ตอนที่181ดอกบัวสีขาวที่สวยสะอาดบริสุทธิ์
“อ้าวแม่นางก็มาฟังละครเพลงเช่นกันหรือรีบ หน่อยนะเหลือแค่โต๊ะสุดท้ายแล้วถ้าช้ากว่านี้จะไม่มีที่ นั่งแล้วนะ”บ่าวที่รับผิดชอบเรียกแขกของร้านอาหาร เห็นหลินซินเยียนยืนอยู่ที่หน้าประตูก็รีบยิ้มต้อนรับ
หลินซินเยียนย่นคิ้วในใจของนางนั้นยังเป็นห่วงส รือโถวอยู่ดังนั้นจึงไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ถึงแม้ว่าส รือโถวจะอยากฟังละครเพลงแต่ว่าเขาไม่มีเงินถ้าเขา เข้ามาในร้านอาหารนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ดังนั้นนางจึง ได้ยิ้มให้กับบ่าวปฏิเสธแล้วจึงหันหลังเดินไป
นางเพียงแค่เดินไปสองก้าวขาของนางก็หยุด ชะงักพลันเห็นรถม้าที่ดูหรูหราอย่างชัดเจนคันหนึ่ง กำลังวิ่งมาที่ไกลๆรถม้าคันนี้นางจะไม่คุ้นเคยได้ อย่างไรในเมืองเพิ่งซีนี้นอกจากโม่จื่อเฟิงแล้วไม่มีใคร ที่จะสามารถอวดรวยนั่งรถม้าที่หรูหราเช่นนี้ได้
นางมองซ้ายมองขวาที่นี่คือถนนหลักทั้งสองด้าน ไม่มีซอยเล็กนางลังเลใจอยู่สักพักถึงได้หมุนตัวเดิน เข้าร้านอาหารหวังว่าจะเป็นโอกาสที่สามารถหลบซ่อน จากโม่จื่อเฟิงได้
บ่าวพานางมานั่งที่โต๊ะเล็กๆตรงซอกมุมหนึ่งไม่ใช่ ว่าบ่าวดูถูกนางแต่เป็นเพราะว่าโต๊ะส่วนใหญ่นั้นเต็ม แล้วเห็นนางเป็นหญิงมีครรภ์บ่าวจึงนำชาจางๆมาให้
“พี่ชายคนตั้งมากมายมาที่นี่เพื่อที่จะฟังละครตอนที่181ดอกบัวสีขาวที่สวยสะอาดบริสุทธิ์
“อ้าวแม่นางก็มาฟังละครเพลงเช่นกันหรือรีบ หน่อยนะเหลือแค่โต๊ะสุดท้ายแล้วถ้าช้ากว่านี้จะไม่มีที่ นั่งแล้วนะ”บ่าวที่รับผิดชอบเรียกแขกของร้านอาหาร เห็นหลินซินเยียนยืนอยู่ที่หน้าประตูก็รีบยิ้มต้อนรับ
หลินซินเยียนย่นคิ้วในใจของนางนั้นยังเป็นห่วงส รือโถวอยู่ดังนั้นจึงไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ถึงแม้ว่าส รือโถวจะอยากฟังละครเพลงแต่ว่าเขาไม่มีเงินถ้าเขา เข้ามาในร้านอาหารนั้นคงจะเป็นไปไม่ได้ดังนั้นนางจึง ได้ยิ้มให้กับบ่าวปฏิเสธแล้วจึงหันหลังเดินไป
นางเพียงแค่เดินไปสองก้าวขาของนางก็หยุด ชะงักพลันเห็นรถม้าที่ดูหรูหราอย่างชัดเจนคันหนึ่ง กำลังวิ่งมาที่ไกลๆรถม้าคันนี้นางจะไม่คุ้นเคยได้ อย่างไรในเมืองเพิ่งซีนี้นอกจากโม่จื่อเฟิงแล้วไม่มีใคร ที่จะสามารถอวดรวยนั่งรถม้าที่หรูหราเช่นนี้ได้
นางมองซ้ายมองขวาที่นี่คือถนนหลักทั้งสองด้าน ไม่มีซอยเล็กนางลังเลใจอยู่สักพักถึงได้หมุนตัวเดิน เข้าร้านอาหารหวังว่าจะเป็นโอกาสที่สามารถหลบซ่อน จากโม่จื่อเฟิงได้
บ่าวพานางมานั่งที่โต๊ะเล็กๆตรงซอกมุมหนึ่งไม่ใช่ ว่าบ่าวดูถูกนางแต่เป็นเพราะว่าโต๊ะส่วนใหญ่นั้นเต็ม แล้วเห็นนางเป็นหญิงมีครรภ์บ่าวจึงนำชาจางๆมาให้
“พี่ชายคนตั้งมากมายมาที่นี่เพื่อที่จะฟังละครเพลงหรือเหตุใดจึงไม่เห็นคนร้องเพลงอยู่บนเวทีเลย เล่า”นางมองไปยังเวทีบนเวทีมีเพียงพิณโบราณแต่ไม่ เห็นมีคนเลย
บ่าวรินชาให้นางไปอธิบายไป”แม่นางไม่รู้อะไรแม่ นางอวินเพิ่งจะร้องเพลงจบไปตอนนี้กำลังพักอยู่เพื่อที่ จะดึงดูดแขกมากขึ้นแม่นางอวิ๋นต้องพักเป็นเวลาครึ่ง ชั่วยามตอนนี้เป็นเวลาพักของนางแม่นางอย่าเพิ่ง ใจร้อนอีกสักพักแม่นางอวิ๋นก็จะขึ้นมาร้องเพลงต่อ แล้ว”
หลินซินเยียนตรวจสอบคนรอบๆก็พบว่าคนที่อยู่ ในร้านอาหารนี้แทบจะทั้งหมดเป็นผู้ชายแล้วก็มีบาง คนเป็นคุณนายมีเงินร่ำรวยและคนส่วนใหญ่กำลังพูด คุยกันอยู่ว่าประมูลในอีกสักพักอะไรประมาณนี้
นางฟังอย่างสงสัยก็เลยกวักมือเรียกบ่าวเป็น เพราะแขกในวันนี้เยอะบ่าวก็อารมณ์ดีดังนั้นเมื่อตอบ คำถามจึงมีความอดทนมากนิดหน่อย
“พี่ชายข้าขอถามอีกประโยคเดียวที่คนพวกนั้น พูดเรื่องเกี่ยวกับประมูลนี่มันเกี่ยวกับอะไรหรือ”หลินซิ นเยียนดื่มชาร้อนไปแล้วก็ถาม
บ่าวได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ”แม่นางท่านนี่ไม่รู้อะไร เลยจริงๆนะเนี่ยแต่เดิมข้าเองก็คิดว่าท่านเองก็มา ประมูลเช่นกันดูแล้วท่านคงจะบังเอิญเข้ามาพอดีข้าจะ บอกท่านแบบไม่ปิดบังเลยนะแม่นางอวินดีดพิณได้ ไพเราะมากแต่ว่านางนั้นเป็นคนน่าสงสารฐานะของครอบครัวก็ตกอับไม่สามารถพึ่งพาการขายความ สามารถเพื่อเลี้ยงชีพแต่ว่าแม่นางอวิ่นนั้นเป็นคนที่ยึด มั่นในคุณธรรมบอกว่าขายให้คนทั่วไปไม่สู้ขายให้กับ คุณชายดังนั้นวันนี้จะเป็นวันที่แม่นางอวิ๋นขายตัวเอง แน่นอนละเพียงแค่เป็นนักแสดงก็สามารถขายตัวได้ แต่ไม่ใช่คนมั่วๆเช่นนั้นมิเช่นนั้นจะไม่สามารถเข้ามา ประมูลในร้านอาหารของพวกเราได้”
เป็นเช่นนี้นี่เองเมื่อฟังมาถึงตรงนี้หลินซินเยียนถูก ทำให้เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจนได้แต่ว่าสำหรับผู้ หญิงและผู้ชายที่สามารถร้องเพลงได้นั้นแท้จริงแล้ว เพื่อให้ผู้อื่นฟังละครเพลงแล้วซื้อคนกลับบ้านนะหรือ แค่กลัวว่าความต้องการของเจ้าพวกตาเฒ่าขี้เมาไม่ได้ อยู่ที่เหล้าก็เท่านั้นเอง
นางอดไม่ได้ที่จะมองไปยังคุณนายที่ร่ำรวยพวก นั้นนางมองอย่างพิจารณาใบหน้าของพวกเขาเต็มไป ด้วยความเงียบเหงามากกว่าครึ่งมองเช่นนี้แล้วจิตใจ ของคุณนายพวกนี้ซื้อนักแสดงกลับไปนั้นคงทำให้คน อื่นใคร่ครวญไม่น้อยในสังคมนี้ผู้หญิงไม่เพียงแต่จะไม่ สามารถอิจฉาได้แล้วยังจะต้องเอาใจใส่สามีของตัว เองหนึ่งในนั้นยังรวมถึงการหาคนมาปรนนิบัติสามีของ ตัวเองอีกด้วย
“น่าเศร้า”หลินซินเยียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ออกมาหญิงสาวยุคอดีตใช้ชีวิตอย่างน่าเศร้าใจไม่ เพียงแต่ต้องอดทนสามีของตัวเองใฝ่หาความสุขเพื่อที่
จะได้รับความรักจากสามีของตัวเองยังจะต้องหาผู้หญิงมาให้สามีของตัวเองอีก
เป็นดั่งที่คิดไว้ดื่มชาไปได้ไม่นานแม่นางอวิ๋นที่บ่าว พูดถึงนั้นก็เดินออกมาจากหลังเวทีนางสวมชุดผ้าแพร สีขาวสะอาดหน้าตาสะสวยริมฝีปากแดงพริ้งเพริด เหมือนหยดน้ำองค์ประกอบทั้งห้าบนในหน้านั้น ละเอียดงดงามมีการแสดงออกที่ดูใสสะอาดดุจดั่ง กล้วยไม้ช่อหนึ่งเมื่อเบ่งบานก็ทำให้คนทั้งหลายล้วนไร้ สีสัน
ช่วงเวลาที่นางปรากฏตัวถ้วยชาที่อยู่ในมือของ หลินซินเยียนลื่นร่วงหลุดออกจากมือน้ำชาเลอะเปื้อน ไปจนเต็มโต๊ะ
“อวิ๋นเสียวอิง”นางพูดเสียงต่ำราวกับนกนางแอ่น สามคำคาดไม่ถึงเลยว่าจะมาพบอวิ่นเสียวอิงโดย บังเอิญเช่นนี้
นางอดไม่ได้ที่จะกำมือแน่นสำหรับอวิ๋นเสียวอิง นางทั้งเกลียดทั้งซึ้งใจถ้าหากนางเดาไม่ผิดวันนั้นอวิ่น เสียวอิงน้ำโม่จื่อเฟิงเข้าไปในหุบเขาไม่นานก็มีมือ สังหารมาฆ่านางคนที่อยู่เบื้องหลังฉากนั้นก็คืออวิ่น เสียวอิง
นางจำไม่ได้ว่าละครเรื่องไหนมีไส้ศึกเรื่องหนึ่งเคย พูดไว้กำจัดทั้งหมดไม่สามารถเหลือไว้ถ้าเหลือไว้จะ เหลือเพียงข้อเท็จจริง
วันนั้นเป้าหมายของนักสังหารก็คือนางและยังรู้
ด้วยว่านางอยู่ในหุบเขามีเพียงโม่จื่อเฟิงและอวิ๋นเสียวอิงไม่มีทางเป็นโม่จื่อเฟิงก็เหลือแค่นางเพียงคนเดียว เท่านั้นแหละ
นางและอัศวินเสียวอิงไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกันครั้ง แรกที่เจอกันอวิ่นเสียวอิงก็พามือสังหารมาฆ่าตนเอง ระหว่างความสัมพันธ์ของนางและอวิ้นเสียวอิงมีเพียง แค่โม่จื่อเฟิงก็เท่านั้นเองคิดว่านางอยู่เกะกะข้างกายโม่ จื่อเฟิงรี
ดูเช่นนี้แล้วการขอความช่วยเหลือของอวิ๋นเสียว อิงแล้วนำโม่จื่อเฟิงไปยังหุบเขาในวันนั้นมันง่ายขนาด นั้นเลยรึแต่ว่าเรื่องเหล่านั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับ นางแล้ว
อวิ่นเสียวอิงเดินอย่างนวยนาดไปนั่งด้านหลังของ พิณโบราณกรีดนิ้วมือไปบนสายพิณเสียงไพเราะ งดงามของพิณนั้นดังขึ้นด้วยปลายนิ้วมือของนางเสียง พิณดังขึ้นปากของนางก็อ้าขึ้นเล็กน้อยแล้วเริ่มการ
ร้องละครเพลง
แม้ว่าหลินซินเยียนเล่นพิณไม่เป็นไม่เข้าใจละคร เพลงแต่เมื่อฟังแล้วก็รู้สึกว่านางร้องได้ไพเราะขนาด หลินซินเยียนยังเป็นเช่นนี้แล้วผู้ชายทั้งหลายที่กำลัง จะน้ำลายหกนั้นยิ่งคึกคักเข้าไปใหญ่ส่วนมากนั้นก็ แสดงท่าทางไม่สุภาพและยิ้มอย่างต่ำช้า
หลินซินเยียนไม่สนใจว่าอวิ๋นเสียวอิงทำอะไรนาง แค่คิดว่าไม่อยากจะพบโม่จื่อเฟิงให้ปวดใจเพียงแค่ ราวกับว่าสวรรค์กำลังเล่นตลกสิ่งที่นางไม่คิดสิ่งนั้นกลับค่อยๆเข้ามา
บริเวณหน้าประตูร้านอาหารจินมู่เดินนำทางโม่ จื่อเฟิงเดินตามหลังเขาเข้ามาอย่างผ่อนคลายแต่ว่า สายตาของโม่จื่อเฟิงนั้นตกลงไปบนตัวอวิ๋นเสี่ยงยิงที อยู่บนเวทีสีหน้าของเขามืดลงดูแล้วไม่ดีใจอย่างงยิ่ง
หลินซินเยียนใช้กำลังอย่างสุดความสามารถที่จะ ก้มหน้างุดถึงแม้ว่าจะปลอมตัวแล้วแต่ว่านางก็ไม่ ยินยอมที่จะพบเจอกับความเสี่ยง
ละครเพลงจบแล้วอวิ้นเสียวอิงก็เก็บมือนางมองไป ทางประตูนางก็รีบเบิกตากว้างนางยืนอยู่บนเวทียิ้ม แล้วกล่าวว่า”เอาละในเมื่อแขกก็มาถึงจำนวนมากแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่เสียเวลาแล้วละตอนนี้เจ้านายและคุณ หญิงทั้งหลายเสนอราคามาได้เลยราคาของใครสูงข้า อวิ้นเสียวอิงก็จะเป็นนักแสดงรับใช้ให้กับเขา”
ผู้คนที่อยู่ด้านล่างเวทีได้ยินเช่นนั้นก็รีบตะโกน บอกราคาเสียงแรกที่ตะโกนขึ้นมานั้นสูงถึงหนึ่งร้อย ตำลึงอยากรู้ว่าในสังคมที่ชีวิตของคนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มี ค่าแม้แต่น้อยสาวใช้ที่ไม่มีอิสระในชีวิตคนหนึ่งยังไม่ เกินราวๆสิบตำลึงหนึ่งร้อยตำลึงนี้สามารถซื้อเวลาช่วง ชีวิตของคนทั้งสิบคนได้เลยดูแล้วจะเป็นมูลค่าที่มาก เลยทีเดียว