ตอนที่208 รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่
องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าถ้ำแย่งชิงวี่จิ่งที่อยู่ใน อ้อมอกของท่านโจวมา แล้วส่งกลับคืนสู่มือของโม่ จื่อเฟิงอย่างนบนอบ
ในสภาพแวดล้อมที่มีผ้าพันแผลเลือดสดนั้น ชาย ที่ไร้ความรู้สึกมีเลือดท่วมตัวอุ้มลูก ภาพนี้ช่างทำให้ รู้สึกแปลกประหลาด กลับไม่รู้สึกว่าขัดตาเลยแม้แต่ น้อย
ชายชุดดำที่อยู่ในห้องโถงถูกชำระสะสางไปพอ สมควร องครักษ์ของโม่จื่อเฟิงนั้นเดิมก็เป็นคนที่มีฝีมือ ดี ดังนั้นต่อให้อีกฝ่ายมากกว่า แต่ว่าเมื่อต่อสู้กันวัดแพ้ ชนะก็ไม่ต้องร้อนใจเลยสักนิด
“ท่านอ๋อง ชำระสะสางพวกชายชุดดำเรียบร้อย แล้ว มีทั้งหมดสามสิบแปดคน ล้วนเป็นทหารกล้าตาย ไม่เหลือไว้ให้ปากคำได้ ” มีองครักษ์มารายงานด้าน หน้า
โม่จื่อเฟิงตอบรับ โบกมือไปมา กำชับกับจินมู่ว่า “กลับเถิด”
“รับทราบ ท่านอ๋อง” จินมู่ขานรับ แล้วแบกโม่ จื่อเฟิงไว้บนหลัง เดินก้าวใหญ่ๆออกจากห้องโถง ขณะ ที่เดินนำไปก็หันมากำชับกับองครักษ์สองคนว่าให้พา หลินซินเยียนไปด้วย
หลินซินเยียนรู้สึกว่าตอนนี้เหมือนอยู่ในเมฆหมอก ถ้าหากไม่ใช่ว่าบนพื้นมีศพเต็มไปหมดและเลือดสดที่ นองอยู่จริง นางจะต้องสงสัยว่าทั้งหมดนี้เป็นความฝัน ร้ายที่น่าหวาดกลัว
นางเดินสะเปะสะปะตามโม่จื่อเฟิงขึ้นรถม้าที่ หรูหรานั่นไป แต่ว่าอารมณ์ในตอนมาและตอนนี้นั้นไม่ เหมือนกันเลย
เมื่อจัดแจงให้โม่จื่อเฟิงนั่งในรถม้าแล้ว จินมู่ก็ออก ไปขับรถม้า ในรถม้า เหลือเพียงแค่หนึ่งครอบครัวที่มี สามคน
ตอนนี้โม่จื่อเฟิงถึงได้ส่งลูกให้หลินซินเยียน หลิน ซินเยียนรับลูกมาอย่างตกตะลึง เห็นผื่นที่อยู่บนหน้า ของวี่จิ่งไม่แพร่กระจายแล้ว และมีแนวโน้มว่าจะลดลง
โม่จื่อเฟิงถือยาจินช่วง จัดการปากแผลของตัวเอง อย่างสุขุม ต่อให้เป็นเวลานี้ กิริยาของเขาก็ยังคงมีสง่า และดูมีฐานะสูงส่ง
“อาการบาดเจ็บของท่าน…” ลำคอของหลินซิน เยียนแห้งฝืด แต่อดไม่ได้ที่จะถาม
โม่จื่อเฟิงเลิกคิ้วมองนาง เย้ยหยั่นนาง “ทำไมหรือ เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถตัดเส้นเอ็นที่เท้าเพื่อเจ้าได้ อย่างนั้น”
ใช่สิ เขาจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร
หลินซินเยียนพลันรู้สึกว่าคำถามของนางช่างน่าขัน เมื่อได้ยินเพียงคำตอบนี้ของเขา ใจของนางก็รู้สึก หดหูอย่างยากที่จะควบคุม
“แต่ว่าตัดที่ข้อเท้าไปหนึ่งครั้งก็เท่านั้น ในสภาพ แวดล้อมที่มืดขนาดนั้น ใครจะรู้ว่าข้าไม่ได้ตัดโดนเส้น เอ็นเท้า ยายบ้าคนนั้นโง่ เจ้าก็โง่ด้วยหรือ แต่ว่าก็ยังดี เห็นเจ้าเป็นห่วงข้าจริงๆไม่ได้แสร้งทำ อีกอย่างที่ สำคัญที่สุดก็คือ ในเรื่องนี้ เจ้าไม่ได้มีส่วนร่วมกับแผน ของพวกเขา” เวลาที่โม่จื่อเฟิงพูดก็จัดการปากแผล ของตัวเองเสร็จ เขานำผ้าไหมขาวสะอาดพันปากแผล ไว้ ไม่มีเลือดสดหยดแล้ว และไม่มีภาพที่น่ากลัวเหมือน เมื่อสักครู่แล้ว
ดังนั้น ตอนที่เขาพานางมาที่นี่ก็รู้แล้วว่าจะเกิด เรื่องหรือ เขาแค่อยากจะแน่ใจว่านางเป็นพวกเดียวกับ ยายหลิวและท่านโจวหรือไม่ก็เท่านั้นหรือ
อู่เซวียนอ๋อง เจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกเสียจริง เหมือนที่เขาเล่ากันมาว่าแผนสูง
“เช่นนั้น ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้าคือหลินซินเยียน” หลินซินเยียนกัดฟัน จ้องหน้าเขาไม่ขยับ
โม่จ่อเฟิงขำอีก รอยยิ้มของเขาเยาะหยันขึ้นอีก เขาซี้ลูกที่อยู่ในอ้อมอกของนาง “เจ้าดูพิษที่อยู่บนตัว ของลูกสิ เจ้าไม่แปลกใจเลยหรือ ว่าเหตุใดเมื่อเขาถูก พิษ และยังไม่ได้กินยาแก้พิษ ผื่นแดงพวกนั้นถึงได้ ค่อยๆหายไป”
นางเหมือนถูกปลุกให้ตื่น นางเพิ่งจะรู้สึกถึงสภาพที่แปลกประหลาดนี้ นางย่นคิ้ว เดาว่า “หรือว่าเป็นภูมิ ต้านทานที่พิเศษของเขา”
“ไม่ผิด เขาเป็นลูกของข้า ดังนั้นจึงมีภูมิต้านทาน เป็นพิเศษ ไม่ พูดให้ถูกก็คือ เป็นพิษที่อยู่บนร่างของ ข้า เขาเกิดมาก็ต้องได้รับการส่งต่อไปบ้าง ใช้พิษรักษา พิษเคยได้ยินไหม ร่างกายข้ามีพิษรุนแรง สำหรับพิษ เล็กน้อยเช่นนี้ จึงทำอะไรไม่ได้ เขาก็ด้วย” โม่จื่อเฟิงอ ธิบายให้นางฟัง
เดิมหลินซินเยียนนั้นเป็นคนเฉลียวฉลาด เมื่อเขา สะกิดแค่นิดเดียวก็เข้าใจได้ทันที “ดังนั้น ตอนท่านพา เขากลับจวนอ๋อง เมื่อหมอตรวจรักษาร่างกายเขา ท่าน ก็รู้แล้วว่าเขาคือลูกของท่านใช่ไหม ท่านเดาตัวตนของ ข้าได้เลยใช่ไหม”
โม่จื่อเฟิงพยักหน้า “ใช่ พิษที่แปลกประหลาดบน ตัวข้านั้นไม่ใช่คนทั่วไปจะมีโอกาสถูกพิษได้ อย่าง น้อยจนกระทั่งอยู่ตรงหน้า ด้วยกำลังอำนาจของข้าก็ ยังไม่เคยพบเห็นคนที่มีพิษเช่นเดียวกันมาก่อน”
ใครจะคิดได้ถึงตรงนี้เล่า เขารู้จักนางและลูก อย่างคาดไม่ถึง เพราะเหตุผลเช่นนี้ บางทีนี่คงจะเป็น โชคชะตาฟ้าลิขิตในเรื่องเล่า หลังจากถูกส่งต่อ ใน ที่สุดเขากับนางก็เดินบนถนนเส้นเดียวกัน
เมื่อกลับมาถึงจวนอ๋อง มู่เหอก็ยืนรออยู่ที่หน้า ประตูแล้ว เมื่อจินมู่แบกโม่จื่อเฟิงไว้บนหลัง ใบหน้าขอ งมู่เหอก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ แต่ว่า สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจที่สุดไม่ใช่อาการบาดเจ็บของโม่ จื่อเฟิง แต่เป็นหลินชินเยียนที่อุ้มลูกลงจากรถ
“คิดไม่ถึงเลยว่าเป็นท่านจริงๆ” มู่เหอดีใจมาก ปรากฏรอยยิ้มที่จริงใจจริงๆ
หลินซินเยียนพยักหน้าให้เขา ที่อยู่ของมู่เหอนั้น เคลื่อนไปย้ายไปมาไม่เป็นหลักแหล่ง ถึงแม้ว่ามู่เหอจะ เป็นเด็กรับใช้ข้างกายโม่จื่อเฟิงแต่ว่าข้างกายโม่จื่อเฟิง นั้นก็มีจินมู่เป็นทั้งองครักษ์และเด็กรับใช้แล้ว มู่เหอที่ เป็นเด็กรับใช้จริงๆกลับไม่ปรากฏแม้แต่เงา ต่อให้ หลายครั้งที่นางเข้ามาในจวนอ๋อง ก็ยังไม่เคยพบตัว เขา
วันนี้ มู่เหอปรากฏตัวที่ประตูจวนอ๋องอย่างไม่มี หลักฐานยืนยัน ทำให้ใจของหลินซินเยียนยิ่งคาดเดา มากกว่าเดิม
หลังจากมู่เหอทักทายหลินซินเยียนแล้ว ก็รีบตาม จินมูไป หลังจากนั้นก็รายงานโม่จื่อเฟิง “ท่านอ่อง อัคร เสนาบดีอินนำเหล่าขุนนางขี่ม้าไปยังห้องหนังสือเพื่อ พบฮ่องเต้ บุตรสาวของขุนนางเหล่านั้นบางคนเป็นนาง สนมเอก ตอนนี้ยังไปร้องทุกข์กับพระมเหสีที่วังหลวง”
“พูดเช่นนี้ ตอนนี้ที่วังหลวงคงจะวุ่นวายใช่ไหม” โม่จื่อเฟิงไม่ได้หันไป น้ำเสียงของเขาฟังแล้วดูไม่ค่อย ใส่ใจเท่าไหร่
“จะไม่ใช่ได้อย่างไร อีกอย่าง เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นใน เมือง นอกจากด้านในแล้วก็มีคนไปก่อความวุ่นวายที่กองกำลังทหารพระอาทิตย์ในค่ายทหาร แต่ว่าท่าน วางใจเถิด เรื่องราวได้รับการแก้ไขแล้ว คนก่อนเรื่อง ทั้งหลายก็ถูกจับแล้ว แต่ว่า….คนพูดมากเหล่านั้น ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ถามว่าใครเป็นเบื้องหลังในการวาง อุบาย”
มู่เหอพูดไปเดินตามหลังจินมู่ไปที่ห้องของโม่ จื่อเฟิง หลินซินเยียนเดินตามหลังห่างจากพวกเขาสิบ ก้าว เห็นพวกเขาไปห้องของเจ้าบ้าน ก็ลังเลสักครู่แล้ว หยุดเดิน
นางจัดระเบียบคอ แล้วก็ถามคนที่อยู่ข้างหน้าว่า
“นั่น…..ข้า…”
มู่เหอหันมา มองนางอย่างสงสัย “คุณนาย ท่านยืน อยู่ตรงนั้นทำไม รีบตามมาสี ท่านอุ้มลูกเหนื่อยมาก แล้วละสิ ต้องการให้ข้าช่วยอุ้มคุณชายน้อยหรือไม่”
“ไม่ใช่ ….” หลินซินเยียนไออย่างเก้อเขินนิด หน่อย ถึงจะพูด “นั่น ข้าอยากจะถามว่าข้าควรอยู่ ที่ไหน”
นางถามเช่นนี้ มู่เหอถึงได้ตบหัวตัวเอง “อั้ยยะ เคาะความจำของข้า เหตุใดจึงลืมบอกท่าน ห้องด้าน ข้างของห้องท่านอ๋องเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว เป็นห้อง ที่จัดไว้ให้ท่านกับคุณชายน้อยโดยเฉพาะ”
เขาเรียกคุณชายน้อยอย่างคล่องปาก ยิ้มอย่างไม่ คิดอะไร มองบนหน้าของมูเหอนั้นไม่เห็นเลยสักนิดว่า เพิ่งเกิดเรื่องวุ่นวายที่จวนอ่อง