มีความอดทนแล้ว
“ผู้หญิงอย่ามาเหลี่ยมจัดไม่มีใครมาช่วยเจ้าได้หรอกเจ้า วางใจเถิดคนที่เขาไปในหุบเขาก็ถูกลากตัวไว้แล้วพวก ทหารที่อยู่ปากทางเข้าหุบเขาก็ถูกพวกของข้าจับตัวไว้เช่น กันดังนั้นเจ้าอย่าได้วิตกกังวลรีบตายแล้วรีบไปเกิดใหม่ เสีย”
ชายชุดดำกล่าวได้ชี้โพรงให้หลินซินเยียนอีกครั้ง สายตาของนางค่อยๆเย็นชากลางใจราวกับได้คาดการณ์ อะไรไว้กำสายรัดเอวในมือแน่นม่านตาทอประกายความ เกลียดชังอย่างสุดขีด
หลินซินเยียนโยนเชือกอีกหลายครั้งจึงค่อยให้มันแขวน อยู่บนพฤกษานางยืนอยู่บนก้อนหินนำเชือกมาผูกห่วง อย่างไม่รีบไม่ช้าจากนั้นทั้งสองมือก็คว้าเอาสายรัดเอว ก่อนจะมองไปยังชายชุดดำ”พี่ใหญ่ท่านนี้อย่างไรเสียข้าก็ ต้องตายแล้วท่านสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าใครคิดจะฆ่าข้าหากว่าต้องตกนรกข้าจะได้หาคนมาแก้แค้น”
“ฮ่าๆเจ้าผู้หญิงนางนี้ช่างน่าสนใจเสียกระไรว่ากันตาม จริงหากมิได้รับงานชิ้นนี้ถ้าได้พบเจอผู้หญิงเช่นเจ้าในยาม ปกติข้าจะต้องเล่นกับเจ้าอย่างถูกชะตาแน่นอนแต่น่า เสียดายตอนนี้ข้ารับหน้าที่นี้แล้วเจ้าก็คือเหยื่อของข้าส่วน ตัวตนของนายจ้างนั้นมีกฏมีเกณฑ์ต่อให้ข้าตายก็บอกเจ้า มิได้หรอก”ชายชุดดำเงยหน้าขึ้นหัวเราะหนึ่งระลอกจาก นั้นก็เห็นหลินซินเยียนไม่ขยับเขยื้อนมือ
เขาตะล่อมเดินไปข้างกายของหลินซินเยียนจากนั้นก็บีบ เอวของนางยกให้นางไปแขวนอยู่บนห่วงของสายรัดเอว ด้วยมือเดียว
หลินซินเยียนรู้สึกบีบแน่นที่ลำคอชายชุดดำผู้นั้นก็เตะ ก้อนหินใต้เท้าของนางออก ร่างกายล่องลอยหลินซินเยียน รู้สึกเพียงว่าหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ
นางเตะขาอย่างกระเสือกกระสุนจากนั้นก็ได้ยินเสียงเล็ก แหลมดัง”อี๊ด”ชั่วขณะที่นางตกนางหยิบเอากริชในรองเท้า ออกมาเสียบเอาที่ร่างชายชุดดำผู้นั้น
ชายชุดดำนึกไม่ถึงว่าคนที่ถูกแขวนไว้ข้างบนจะทำเรื่อง มิคาดฝันเช่นนี้ได้ยิ่งนึกไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ผู้ หญิงนางนี้จะทำเขาถึงตายได้เพียงแต่ว่าการตอบสนอง ของชายชุดดำนั้นแสนรวดเร็วกริชของหลินซินเยียนปัก ตรงบริเวณขั้วหัวใจของเขาแล้วแท้ๆเขาหลบได้ทันท่วงที กริชเล่มนั้นจะเสียบแค่บริเวณไหปลาร้าของเขาเท่านั้น แม้ว่าจะมิได้ปักโดนขั้วหัวใจแต่ว่าชายชุดดำผู้นั้นก็ทรุดตัวล้มลงกล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวริมฝีปากเป็น สีม่วงเห็นได้ชัดว่าเป็นอาการของการขาดออกซิเจน
หลินซินเยียนเคยเรียนการปฐมพยาบาลมาก่อนคาด การณ์ว่าแม้กริชทมิฬเล่มนี้จะมิได้แทงขั้วหัวใจแต่ทว่าปอด ของเขาก็ได้รับความเสียหายจนส่งผลกระทบต่อระบบทาง เดินหายใจนางมิสนใจอันใดอีกต่อไปแล้ววิ่งสาวเท้าออก จากป่าอย่างไม่คิดชีวิต
เสียงกระซิบของสายลมดังกึกก้องข้างหูนางแทบจะมิได้ ตระหนักได้ยินเพียงแต่เสียงกระหืดกระหอบของตน ราวกับว่าสรรพสิ่งบนโลกใบนี้ล้วนไร้ตัวตนมีเพียงเสียง หอบหายใจรวยรินของนางเท่านั้น
นางวิ่งไปยังสถานที่ที่ไฟคลอกเหล่าทหารก่อนหน้าพบว่า ไฟได้ลุกลามรอบบริเวณยังมีรอบคราบเลือดทว่ากลับไม่ พบร่องรอยของเหล่าพลทหารเลยสักนิด
นางลังเลอยู่ครู่รีบเร่งออกจากหุบเขายามนี้ไม่รีบฉวย โอกาสหนีแล้วยังจะมีเวลาไหนเหมาะสมอีกฉับพลันนางตื่น เต้นเล็กน้อยและยังรู้สึกซาบซึ้งคนที่จ้างวางนักฆ่าให้มา ปลิดชีวิตนางอยู่ไม่น้อยที่บังเอิญเปิดโอกาสช่วยนางให้ หลบหนีจากกองทหารเหล่านั้น
เท้าของนางแพลงทุกย่างก้าวล้วนเจ็บแปลบเข้าที่หัวใจ แต่ว่านางจะไม่ยอมละทิ้งโอกาสนี้ดังนั้นนางจะไม่สิ้นหวัง ไม่สิ้นหวัง!
นางมิรู้ว่ากลางหุบเขานั้นเกิดเรื่องอันใดแน่สุดท้ายก็คน จำนวนมากมายก็มิได้ตามออกมาเช่นนั้นก็คือโม่จื่อเฟิงจะต้องถูกกักตัวไว้แล้วนางรู้สึกโชคดีจริงๆโชคดีแท้ๆ
เดินมากว่าค่อนชั่วยามนางค้นพบว่าบนถนนมีอาชาศึกที่ เต็มไปด้วยคราบเลือดหนึ่งตัวบนอานม้าตัวนั้นยังแขวน กาน้ำที่เหล่าพลทหารใช้เอาไว้นางจำได้ว่ามันเป็นของ ทหารกองทัพอุทัยภายในใจกำลังกระอักกระอ่วนเกรงว่า เหล่าทหารนั้นจะอยู่รอบๆทันใดนั้นกลับพบว่าในพงหญ้า นั้นมีการขยับเขยื้อน
นางรวบรวมความกล้าหยิบเอาท่อนซุงขึ้นมาตีเข้ากับพง หญ้านั้นฉับพลันก็พบนายทหารแซ่โจวนอนราบอยู่บนพื้น นายทหารแซ่โจวบาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลหลายแห่ง บริเวณท้องเขาเห็นหลินซินเยียนก็ยังรู้สึกตกใจก่อนจะ ไปที่นางแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว”ท่านท่านท่านช่วยข้า…
“ช่วยเจ้ารี”หลินซินเยียนส่ายหน้าจากนั้นก็หมุนกายเดิน ไปยังม้าศึกตัวนั้นปืนขึ้นบนหลังม้านางมิได้แม้แต่มองทหาร แซ่โจวผู้นั้นแล้วควบม้าออกไป
นางมิใช่นักบุญไร้อัตตานางเป็นเพียงคนธรรมดานางทำ เรื่องที่มีศีลธรรมขนาดนั้นมิได้หรอกหากดีกับนางสามารถ ตอบแทนคืนได้หลายเท่าหากร้ายกับนางทำได้เพียงบอก ตัวเองว่าอย่าไปเกลือกกลั้วส่วนเรื่องที่จะทำไปแล้วไร้ ประโยชน์ขออภัยนางทำมิได้
เสียงย่ำกีบม้าดังบนถนนหนทางหลินซินเยียนหนีมา ตลอดทางมิกล้าแม้แต่แวะหยุดพักขณะที่วิ่งหนีอย่าง สุดขีดลมหนาวกระทบเข้าที่ใบหน้าของนางน้ำตานางไหล ออกมาอย่างห้ามมิได้นางกำบังเหียนแน่นอีกมือก็ลูบไล้บริเวณหน้าท้องของตนเสียงสะอื้นพลัดพลิ้วปลิวกับ สายลม”ลูกรักแม่ขอโทษเจ้าแล้วเวลาเช่นนี้ยังทารุณกรรม แต่ว่าแม่ขอร้องเจ้า เจ้าจะต้องเข้มแข็งกว่านี้จะต้อง แข็งแกร่งเพื่อมีชีวิตกับแม่ต่อไป!”
ยามเมื่อฟ้าสางอาชาเหนื่อยล้าแล้วเสียงกีบม้าก็ค่อยๆ แผ่วเบาลง
หลินซินเยียนฟุบลงบนหลังม้าเหนื่อยจวนจะล้มพับนาง อ่อนล้าอ่อนล้าแล้วจริงๆแม้แต่จะลืมตายังแทบลืมมิขึ้นทำ เพียงมองขอบฟ้าจากที่แสนไกลด้วยสายตาสะลึมสะลือ แสงสว่างเริ่มทอประกายขึ้นดวงอาทิตย์กำลังจะโผล่ขึ้นมา แล้วใช่หรือไม่ยามที่แสงอาทิตย์สาดส่องนางจะไม่หนาว แล้วใช่ไหมใช่หรือไม่….นางจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นแล้ว หรือไม่