ตอนที่ 205 เปลี่ยนเป็นตกตะลึงตั้งแต่ต้น
อาศัยช่วงเวลาที่เหล่าขุนนางกำลังปลอบใจ ครอบครัวของตัวเอง อินฉีเดินไปยังซอกมุมหนึ่งอย่าง ไม่มีชีวิตชีวาตรงหน้าของแม่นมคนหนึ่ง แม่นมคนนั้น เงยหน้ามองอินฉี อินฉีพยักหน้าให้นาง หน้าของแม่นม ปรากฏความเด็ดเดี่ยว หลังจากนั้นแม่นมคนนั้นก็ กัดฟันทันที แล้วอาเจียนออกมาเป็นเลือดสด
“อ่า” แม่นมร้องเสียงดังแล้วล้มลงไปอยู่ที่พื้น เมื่อ ทุกคนมองมา แม่นมคนนั้นก็ตายแล้ว
อินฉีชี้ไปที่ศพของแม่นมคนนั้นอย่างตกตะลึง หลังจากนั้นก็หันไปพูดเสียงเย็นกับทุกคนว่า “นางตาย เพราะยาพิษแล้ว”
“นี่ นี่จะทำอย่างไรดี แม่นมคนนี้เกิดจากยาพิษ เช่นนั้นยาที่อยู่ในร่างของเราก็จะออกฤทธิเช่นเดีย วกันรึไม่”
“เหตุใดอู่เซวียนอ๋องถึงได้โหดร้ายเช่นนี้ สั่งการ
ทุกคน ยังไม่ทันตรวจสอบให้แน่ชัดก็ให้ทุกคนดื่มยา พิษเสียแล้ว” “ใช่แล้ว พวกเราล้วนเป็นขุนนางในราชสำนัก ต่อ ให้เขาเป็นอู่เซวียนอ่องก็เถอะ ก็ไม่ควรจะไม่เคารพ
ครอบครัวของพวกเราเช่นนี้ รังแกคนมากไปจริงๆ คิด
ว่าในแคว้นหนานเยว่นี้ อู่เซวียนอ๋องจะทำอะไรก็ได้
อย่างนั้นรึ”
ถ้าเป็นเวลาปกติ ใครจะกล้าขัดคำพูดของอู่เซวีย นอ๋อง แต่ว่าครั้งนี้โม่จื่อเฟิงทำเกินไปจริง ทำให้คนทั้ง หลายโมโห
แต่ว่าความโกรธของพวกเขานั้นยังไม่ทันระบาย ก็ได้ยินเสียงที่น่าตะลึงก็ดังขึ้นอีก มีคนตายอีกแล้ว แต่ ว่าครั้งนี้คนที่ตายไม่ใช่แม่นมแต่เป็นภรรยาของขุนนาง จำนวนหนึ่ง
เวลานั้น ในที่นั้นก็เปลี่ยนเป็นยุ่งเหยิง เสียงคำราม ที่หวาดกลัวดังขึ้นเรื่อยๆ
“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง ข้าไม่อยากตาย”
“ที่รัก ทำอย่างไรดี ในท้องของข้ายังมีเลือดเนื้อ เชื้อไขของท่านนะ”
เหล่าขุนนางก็ลุกลี้ลุกลน มารวมตัวกันรอบๆอินฉี “ท่านอัครเสนาบดี ท่านพูดอะไรหน่อย วันนี้จะทำ อย่างไรดี” อินฉีทำหน้าลำบากใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถอน
ใจ “จากที่ข้าเห็น ไม่สู้พวกเราไปรวมตัวกันพบฮ่องเต้ดี
ไหม”
“ใช่ ใช่ พวกเรารวมชื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ไม่เชื่อว่า เวลานี้ฮ่องเต้จะปกป้องอู่เซวียนอ๋อง”
“ใช่ เพื่อความปลอดภัยของเมียข้า ต่อให้ต้องแลก ด้วยชีวิต ข้ายอมแตกหัก ไป พวกเราไปเข้าวังกันเดี่ยว นี้
อินฉีเป็นอัครเสนาบดี เดินนำหน้าเหล่าขุนนาง
อย่างไม่เสียใจ คนทั้งหลายเห็นเขาสงบนิ่งและยืดอก อย่างกล้าหาญในเวลาเช่นนี้ได้ ก็เคารพเลื่อมใส ชื่นชมในตัวอินฉีมากขึ้น
สองข้างของถนนยาวมีโคมไฟแขวนอยู่เล็กน้อย ล้วนเป็นโคมไฟของร้านค้าที่ยังไม่ได้ปิดนั่นเอง
รถม้าที่หรูหราวเคลื่อนตัวอยู่ในถนนยาวนั้น เสียง กีบม้าดังขึ้นเป็นขบวน เสียงกีบม้าดึงถี่ๆ ฝุ่นละออง ลอยเข้าตาคนที่อยู่บนถนน ทำให้คนที่อยู่บนถนน ด่าทอด้วยความโกรธต่อๆกัน
ในรถม้า หลินซินเยียนมองลูกที่อยู่ในอ้อมอกของ โม่จื่อเฟิงตลอด ผื่นแดงที่อยู่ตรงท้องของวี่จิ่งแพร่พระ จายขึ้นมาเรื่อยๆ ลามขึ้นมาถึงข้างแก้มแล้วผื่นแดงที่ ชิดๆกันนั้นดูแล้วแทรกซึม และราวกับว่ากำลังวังชา ของจริงจะไม่ค่อยดี ลูกตาของเขาก่อนหน้านี้ยังกลิ้ง ไปกลิ้งมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะอ่อนเพลีย หนังตาตกดู แล้วหงอยเหงาเศร้าซึม
นางร้อนใจ ยาพิษนี้ เป็นยาที่นางลงมือให้ลูกเอง เพียงเพื่อที่จะมีโอกาสสัมผัสกับวี่จิ่ง แต่ว่า ท่านโจว บอกอยู่ชัดๆว่ายานี้เพียงแค่ปรากฏให้เห็นภายนอก แต่ ว่ายานี้ไม่ได้มีผลกระทบมากถึงจะทำให้เกิดผื่นแดง เช่นนี้ ไม่มีทางที่จะเป็นอันตรายกับร่างกายของลูก
แต่ว่านางดูจากสถานการณ์ของวี่จิ่งตอนนี้ ผื่น แดงนั้นดูแล้วจะไม่เหมือนที่ท่านโจวบอกว่าไม่เป็นอันตราย นางอดไม่ได้ที่จะกลัวขึ้นมา คิดแต่ว่ามีจุดที่ท แม่งๆ
แผนเดิมของอินฉีและนางคือวางยาลูก ให้วี่จิ่งมี ผื่น หลังจากนั้นก็เสนอให้มาหาท่านโจว ท่านโจวคิดหา วิธีให้โม่จื่อเฟิงใช้ยาสลบ หลังจากโม่จื่อเฟิงสลบไป อินฉีค่อยวางแผนให้นางและลูกจากไป
จากสายตาที่เป็นกังวลของนาง ต้นคอของโม่ จื่อเฟิงก็ขยับ พูดว่า “วางใจเถิด ข้าจะไม่ให้เกิดเรื่อง กับลูกของพวกท่าน”
“อืม.หลินซินเยียนมองโม่จื่อเฟิงอย่าง ประหลาดใจ แต่ไหนแต่ไรเขาไม่ใช่คนที่จะปลอบโยน คนอื่น อีกอย่าง นางคิดอย่างละเอียดแล้ว ตั้งแต่ที่โม่ จื่อเฟิงอุ้มลูกมาที่หลังจวน สายตาที่เขามองนางนั้นมัน แปลกๆ เหมือนกับตอนนี้ สายตาของเขานั้น..ตรง เกินไป
นางอดไม่ได้ที่จะลูบหน้าของตัวเอง รู้สึกได้ว่าผิว หน้าของนางเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ใจของ นางขบคิดว่าไฟในรถม้าไม่สว่าง เขาไม่น่าสังเกตเห็น ความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของนางได้เร็วขนาดนี้
“ใช้แล้ว ท่านโจวคนนั้นสามารถพึ่งพาได้ไหม” โม่ จื่อเฟิงพลันถามคำถามนี้ขึ้น ทำให้หลินซินเยียน ประหลาดใจ LEGO
หลินซินเยียนลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยัก
หน้า หนึ่งปีกว่าที่อยู่ด้วยกัน ท่านโจวและยายหลิวดีกับนางเหมือนคนในครอบครัว นางเชื่อใจพวกเขาได้ แน่นอน
“เช่นนั้นก็ดี” โม่จื่อเฟิงตอบประโยคเดียว แต่ว่า หน้าผากของเขากลับปรากฏร่องรอยของความกังวล ใจมากขึ้นเรื่อยๆ
ในความทรงจำของหลินซินเยียนนั้น โม่จื่อเฟิง ชอบย่นคิ้ว นั่นแสดงถึงว่าเขาไม่พอใจก็เท่านั้น แต่ว่า ความกังวล ราวกับว่านางกลับไม่เคยเห็นมันปรากฏบน ใบหน้าเขามาก่อน เหมือนเขาจะเชื่อมั่นในตัวเองมาก ความมั่นใจสามารถแก้ไขปัญหาวุ่นวายทุกอย่างได้
ดังนั้นเมื่อโม่จื่อเฟิงปรากฏสีหน้ากังวลใจนั้น ไม่รู้ ว่าทำไม ใจของหลินซินเยียนถึงได้หล่นฮวบ รู้สึก เหมือนว่าไม่ได้สังเกตบางสิ่งไป เบื้องลึกที่สุดของ หัวใจรู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยรุนแรงมาก
รถม้าเดินทางมาถึงเรือนของท่านโจวเร็วมาก หน้า ประตูมีโคมไฟ ไม่เปลี่ยนจากตอนที่นางออกมาจาก บ้านก่อนพลบค่ำเลย
จินมู่ที่รับหน้าที่ในการบังคับรถม้ากระโดดลงจาก รถ ประคองโม่จื่อเฟิงและหลินซินเยียนลงจากรถ ทั้ง สามคนรีบเดินเข้าไปในห้องโถง เมื่อมองไปก็เห็นท่าน โจวและยายหลิวนั่งดื่มชาอยู่ในห้องโถง
“เอ๋ เหตุใดท่านจึงกลับมาอีก เกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือ” ท่านโจวแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ยืนขึ้นและเดินมา หา
“หลี่จิ่งถูกพิษ รบกวนท่านโจวช่วยดูหน่อย” หลินซิน เยียนพูดอย่างร้อนใจ
ท่านโจวได้ยินเช่นนั้น หน้าของเขาก็ปรากฏสีหน้า รีบร้อน รีบรับเด็กมาตรวจชีพจร อาศัยช่วงเวลาที่เขา จับชีพจรนั้น ยายหลิวก็รินชาร้อนให้หลินซินเยียนและ โม่จื่อเฟิง
“ดื่มชาร้อนสะกดอารมณ์หน่อย” ยายหลิวปลอบ หลินซินเยียนโดยการตบบ่านาง
หลินซินเยียนไหนเลยจะมีอารมณ์มาดื่มชา ทำ เพียงแค่มองท่านโจวจับชีพจรของวี่จิ่งตาปริบๆ
“เอ๋ ถูกพิษจริงๆด้วย แต่ว่าไม่ต้องกังวลไปนะ ใน ห้องข้ามียาถอนพิษ ข้าจะพาเขาไปทายา” ท่านโวพูด ไป อุ้มเด็กเดินไปทางห้องของเขา
ท่านโจวรีบร้อน ฝีเท้าจึงเร็วนัก ไม่กี่ก้าวก็เดินมา ถึงห้องของตัวเองแล้ว
หลังจากท่านโจวจากไป หลินซินเยียนก็ย่นคิ้ว
เหมือนคิดอะไรบางอย่างออก พลันถามยายหลิว “สรือ
โถวเล่า สรือโถวไปไหน”
ยายหลิวกำลังจะตอบก็ได้ยินเสียงขอหนักหล่น ลงพื้นจากห้องเก็บฟื้นไกลๆ
ไม่รู้ทำไม ใจของหลินซินเยียนจึงเต้นเร็วขึ้น นาง เดินไปยังห้องเก็บฟืนอย่างรีบร้อน เมื่อเดินไปใกล้แล้ว ก็ผลักประตูห้องเก็บฟืน ก็เห็นสรือโถวถูกมัดไว้กับเก้าอี้