ตอนที่ 209 ตำแหน่งพระชายารอง
ฝีเท้าของหลินซินเยียนหนักราวกับบุตรสาว
ตระกูลร่ำรวย หลายก้าวของนางเหมือนจะก้าวไม่ไป
เรือนใหญ่
นางรู้สึกไม่อยากเชื่อเล็กน้อย โม่จื่อเฟิงดูเหมือน ว่าจะไม่ชอบให้คนเข้ามาในเรือนใหญ่ เมื่อก่อนที่นาง อยู่ในจวนอ่อง นางไม่แม้แต่จะเข้ามาในเรือนใหญ่ วันนี้ ได้กลับมาอีกครั้ง เขากลับจัดการห้องให้นางอยู่ข้างๆ เขา
ใช่แล้ว ตอนนี้ ไม่ใช่นางคนเดียวที่กลับมา
หลินซินเยียนถอนใจ กอดลูกที่อยู่ในอกแน่นขึ้น คิดแล้ว นี่ก็นับว่าเป็นมารดาของผู้สูงศักดิ์กระมัง เพราะว่าการดำรงอยู่ของลูก ดังนั้นฐานะของนางจึงสูง ขึ้นกว่าปกติ มิน่าเล่าเหล่านางสนมที่อยู่ในวังถึงได้ช่วง ชิงที่จะคลอดลูกผู้ชายคนหนึ่งและลูกผู้หญิง ในยุค อดีต ความสำคัญของผู้สืบสกุลนั้นมากกว่าที่นางคิดไว้
หลังจากมาที่เรือนใหญ่ เหล่าสาวรับใช้ใหญ่ก็ ทำความเคารพนางด้วยตาห้อยลง สาวรับใช้ใหญ่ใน เรือนใหญ่และสาวใช้ที่อื่นนั้นไม่เหมือนกัน ล้วนเป็นคน ที่โม่จื่อเฟิงสนิทและไว้ใจคนที่สามารถได้รับความเชื่อ ใจจากโม่จื่อเฟิง จะต้องเป็นคนที่มีความสามารถไม่ ธรรมดา แต่ว่าสาวใช้ใหญ่บางคนเท่านั้นเอง ดูแล้วจะมี บุคลิกดีกว่าสาวใช้ทั่วไป
อย่างน้อย ในสายตาของพวกนาง หลินซินเยียน ไม่ได้ถูกพวกนางดูถูกเลยสักนิด
จินมู่เดินด้านหน้า แบกโม่จื่อเฟิงขึ้นหลังเดิน เข้าไปยังห้องนอน มู่เหอที่เดินอยู่ด้านหนึ่งเดินอย่าง เด็กอารมณ์ดีอยู่ด้านข้าง ถาม “ท่านอ๋อง พี่สาวพวกนั้น
ท่านว่าใครเหมาะไปรับใช้คุณนายดี” สาวใช้ใหญ่พวกนี้ล้วนเป็นคนของโม่จื่อเฟิง มู่เหอ ไม่กล้าตัดสินใจแทนเขา
โม่จื่อเฟิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หันไปมองสาวใช้เหล่า นั้น ชี้มือส่งไปที่คนหนึ่ง “งั้นให้ชิงจู่ไปแล้วกัน”
“รับทราบ” มู่เหอรับคำสั่ง ไม่เดินตามจินมู่เข้าห้อง นอน แต่เขาเดินไปหยุดอยู่ที่ด้านหน้าของสาวใช้ใหญ่ กล่าวว่า “พี่สาวชิงจู่ ท่านได้ยินคำพูดของท่านอ๋องแล้ว ใช่ไหม”
“ได้ยินแล้ว” ชิงจู่นั้นเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าธรรมดา แต่ว่าคิ้วของนางนั้นมีบุคลิกองอาจผึ่งผาย เมื่อนาง ได้ยินคำสั่งของโม่จื่อเฟิง นัยน์ตาของนางฉายแวว ประหลาดใจ
มู่เหอพยักหน้า “พี่สาวชิงจู่ต่อสู้เก่งที่สุด ท่านอ่อง ให้ท่านไปอยู่ข้างกายคุณนาย ท่านน่าจะเดาความ หมายของท่านอ่องได้ใช่ไหม เอาละ คำพูดอื่นๆข้าจะ ไม่พูดแล้วละ ” มู่เหอโบกมือ และเดินไปด้านหน้าของ หลินซินเยียน นำหลินซินเยียนเดินปี่ห้องด้านข้าง
ที่แท้ห้องนอนในเรือนใหญ่นั้น เมื่อเปรียบกับห้อง ที่อื่นนั้น ห้องนอนนี้ก็จะหรูหราโอ่อ่ามากกว่าที่อื่นอย่าง เห็นได้ชัด แม้ว่าจะเป็นห้องนอนห้องหนึ่ง แต่ว่าด้านใน ก็ยังแบ่งได้เป็นสองห้อง ห้องด้านในให้เจ้าของนอน ห้องด้านนอกให้สาวใช้ที่เฝ้ากลางคืนนอน
มู่เหอแนะนำรอบหนึ่งเสร็จก็ออกไป คนที่เข้ามา แทนก็คือชิงจู๋ ชิงจู๋มาด้านหน้าของหลินซินเยียน ทำความเคารพนางอย่างนบนอบ หลังจากนั้นก็พูดว่า “หลังจากนั้นชิงจู่เป็นคนของคุณนายแล้ว คุณนายสั่ง อะไร แค่สั่งมาก็ตามนั้น”
“ได้ ขอบใจนะซิง” หลินซินเยียนยิ้มอย่างเสียไม่ ได้ แต่ว่าคืนนี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเกินไป นาง รู้สึกปล่อยวางได้ยาก
สำหรับความเกรงใจของนาง ชิงจู่รู้สึกตะลึงมาก จึงได้ย่อตัวลงทำความเคารพ แต่ว่าความประทับใจที่มี ต่อคุณนายคนนี้ก็นับว่าดีมาก “คุณนาย ท่านพา คุณชายน้อยพักผ่อนก่อนเถิด ข้าน้อยจะนอนอยู่ห้อง ด้านนอก หากท่านมีอะไรก็เรียกข้าได้เลย”
หลินซินเยียนมองเจ้าหนุ่มน้อยที่กำลังนอนหลับ อยู่ใรอ้อมอก แล้วจึงพยักหน้า
เพียงแต่ กลางคืนเช่นนี้นางจะนอนหลับลงได้ อย่างไร ก่อนที่ชิงจู่จะจากไป หลินซินเยียนก็ลังเลอยู่
ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ชิงจู่ ช่วยฟังข้าพูดเรื่องหนึ่งได้
ไหม”
“เชิญคุณนายพูดได้เลย” ชิงจู๋หยุดเดิน อย่าง เคารพและมีมารยาท
หลินซินเยียนมองไปยังห้องด้านข้างอย่างไม่มีร่อง รอย ในที่สุดก็เอ่ยปาก “ท่านช่วยฟังให้ข้าหน่อยได้ ไหม เรื่องสถานการณ์ของคนสองคนที่ถูกท่านอ๋องจับ ไปคืนนี้”
“สองคน” ชิงจู่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นจึง สงสัยเล็กน้อย
หลินซินเยียนพยักหน้า “ไม่ผิด ท่านโจวและสรือ โถว”
สำหรับคนสองคนที่นางเคยให้เป็นคนใน ครอบครัว นางไม่สามารถไม่ฟังและไม่ถาม โดยเฉ พาะสรือโถว แต่ถูกยายหลิวและท่านโจวมัดไว้ ในช่วง เวลาเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกมัด ไม่ต้องคิดก็เดาได้ จะต้อง เป็นเพราะสรือโถวไม่ต้องการที่จะทำร้ายนาง ดังนั้นจึง ถูกควบคุม
นางแค่คิดถึงสร็อโถว ในใจของหลินซินเยียนจึง ได้มีความเสียใจและเสียดายน้อยลง โชคดี โชคดีที่ส รือโถวไม่ได้หักหลังนาง
“ได้ คุณนาย ข้าจะไปฟังให้ท่าน” ชิงจู่ฟังเสร็จก็ ตอบรับแล้วถอยหลังออกจากห้องไป
หลินซินเยียนนอนอยู่บนเตียง ในขณะที่เลอะ เลือนนั้น กลับไม่มีวิธีที่จะนอนหลับ ขณะที่ใจลอยราวกับว่าได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวมาจากห้อง ข้างๆ เหมือนโม่จื่อเฟิงออกจากห้องตอนกลางคืน อีก ทั้งการเคลื่อนไหวไม่น้อย เป็นคนที่เข้าไปรับในห้อง อย่างอ่อนโยนนุ่มนวล
วันที่สองตอนฟ้ายังไม่ทันสาง หลินซินเยียนก็ อดทนต่อไปไม่ไหวจึงนอนหลับลึกไป แต่ว่านอนไปไม่ นาน ไม่ถึงสองชั่วยามก็ตื่นขึ้นมาเสียแล้ว
เมื่อนางตื่นนอน ก็พบว่าชิงจู๋นั้นยืนรออย่าง นบนอบอยู่ในห้องด้านในแล้ว ในมือของชิงจู่มือชุด มงคลสีสวยสดใสชุดหนึ่ง
เห็นนางตื่นแล้ว ชิงจู่ก็โค้งหลังทำความเคารพ นำ ชุดมงคลวางไว้ด้านหน้าเท้านาง “คุณนาย เมื่อคืนท่าน อ่องไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ขอพระราชทานให้คุณนาย ผ่าน ไปอีกครึ่งเดือน ท่านอ๋องจะสู่ขอท่านเป็นพระชายา พระชายารองแล้ว”
“พระชายารอง” ข่าวนี้เป็นข่าวที่ฉับพลันทันด่วน จริงๆ ทำให้หลินซินเยียนรับไม่ได้ครู่หนึ่ง สักพัก นาง ถึงได้สติกลับมา รับชาร้อนจากชิงจู่มาดื่มหนึ่งอีก ถึง จะพูด “ท่านเพิ่งจะบอกว่าเมื่อคืนโม่จื่อเฟิงไปเข้าวังหล วงรี”
ราวกับว่ารู้ว่านางมีคำถาม ดังนั้นชิงจู่จึงได้ตอบ โดยสีหน้าไม่เปลี่ยน “ใช่ เมื่อคืนวานอัครเสนาบดีนำ ขุนนางไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ยื่นมติไม่ไว้วางใจท่านอ่อง แน่นอนว่าท่านอ่องก็เข้าวังหลวง แต่ว่า….คนที่อยู่เบื้องหลังวางแผนมาดี ท่านอ๋องของพวกเรามีจิตใจดีนับว่า เป็นบันไดสะพาน พวกเขาคิดว่าคนตายในจวนอ๋อง ของพวกเรา พวกเราก็จะไม่พ้นความรับผิดชอบ แต่ว่า ถ้าหากว่าพวกเราหาเจ้าคนที่เป็นคนลงมือวางยาได้ ส่งตัวไป ปัญหาก็จะคลี่คลายแล้ว ”
สำหรับสิ่งที่ชิงจู๋พูดนั้นทำให้หลินซินเยียนไม่ สงสัยแล้ว เริ่มเตรียมตัว โม่จื่อเฟิงจะสามารถถูกยื่นมติ ไม่วางใจได้อย่างไร นางคิด ไม่ใช่ว่าโม่จื่อเฟิงอยาก เห็นคนเหล่านั้นที่เวลานี้ยืนอยู่ข้างเดียวกับเขาก็เท่านั้น ก็จะเหมือนกันกับที่เขาทำการทดสอบนางนั่นเอง
“อีกอย่าง ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ ในเหตุการณ์นี้ นั้น ท่านอ๋องถือว่าเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บ” ชิงจู๋พูดต่อ “ผู้ ได้รับบาดเจ็บควรที่จะได้รับปลอบขวัญ ดังนั้นท่าน อ่องถึงได้ใช้โอกาสนี้ในการของงานสมรส
พระราชทานจากฮ่องเต้”
มือที่ถือถ้วยชาของหลินซินเยียนนิ่งไม่ไหวติง ใน ใจตกตะลึงเป็นระลอก เดิม โม่จื่อเฟิงวางแผนทุกอย่าง ไว้ก่อนแล้ว ทุกเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเขาวางแผนแล้วก็จะเป็น ไปตามแผนเท่านั้น เวลานั้นต่อให้ยายหลิวไม่ให้เขา ทำร้ายตัวเอง เขาก็คิดหาวิธีที่จะให้ตัวเองบาดเจ็บอยู่ แล้ว เพื่อที่จะไปขอสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้
นางเป็นผู้หญิงที่ไม่ใช่ว่างร่ำรวยสูงส่ง ต้องเป็น พระชายาพระชายารองของอู่เซวียนอ่อง เขาถึงกับใช้ ความคิดเยอะขนาดนี้เลยทีเดียว นางควรจะซาบซึ้งกับความทุ่มเทของเขา หรือว่าควรจะเหน็บแนมตำแหน่ง พระชายารองน่าขันที่ตกมาอยู่ที่คนต่ำต้อยนี้ดี