ตอนที่ 202 อุ้มลูก
ในจวนอู่เซวียนอ๋องนั้นไม่ได้มีงานเฉลิมฉลองมา นานแล้ว ครั้งที่แล้วก็คืองานสมรสของอู่เซวียนอ่อง แต่ ว่าเวลานั้น ถึงแม้ว่าจะจัดงานฉลอง แต่ว่าตัวของอู่เซวี ยนอ๋องนั้นก็แค่ทำพิธีไหว้ฟ้าดิน หลังจากนั้นก็ปรากฏ ตัวในงานเลี้ยงครู่เดียวก็จากไปแล้ว
แต่ระยะนี้ อู่เซวียนอ๋องจัดงานเลี้ยงฉลอง งาน ฉลองนั้นจะดูฟุ่มเฟือยหรูหรามากกว่างานสมรสก่อน หน้านี้เสียอีก เพราะเหล่าขุนนางผู้อาจหาญนั้น ต้องการที่จะมาเอาใจเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่นี้ ล้วนมาเข้า ร่วม แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังจัดตั้งให้ขันทีผู้แทนนำ รางวัลอันล้ำค่ามามอบให้ด้วย
เซียวฉางเยว่เป็นชายาของอู่เซวียนอ๋อง ก็ต้อนรับ แขกเหรื่อที่ร่ำรวยอย่างดีและอบอุ่น แต่ไหนแต่ไรนาง ก็มีความเชี่ยวชาญด้านมารยาทของบุตรสาวตระกูล มั่งมีเมื่อได้ทำการต้อนรับ ไม่ว่าจะจริงใจหรือว่าเส แสร้งแกล้งทำ พวกคุณนายทั้งหลายก็ชื่นชมนาง ชื่นชมว่าท่านอ๋องได้แต่งชายาที่ดี
นี่ก็ทำให้อวิ่นเสียวอิงที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งฟังแล้ว รู้สึกไม่มีรสชาติเลย ดื่มเหล้าไปหลายแก้ว หลังจากนั้น ก็ถูกสาวใช้ประคองตรงกลับห้องไปก่อนแล้ว
ด้านหน้าห้องรับแขก โม่จื่อเฟิงให้คนไปนั่งที่เก้าอี้ รับรองแขกในงาน แต่เขากลับอุ้มลูกนั่งอยู่บนเก้าอี้ รอให้คนทั้งหลายเข้ามาพูดชมเชยลูกจนหมด
ล้วนเป็นเหล่าข้าราชการจอมปลอมทั้งนั้น ที่มี ความถนัดในเรื่องการพูดจากในท้องพระโรง ดังนั้นคน ทั้งหลายจึงพูดจาน่าฟังกันหมด เด็กที่กำลังจะครบ หนึ่งเดือนเต็มเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ใครก็รู้ว่าคำพูดพวก นี้เป็นคำพูดต่อหน้าเท่านั้น แต่ท่านอ๋องที่ฉลาดเฉียบ แหลมในทุกวันกลับเชื่อว่าเป็นจริง ในความรู้จักของ เขา คำพูดโกหกพวกนี้ของพวกขุนนางที่สุดแล้วก็คือ คำพูดความจริงครั้งใหญ่
ดังนั้นโม่จื่อเฟิงพอใจมาก ถึงแม้ว่าจะยิ้มอย่าง จางๆอย่างยากเย็นให้กับเหล่าขุนนาง ด้วยเหตุนี้ เหล่า ขุนนางที่ได้รับความชื่นชอบจนตกตะลึงยิ่งเหมือนกับ ได้เพิ่มแรงกำลังจากการยกย่องอย่างไรอย่างนั้น ยิ่ง คุยโวต่อก็ยิ่งชื่นชมเด็กนั้นจนตาย
เมื่ออินฉีเดินเข้ามาในงานเลี้ยงก็เห็น ภาพที่ ข้าราชการมาประจบเอาใจ แม้แต่โม่จื่อเฟิงที่อยู่ตรง หน้าเขายังรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึง คนอื่น ถ้าไม่ใช่ว่าเห็นด้วยตา เขาคงจะไม่เชื่อ โม่จื่อเฟิ งก็มีอีกด้านที่เป็นพ่อที่อ่อนโยน
ในฐานะที่หลินซินเยียนเป็นแม่นั้น ในงานฉลอง ครบรอบหนึ่งเดือนของลูกนั้นนางจะต้องปรากฏตัวที่ งานแน่ แต่ว่านางเป็นผู้หญิง ดังนั้นจึงไม่สามารถเข้าไป ในห้องโถงได้ ทำได้เพียงมาอยู่ที่ห้องด้านหลัง
“เอ๋ พี่สะใภ้มาแล้ว” เซียวฉางเยว่เห็นหลินซินเยียนมาจากไกลๆ อยู่ต่อหน้าคนอื่น นางมักแสดงท่าที มีมารยาท เสียงเรียกพี่สะใภ้นี้เรียกอย่างรู้สึกไม่คาด คิดเลยสักนิด
หลินซินเยียนเดินเข้ามาใกล้ โค้งตัวทำความ เคารพ เซียวฉางเยว่ก็ลากหลินซินเยียนเข้ามาในกลุ่ม คุณนายของขุนนางทั้งหลาย “ท่านนี้เป็นแม่ของลูก บุญธรรมของข้า นางเป็นคนที่มีนิสัยอ่อนโยน ไม่ชอบ พูด ขอให้พวกท่านโปรดอภัยด้วย”
“ที่ไหนกัน ที่ไหนกัน ข้ามองว่าสะใภ้ท่านนี้เป็นคน ซื่อสัตย์ คิดแล้วเด็กคนนั้นก็คงจะเป็นคนซื่อสัตย์มี สัจจะเช่นกัน” คุณนายเหล่านั้นรีบพูดประจบ
หลินซินเยียนยืนอยู่กลางกลุ่มคน รู้สึกว่ารอยยิ้มที่ ยิ้มอยู่บนใบหน้าเหล่านั้น แต่รอยยิ้มของเหล่าคุณนาย ที่ยิ้มไปไม่ถึงตานั้นหัวเราะกิ๊กๆไม่เข้ากัน อย่างไรนาง กับพวกนางก็ไม่อาจเป็นเพื่อนกันได้ ดังนั้นนางจึงได้ ตัดคำพูดประจบเอาใจเหล่านั้น แล้วมายืนเงียบๆด้าน หนึ่ง
เมื่องานฉลองเริ่ม เซียวฉางเยว่ก็ลากหลินซิน เยียนมานั่งที่โต๊ะหนึ่ง แถมยังคีบอาหารให้นาง สะใภ้ที่ สามารถนั่งกินข้างโต๊ะเดียวกับเซียวฉางเยว่ได้นั้น ล้วน เป็นคุณนายของข้าราชการที่มีผลงานดีเด่น ดังนั้น เวลาที่พูดคุยก็จะมีความมั่นใจกว่าคนทั่วไป
คุณนายหนึ่งในนั้นกินข้าวไปหัวเราะไปแล้วถาม “ใช่แล้ว พระชายา งานเลี้ยงครบรอบหนึ่งเดือนของคุณชายน้อยครั้งนี้ แต่ว่าท่านดูพวกเราก็มาถึงนานแล้ว ยังไม่ได้เห็นเด็กน้อยที่น่ารักเลย พวกเราพี่น้องอยาก จะไปดูเสียหน่อย ว่าเด็กคนนั้นจะน่ารักขนาดไหน ถึง ได้ทำให้ท่านอ๋องของพวกเราโปรดปรานได้ขนาดนี้”
เซียวฉางเยว่ถูกถามประโยคนี้ มุมปากก็ค้าง ตาม หลักงานเลี้ยงฉลองครบหนึ่งเดือนนั้น ผู้หญิงจะพาลูก มาอยู่ห้องด้านหลัง แต่ว่าครั้งนี้โม่จื่อเฟิงกลับปรากฏ ตัวใกล้ชิด ไม่ปล่อยมือจากเขาสักวัน ต่อให้เป็นช่วง เวลานี้ นางก็ไม่สามารถพาลูกมาได้ แต่ว่าอยู่ต่อหน้า คุณนายหลายคนขนาดนี้ คำขอร้องที่เป็นเหตุเป็นผล เช่นนี้นางไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ เช่นนั้นก็เสีย หน้ามากไปแล้ว
เมื่อได้ยินคำว่าลูก แววตาของหลินซินเยียนก็เป็น ประกาย เลยใช้โอกาสนี้พูด “ใช้แล้วพระชายา ที่จริง หลายวันมานี้ข้าไม่ได้เจอลูกเลย อยากเจอสักหน่อย”
“สะใภ้ ท่านดูที่ท่านพูด ลูกเป็นเลือดเนื้อเชื้อไข ของท่าน จะไม่ให้ท่านพบได้อย่างไร ท่านรอที่นี่ก่อน ข้าจะให้คนไปอุ้มมา” เซียวฉางเยว่พูดอย่าง กระวีกระวาด หลินซินเยียนพูดเช่นนี้ ทำให้นางคิดคำ พูดที่เป็นเหตุเป็นผลออก
นางรีบเรียกกุ้ยมามามา กำชับว่า “กุ้ยมามา ท่าน ไปบอกท่านอ๋องนะว่าสะใภ้คิดถึงลูกแล้ว อยากจะพบวี จิ่ง”
กุ้ยมามารีบรับคำสั่งแล้วจากไป บรรยากาศบนโต๊ะก็ครึกครื้นขึ้นมา คุณนายทั้งหลายก็พูดคุยถึง ความซนของลูกที่บ้าน บนในหน้าของพวกเขาเต็มไป ด้วยรอยยิ้มที่ไม่มีที่สิ้นสุด
มีเพียงหลินซินเยียนที่ใจลอยขณะฟังเสียงจาก ประตู ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเดินรีบๆดังมาจากห้องโถง นางยิ่งกำตะเกียบที่อยู่ในมือแน่นขึ้น
แต่ว่า ลูกไม่ได้ถูกกุ้ยมามาพามา แต่เป็นโม่จื่อเฟิ งอุ้มมา เขาเป็นชายคนหนึ่งอุ้มเด็กมา เดิมก็ดูแล้วไม่ ค่อยเข้า แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อโม่จื่อเฟิงอุ้มเด็กคนหนึ่ง น้ำใจและจิตใจที่แผ่รอบๆตัวของเขาไม่ทำให้คนอื่น รู้สึกขัดตาสักนิด กลับทำให้คนตะลึงในความแปลก
และสวยงาม
ร่างกายของชายคนนี้นั้นเป็นร่างที่สวรรค์มอบให้ โดยแท้ ทุกครั้งที่มองเห็นหลินซินเยียนจะต้องโทษว่า เทวดาไม่ยุติธรรม นิสัยที่ป่าเถื่อนไร้ความรู้สึกแบบนี้ กลับให้กำเนิดเด็กที่มีความคล้ายคลึงกันออกมาได้ นางกระวีกระวาดลุกขึ้นยืน เดินตรงไปด้านหน้า
ของโม่จื่อเฟิง เมื่อเห็นนาง โม่จื่อเฟิงถึงไม่เต็มใจที่จะ
วางเด็กลง แต่ว่าสีหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความไม่
ดีใจ
เหล่าคุณนายทั้งหลายทำความเคารพโม่จื่อเฟิง เพราะการมาถึงของเขา ทำให้คุณนายทั้งหลายต้อง ระมัดระวังตัวมากหน่อย
LEGO มีเพียงแค่หลินซินเยียน ใจของนางอยู่ที่ลูก เมื่อลูกตกเข้าสู่อ้อมอกของนาง นางถึงได้รู้สึกอยากร้องไห้ นี่ยังไม่ถึงสิบวัน ลูกโตมากขึ้นถึงเพียงนี้ ไม่แห้งเหี่ยว เหมือนตอนที่ออกมาจากท้องเลย กลับมาที่เด็กอ้วน ท้วนสมบูรณ์ เขาเห็นหลินซินเยียนยังปรากฏลักยิ้ม อย่างชื่อๆขึ้นมาคู่หนึ่ง
เพราะท่าทางที่น่ารักเช่นนี้ หลินซินเยียนจึงอดไม่ ได้ที่จะยิ้มออกมา ใช้แก้มถูหน้าของลูก ความรู้สึกที่ อ่อนนุ่มเข้าจู่โจม ใจของนางลอยขึ้นอย่างไม่มีจุด หมายด้วยความอบอุ่น
คุณนายทั้งหลายเข้ามาใกล้ๆแล้วเห็นเด็กน้อยน่า รัก และเอ่ยปากชมเชยกัน ได้ยินคำพูดชมเชยเช่นนี้ สีหน้าของโม่จื่อเฟิงถึงได้ดูดีขึ้นมาหน่อย
เซียวฉางเยว่เองก็เดินเข้ามาใกล้ๆ ยื่นมือเข้ามาหา หลินซินเยียน “พี่สะใภ้ ขอข้าอุ้มวี่จิ่งหน่อย วี่จิ่งที่น่ารัก นี้ ข้าเองก็ชอบมากเช่นกัน พี่สะใภ้ ให้ข้าอุ้มหน่อย
หนา” นางพูดด้วยสีหน้าจริงใจ เมื่ออยู่ต่อหน้าคน มากมาย นางก็แสดงสีหน้าทั้งอ่อนโยนและมีเมตตา
อย่างเต็มที่