ตอนที่183การเชื้อเชิญที่แปลกประหลาด
“พวกเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า”โม่จื่อเฟิง
ถาม
หลินซินเยียนกระตุกมุมปาก ในใจของนางนั้นมี เรื่องมากมายพลุ่งพล่านอยู่ในใจ สีหน้าของนาง เปลี่ยนแปลงไปมาก ผู้ชายคนนี้ยังรจำได้อีกหรือว่า นางเป็นใคร
“ท่านชายท่านนี้เป็นบุคคลที่มีลักษณะเลิศล้ำถ้า หากว่าพวกเราเคยเจอกันมาก่อนเช่นนั้นก็คงจะเป็นใน ฝันละกระมัง”รอยยิ้มของหลินซินเยียนสวยสดงดงาม แค่เอ่ยปากคำเดียวก็ทำให้เกิดท่าที่ยั่วยุนางเข้าใจโม่ จื่อเฟิงดีผู้หญิงที่รีบยืนอยู่ด้านหน้าเกินไปนั้นเขาก็ยิ่ง รู้สึกว่าไม่ชอบที่ไม่เจียมตัว
เป็นอย่างที่คิดว่าโม่จื่อเฟิงได้ยินเช่นนั้นแล้วสีหน้า ก็เข้มขึ้น
ผู้ชายที่อยู่รอบๆนั้นเห็นหญิงซินเยียนท้องใหญ่ แล้วยังไม่ลืมอยากจะเอาชนะผู้ชายรูปหล่อนั้นก็ล้วน แสดงสีหน้าดูถูกนางแต่ว่าหลินซินเยียนไม่ได้ใส่ใจ เพียงแค่ในขณะที่ทุกคนไม่ได้สังเกตเห็นนางก็แอบ ถอนใจ
หลินซินเยียนเห็นโม่จื่อเฟิงยืนอยู่ตรงหน้านางอยู่ นางหัวใจนางที่เพิ่งจะหล่นไปก็ต้องระแวงขึ้นมาอีก เวลานี้ไม่ใช่ว่าเขาควรจะแค้นใจเดินจากไปแล้วไม่ใช่หรือยังยืนอยู่ตรงหน้านางอีกนี่มันหมายความว่า อย่างไร
“ในความฝัน…..”สีหน้าที่เข้มของโม่จื่อเฟิงผ่อน คลายลงอย่างมากเกินความคาดหมายของหลินซิน เยียนเขาใช้มือเชยคางนางขึ้น “วิธีการพูดเช่นนี้เห็นได้ ยากนักดวงตาของเจ้านั้นไม่เลวเลยเหมือนของผู้หญิง ของข้าคนหนึ่ง”
มารดามันสิ
หลินซินเยียนตื่นเต้นตกใจอ้าปากค้างท่านเป็นอู่ เซวียนอ๋องที่สง่างามในโลกหล้าจริงๆอยู่ต่อหน้าคน เยอะเช่นนี้ยังจะมาลวนลามหญิงท้องแก่นี่มันเรื่อง อะไรกัน
จริงดั่งคาดเมื่อเขาเริ่มเคลื่อนไหวคนทั้งหมดใน ร้านอาหารก็ตกอยู่ในภวังค์
คนมีอำนาจบางส่วนในนั้นพลันนึกขึ้นมาได้ว่าโม่ จื่อเฟิงเป็นพระเจ้าที่พวกเขาเคารพเมื่อนึกออกก็อดไม่ ได้ที่จะตะโกนออกมาอย่างตกใจว่า”นั่นคนผู้นั้นคืออู่เซ วียนอ๋อง”
คนจิตใจโหดเหี้ยมหน้าเย็นชาที่ถูกพูดถึงคนที่อยู่ ในสนามรบแล้วฆ่าคนนับไม่ถ้วนซ้ำยังเป็นท่านอ่องที่ เกิดมารูปงามยิ่ง
มิน่าเล่าเมื่อครู่จึงรู้สึกคุ้นหน้ายิ่งนักนี่เพิ่งจะ นึกออกว่าเคยพบกันที่งานฉลองแต่ว่าคนอย่างพวกเขานั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพบอู่เซวียนอ๋องในระยะใกล้ แค่นี้คนทั่วไปก็ทำได้แค่มองจากที่ไกลๆดังนั้นจึง นึกออกได้ช้าคนที่รู้จักนั้นเสียวสันหลังวาบยังดีที่เมื่อ ครู่พวกเขาไม่ได้ทะเลาะวิวาทกับอู่เซวียนอ่องขณะ เดียวกันนั้นพวกเขายังเห็นด้วยกับกลุ่มคนเมื่อกี้ที่กำลัง หาความตาย
แต่ว่า….ข่าวลือที่ว่าผู้หญิงข้างกายของอู่เซวีย นอ๋องนั้นล้วนเป็นสาวงามล่มเมืองเหตุใดจึงได้มาสนใจ หญิงมีครรภ์เช่นนี้หรือว่าเบื่อรสชาติโสมคนแล้วจึง เปลี่ยนไปกินผักสดแทน
คิดเช่นนี้คนเหล่านั้นก็ตัดสินใจเงียบๆว่าจะไปตาม หาหญิงมีครรภ์ที่หน้าตาสะสวยในเมืองนี้
ถ้าหากโม่จื่อเฟิงรู้ความคิดที่อยู่ในใจของคนเหล่า 2 นั้นกลัวว่าจะลงมือบีบคอพวกเขาเสียนี่
“ใช่ใช่ไหมดวงตาทั้งคู่ของข้านั้นดูดีใครๆก็พูดเช่น นี้สามารถเหมือนผู้หญิงที่อยู่ข้างกายท่านอ๋องได้ข้า รู้สึกโชคดีอย่างยิ่งเลย”เป็นเพราะว่าโอ้อวดเวลาที่หลิน ซินเยียนพูดนั้นจึงติดอ่างเล็กน้อย
โม่จื่อเฟิงย่นคิ้วสายตาของเขามองไปยังดวงตา ของนางราวกับว่าจะมองหาอะไรบางอย่างจากดวงตา ของนางแม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เข้าใจเหตุใดตัวเขาจึง ทำเช่นนี้นางเป็นคนคนมีครรภ์เท่านั้นต่อให้จะเหมือน กับคนรู้จักแต่ว่าถ้าหากหลินซินเยียนยังอยู่ที่นี่ท้อง ของนางก็คงจะใหญ่ประมาณนี้แหละ
นี่เขาคิดมากเกินไปหรือเปล่าถึงได้อยู่ดีๆก็คว้าคน ที่เดินถนนทั่วไปแล้วคิดเองว่าคุ้นเคย
ในใจของเขารู้สึกหงุดหงิดตนเองถึงได้มีจิตใจยึด มั่นกับผู้หญิงเช่นนั้นโม่จื่อเฟิงค่อยๆปล่อยมือแต่ว่าก็ยัง ไม่เดินไปไหนยังคงมองนางด้วยสายตาเช่นเดิมถึงแม่ ว่าจะรู้ว่าตรงหน้าของเขาไม่ใช่นางแต่ก็ยังจ้องนางไม่ วางตาเช่นเดิม
คนที่ก่อเรื่องวุ่นวายนั้นได้ยินชื่ออู่เซวียนอ๋องแค่ ไม่กี่คำก็แข้งขาอ่อนไหนเลยจะกล้าขวางอวิ๋นเสียวอิง อีกพวกเขาปรารถนาที่จะรีบหนีออกไปจากที่นี่แต่ว่า ชัดเจนเลยว่าความคิดของพวกเขานั้นไม่อาจเป็นไปได้ เพราะเมื่อพวกเขาขยับขาจินมู่ก็พาองค์รักษ์ตามออก ไปไม่นานก็มีเสียงร้องของความเจ็บปวดดังขึ้น
ก่อนหน้านี้มีเสียงร้องแหลมที่ตกใจของอวิ๋นเสียว อิงเวลานี้ต่อสู้ไม่เป็นไปปกป้องคนเหล่านั้นที่กำลังร้อง โหยหวนก็เดินไปด้านข้างของโม่จื่อเฟิงแกว่งแขนของ โม่จื่อเฟิง “เฟิง….ท่านรู้จักกับพี่สะใภ้คนนี้หรือ”
นางตั้งใจเน้นยำสองคำที่ว่า”พี่สะใภ้”ราวกับว่า ต้องการเตือนว่าโม่จื่อเฟิงผู้หญิงคนนั้นมีสามีแล้ว
โม่จื่อเฟิงหันไปมองนางด้วยสายตาเยียบเย็นอวิ่น เสียวอิงถูกเขามองด้วยสายตาเย็นชาเช่นนั้นก็ปล่อย มือที่จับแขนของโม่จื่อเฟิงออกโดยไม่รู้ตัว “ข้าแค่รู้สึกว่าสะใภ้คนนี้หน้าตาดีก็เท่านั้นใช่แล้ว
เสียวอิงเมื่อไม่กี่วันก่อนเจ้าพูดกับข้านี่ว่าไม่มีใครอยู่ในวังเป็นเพื่อนเจ้าข้าดูเอ่อ….สะใภ้ท่านนี้ดูแล้วเป็นคน พูดรู้เรื่องเอาเป็นว่าให้นางมาอยู่กับเจ้าในวังสักสอง สามวันดีหรือไม่”ประโยคนี้ของโม่จื่อเฟิงนั้นทำให้อวิ๋น เสียวอิงเบิกตากว้าง
อวิ่นเสียวอิงชี้จมูกของตัวเองราวกับว่าอยากจะ ถามว่าตัวเองพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าอยู่ในวังนั้นใช้ชีวิต อย่างไร้รสชาติยิ่งถ้านางรู้สึกว่าชีวิตมันจืดชืดขนาด นั้นนางก็ไม่ได้รู้สึกสนใจว่าอยากจะพูดคุยกับหญิงมี ครรภ์หรอกนางยังเป็นหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานนางจะมี เรื่องอะไรให้พูดคุยถูกคอกับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเล่า
แต่ว่าหางตาของโม่จื่อเฟิงนั้นเฉียบคมราวกับมีด ชั่วพริบตานั้นสิ่งที่นางอยากจะพูดออกมาก็ถูกขู่ สุดท้ายจึงไม่ได้พูดอะไรออกมาจึงทำได้แค่เพียงเกา หัวแล้วพูดกับโม่จื่อเฟิง”ข้ายินดีเพียงแต่ไม่รู้ว่าทพี่สะใภ้ คนนี้จะยินยอมหรือไม่”
แน่นอนว่าไม่ยินยอม
ความต้องการแปลกประหลาดเช่นนี้นางจะ
ยินยอมได้อย่างไรกัน
นางอยากจะอ้าปากปฏิเสธทันใดนั้นก็เห็นโม่ จื่อเฟิงยื่นตั๋วเงินมาให้ตั๋วเงินใบนั้นมีมูลค่าถึงหนึ่งพัน ตำลึงเขาชูตั๋วเงินให้หลินซินเยียนและคนรอบๆเห็นตั๋ว เงินแผ่นนั้นดูเหมือนแสงทองกระพริบเข้าตาคนทั้ง
หลายจนปวดตา
“ท่านอ่องเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่จริงๆผู้หญิงคนนี้พบเจอกับโชคดีเข้าให้แล้วพูดคุยเป็นเพื่อนแก้เบื่อให้แม่นาง ก็ได้รับตั๋วเงินมากมายขนาดนี้”
“อั้ยยะรู้อย่างนี้วันนี้ข้าก็จะพาเมียน้อยที่มีครรภ์ ของข้ามาด้วยแล้วนี่ถ้าหากได้รับความชื่นชอบจาก ท่านอ๋องลาภลอยเช่นนี้ก็จะเป็นของพวกเรา”
“ที่บ้านข้าก็มีหญิงท้องเรื่องเช่นนี้จะมีหญิงมีครรภ์ ที่ไหนปฏิเสธก็แค่พูดคุยก็เท่านั้นน่าอิจฉาจริง”
หลินซินเยียนอยากจะปฏิเสธแต่เมื่อพลันได้ยิน เสียงปรึกษากันของคนรอบๆแล้วนางอยากปฏิเสธแต่ จะเอ่ยปากออกมาได้อย่างไรเล่าเมื่อเผชิญหน้ากับเงิน ทองที่ช่างยั่วยวนใจทุกคนก็คงเลือกทางเดียวกันถ้า หากว่านางปฏิเสธไม่ใช่แสดงความแปลกแยกมากไป หรืออีกอย่างจะทำให้โม่จื่อเฟิงสงสัยได้
การลังเลใจและต่อสู้กับความคิดของตัวเองของ นางนั้นอยู่ในสายตาของโม่จื่อเฟิงทั้งหมดไม่รู้เมื่อไร เขาก็ยกมุมปากแล้วหัวเราะ”สะใภ้….ท่านนี้ท่านคิด ดีแล้วหรือยังเรื่องดีๆเช่นนี้ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆก็ เพียงแค่อยู่เป็นเพื่อนแก้เบื่อให้เสียวอิงก็เท่านั้นท่านมา ที่จวนอ่องไม่ใช่ว่ามาเป็นคนใช้แต่ท่านมาเป็นแขก”