ตอนที่ 207 บททดสอบ
หลินซินเยียนคิดไม่ถึงเลยว่า เมื่อถูกคนที่ตัวเอง ไว้ใจคนหนึ่งนำดาบมาจ่ออยู่ที่คอของตัวเองนั้น ใจ ของนางจะหนาวเหน็บเช่นนี้
“ยายหลิว ข้าคิดมาตลอดว่าท่านเป็นคนที่สมควร ได้รับความเคารพจากข้า หนึ่งปีที่ผ่านมา ข้าก็ถือว่า ท่านเป็นคนในครอบครัวของข้า คิดไม่ถึงเลยว่าตอน นี้ นับว่าข้าตาไม่ถึงสินะ” หลินซินเยียนเศร้า นึกถึง ตอนที่นางตั้งครรภ์ ยายหลิวจะเปลี่ยนวิธีเคี่ยวซุปมา ให้นางดื่มทุกวัน นางยิ่งไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่ดีต่อนาง เหมือนกับแม่ดีต่อลูกนั้นจะเปลี่ยนเป็นปีศาจชั่วร้ายได้ ในชั่วพริบตา
หลินซินเยียนเชื่อมาตลอดว่าคนเรามีความรู้สึก เวลาผ่านมาตั้งนาน นางคงไม่ลงมือกับนางโดยไม่รู้สึก อะไรได้กระมัง
มือที่กุมดาบยาวของยายหลิวสั่นเล็กน้อย สีหน้า ของนางมีความเจ็บปวด นางถอนหายใจ น้ำตาไหล “ซิ นเยียน ข้าขอโทษเจ้านะ แต่ว่า ข้าจะไม่เสียใจภาย หลัง เจ้าเข้าใจความรู้สึกที่ต้องดูคนทุกคนที่ตัวเองเป็น ห่วงต้องตายไปต่อหน้าไหม คนร้อยกว่าคน พวกเขา หลั่งเลือดจนพื้นดินตรงนั้นถูกย้อมเป็นสีแดงฉาน ความหายนะทั้งหมด เป็นเพราะข้าทำขึ้นมาเอง ดังนั้น ข้าเป็นนักโทษ ชีวิตนี้ข้าจะต้องไถ่โทษให้ได้”
นางถอนใจ และพูดต่อ “ดังนั้น ติดหนี้เจ้าแล้ว ชาติหน้าค่อยมาเอาคืนนะ” หลินซินเยียนคิดไม่ถึงว่า จะเคยเกิดเรื่องน่าเศร้า
ขึ้นกับยายหลิว มิน่าเล่านิสัยถึงได้เปลี่ยนเป็นมืดดำไม่
ชอบพูด ถ้าหากแบกหนี้แห่งเลือดของคนหลายร้อยคน
ไว้บนหลัง จะต้องไม่มีทางที่จะมีจิตใจที่สบายได้แน่
“อู่เซวียนอ๋อง ดูท่าเจ้าจะไม่ได้สนใจว่าผู้หญิงคนนี้ จะเป็นจะตายเลยใช่หรือไม่ ขอโทษด้วยนะซินเยียน ข้า….” ยายหลิวพูดแล้วก็ยกดาบยาวขึ้นมาที่ใบหูของ นางช้าๆ
แต่จากที่ไกลๆนั้น โม่จื่อเฟิงหยิบมีดขึ้นมาอย่าง สั่นเบาๆ พริบตาที่ดาบยาวของยายหลิวตกลง เขาก็พูด เสียงเย็นว่า “ข้าตกลง”
ยายหลิวหยุดการเคลื่อนไหว แล้วมองไปยังโม่ จื่อเฟิงอย่างไม่อยากเชื่อ
หลินซินเยียนยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ เพราะว่าเข้าใจ โม่จื่อเฟิง ยิ่งรู้ดีกว่าแก่นแท้ของโม่จื่อเฟิงนั้นเป็นคน เลือดเย็นและหยิ่งทะนง เพื่อผู้หญิงที่ถูกเขาเล่น เหมือนของเล่นแล้ว เขาถึงขั้นยอมแพ้นิสัยของตัวเอง เลยหรือ
หลินซินเยียนไม่เชื่อ ดังนั้นจึงได้แต่กัดริมฝีปาก ล่างแน่นไม่ส่งเสียง เพียงแต่ในสายตาที่เลือนรางนั้น ราวกับว่านางเห็นมือของโม่จื่อเฟิงลงมีด
เลือดสดกระเด็นออกมา แม้แต่เสียงคำรามด้วย ความเจ็บปวดก็ไม่มี มีเพียงเสียงร้องคำรามของเหล่า องครักษ์และจินมู่
“ท่านอ๋อง”
เสียงที่ร้องว่าท่านอ๋อง กระแทกใจของหลินซิน เยียนเข้าอย่างจัง นางอยากจะเห็นตรงหน้าทั้งหมด แต่ ว่านางไม่อาจหยุดน้ำตาของนางไว้ได้ เหมือนเขื่อน แตกน้ำท่วมจนบดบังสายตาของนางทุกอย่าง นาง เพียงแค่เห็นลางๆว่ามีสีแดงแสบตาอยู่ข้างหน้า
ไม่ได้ นางมองไม่เห็น ดังนั้นนางจึงไม่เชื่อได้ ทั้งหมดว่าโม่จื่อเฟิงนั้นตัดเส้นเอ็นที่เท้าของเขาแล้ว เขาเป็นอู่เซวียนอ่องนะ เข้าไม่ใช่คนธรรมดา
ร่างกายของเขานั้นแบกรับชีวิตของแคว้นหนานเยว่ไว้
เขาทำให้ประเทศที่เป็นศัตรูกลัว และเป็นอู่เซวียนอ๋อง ที่มีอำนาจควบคุมระบบบ้านเมืองให้น่าเกรงขาม เหตุใดเขาถึง เหตุใดจึงทำเช่นนี้เพื่อผู้หญิงคน
หนึ่ง ทำลายทุกอย่างของตัวเอง
นางผิด
นางผิด
เป็นเพราะนางเป็นจุดอ่อนของเขา นางและลูก
กลายเป็นภาระของเขา
ราวกับว่าหลินซินเยียนพลันเข้าใจอะไรหลายๆ เรื่อง เขาที่ยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่สูงส่ง ถ้าหากว่าไม่เลือดเย็นพอ ไม่ป่าเถื่อน ไม่ปฏิเสธแล้ว คนที่จะต้อง ตายจะเป็นเขาไม่ใช่ศัตรู
และครั้งนี้ เขาไม่โหดเหี้ยมมากพอ ดังนั้น เขาจึง
แพ้
“โม่จื่อเฟิง เหตุใดท่าน…ท่านทำไม่ได้นะ….” หลินซินเยียนร้องไห้ไม่มีเสียงสะอื้นไห้ไปแล้วก็ปาด น้ำตา แต่ว่าไม่ว่านางจะเช็ดอย่างไร เบ้าตาของนางก็ เต็มไปด้วยน้ำตา นางอยากจะเห็นเขาในตอนนี้ชัดๆ ไม่ ว่าจะหยิ่งทะนงหรือว่าจะเย็นชา หรือว่าจะโกรธแค้น นางก็อยากเห็น
“ซินเยียน ดูแล้วอู่เซวียนอ๋องจะใส่ใจเจ้ามากกว่า ที่เจ้าคิดนะ เช่นนี้ ก็ดี” ยายหลิวคล้ายกับว่าถอนใจ อย่างคลายกังวลวางกระบี่ยาวที่อยู่ในมือลง
ราวกับว่าช่วงพริบตานั้น หลินซินเยียนเห็นเพียง ภาพสว่างจนถึงข้างหูส่งเสียงคำราม หลังจากนั้น ก็ได้ ยินเสียงเหมือนมีมีดแทงเข้าไปในเลือดเนื้อจนเกิด เสียง
นางยังไม่ได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดาบยาวที่จ่ออยู่ที่ คอนางก็ร่วงลงสู่พื้น ตามมาด้วยศพของยายหลิว
อุบัติเหตุนี้ทำให้นางลืมร้องไห้ ปาดน้ำตาทิ้ง ใน ที่สุดทางก็เห็นทุกอย่างตรงหน้า
เหล่าองครักษ์สู้กับชายชุดดำ ท่ามกลางความ สับสนอลหม่านนั้น จินมู่มาอยู่ข้างกายโม่จี่ื่อเฟิงแล้วโม่จื่อเฟิงอยู่ในอ้อมอกของจินมู่ สองเท้าของเขาเต็ม ไปด้วยเลือดสด สายตาของเขามองตรงมาด้านหน้า มองมาทางหลินซินเยียนที่ยืนอยู่หน้าประตู
ราวกับว่าหลินซินเยียนเป็นคลื่นปืนไปหาข้างกาย ของเขา นางลุกลี้ลุกลนเอามือไปปิดบาดแผลของเขา ไว้ เหมือนกำลังห้ามเลือดให้เขา แต่ว่าเลือดสดของเขา ก็ยังไหลผ่านง่ามนิ้วของนางออกมาไม่หยุด นางยิ่งปิด ยิ่งกลัว สุดท้ายแล้วทั้งตัวของนางก็สั่นไม่หยุด
“พอแล้ว ข้ายังไม่ตาย ยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าต้อง ร้องไห้” โม่จือเฟิงย่นคิ้ว กลับยกมือขึ้นลูบหน้าของนาง เขายิ้มอย่างเศร้าโศก “ไม่รู้จริงๆว่าเจ้าให้ข้ากินยาพิษ อะไร ถึงทำให้ข้าทำเพื่อเจ้าได้ขนาดนี้ ผู้หญิง เช่นนี้ แล้ว เจ้าพอใจหรือยังเล่า”
หลินซินเยียนส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย จับมือ ของเขาแน่น “โม่จื่อเฟิง ข้าไม่พอใจ ข้า….ข้าต้องการ ให้ท่านอยู่ดี”
“เอ๋” โม่จื่อเฟิงหัวเราะเสียงเย็น “ไม่ใช่ว่าเจ้า ต้องการจะหนีไปจากข้าหรือ ไม่ใช่ว่าอยากจะฆ่าข้าให้ ตาย”
“ไม่” หลินซินเยียนยื่นมือไปปิดปากเขา ไม่ให้เขา พูดต่อ “ข้าอยากหนี ก็เพราะว่ากลัวว่าตนเองจะเปลี่ยน เป็นผู้หญิงชนิดที่ว่าจะต้องต่อสู้ใช้เล่ห์เพทุบายกับผู้ หญิงคนอื่นไม่หยุดหย่อนเพื่อผู้ชายคนหนึ่ง ข้าแค่ อยากมีสามีที่เป็นของข้าคนเดียวก็เท่านั้น โม่จื่อเฟิงแต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยคิดอยากให้ท่านตาย”
ใช่แล้ว ต่อให้เขาเคยป่าเถื่อนกับนางอย่างถึงที่สุด แต่นางก็ไม่เคยคิดอยากให้เขาตาย
โม่จื่อเฟิงเงียบลง สายตาของเขาจ้องมองแต่หน้า
ของนาง พลันเงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะ แต่รอยยิ้มของ เขานั้นก็ยังมีความชั่วร้ายและความป่าเถื่อนอยู่ เขาพยักหน้า ยื่นมือมาเชยคางของหลินซินเยียน
พูดช้าๆ “หลินซินเยียน เจ้าควรจะดีใจที่เจ้าผ่านการ
ทดสอบของข้า มิเช่นนั้น….”
การทดสอบ
หลินซินเยียนใจเต้น ใบหน้าของนางกลับปิดบัง ความงงงวยไม่ได้ ไม่รอนางถามคำถาม ก็เห็นอุโมงค์ ใต้ดินมีควันทะลักออกมา หลังจากได้ยินเสียงไอสำลัก ท่านโจวก็อุ้มลูกเดินทะลุอุโมงค์ออกมา
มีองครักษ์ยืนรออยู่หน้าอุโมงค์แล้ว เมื่อเห็นท่าน โจวปรากฏตัว ก็นำคนไปคุมตัวทันที
ที่ไหนได้ โม่จื่อเฟิงวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วรี
เวลานั้น หลินซินเยียนพลันรู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่ตรง หน้านั้น น่ากลัวกว่าที่คิดไว้เสียอีก