ตอนที่189ทรรศนีย์ภาพที่งดงาม
จริงดั่งคาดเมื่อนางพูดประโยคนี้ก็มีมือยาวคู่หนึ่ง ยื่นออกมาจากรถเขาค่อยๆเปิดหน้าต่างรถม้าหลังจาก นั้นก็มองหลินซินเยียน”ที่ฮูหยินพูดทำไมไม่พูดกับข้า ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว”
คนเจ้าเล่ห์อย่าโม่จื่อเฟิงนั้นไม่มีทางเชื่อคนอื่น ง่ายๆเริ่มแรกเขาก็ถามเช่นนี้แล้ว
เพียงแค่หลินซินเยียนได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บ ปวดของท่านหลิวนางก็ไม่อาจเสียเวลาอยู่กับเขาได้ ถือโอกาสพูดกับเขาอีก”พี่สาวคนนั้นออกจากหมู่บ้าน ก่อนแล้วภายหลังข้าตามสามีออกจากหมู่บ้านเวลาผ่าน ไปตั้งหลายปีแล้วดังนั้นจึงไม่ได้นึกออกทันทีข้าจำได้ ว่าพี่สาวคนนั้นเหมือนจะแซ่หลินชื่อเยียนอะไรนี่แหละ”
โม่จื่อเฟิงได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็น ว่างเปล่าจ้องนางแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า”พูดต่อ”
“ท่านอ่องข้าสามารถบอกท่านได้ทั้งหมดที่ข้ารู้แต่ ว่าท่านช่วยเหลือพ่อบุญธรรมข้าหน่อยได้ไหม”หลินซิน เยียนชี้ไปที่ท่านหลิวที่ถูกคนรุมต่อยตีอยู่ทางด้านหลัง
พริบตานั้นโม่จื่อเฟิงก็ยิ้มสายตาคู่นั้นมองนาง
อย่างลึกซึ้งราวกับว่าเป็นสายที่มองนางนั้นมีเป้าหมาย
คือของหลินซินเยียนแต่ว่าลูกไม้ตื้นๆเช่นนี้สำหรับเขา
ซึ่งอันดับสูงส่งนั้นไม่ได้นับว่าเป็นอะไร
ในโลกของพวกเขานั้นการขอความช่วยเหลือเช่น นี้นั้นพบเจอได้บ่อยครั้งถ้าหากไม่ทุ่มเทและเปิดเผย ข่าวคราวพวกเขาคงจะลังเล
“จินมู่ “โม่จื่อเฟิงตะโกนเรียก
“เพคะท่านอ๋อง”จินมู่โดดลงจากรถม้าแล้วเดิน เข้าไปในภัตตาคารเห็นคนหนุ่มจำนวนหนึ่งกำลังตีคน พลันขมวดคิ้วในฐานะที่เป็นคนเดินถนนอยู่ในเมืองเฟิ่ง ซีเป็นระยะเวลานานจึงคุ้นเคยกับลูกข้าราชการผู้ราก มากดีจำนวนหนึ่งสำหรับคนอื่นแล้วนั้นไม่ควรจะยั่วยุ แต่สำหรับจินมู่นั้นพวกเขานั้นไม่อยู่ในสายตา
ดังนั้นจินมู่ก็เดินเข้าไปเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อยที่จะ ตีคนเหล่านั้นล้มลงไปอยู่บนพื้น
เมื่อฮูเหยียนหลิวหยุนเห็นจินมู่ในใจก็มีแผนอยู่ แล้วผู้อารักขาที่ยืนอยู่ข้างกายของอู่เซวียนอ๋องโม่ จื่อเฟิงนั้นเขาเห็นมาหลายครั้งแล้วดังนั้นเมื่อจินมู่ ลงมือความหยิ่งยโสของเขาก็อ่อนลงแต่ว่าต่อหน้าพี่ น้องทั้งหลายเขาไม่สามารถขายหน้าได้ดังนั้นจึงลุก ขึ้นยืน”ผู้บัญชาการจินมู่ท่านทำอะไรกันจวนอู่เซวียนอ๋ องเริ่มมายุ่งกับเรื่องวุ่นวายระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
– จินมู่คารวะฮูเหยียนหลิวหยุนหนึ่งครั้ง”ท่านฮูเห ยียน”
“ที่แท้ก็รู้ว่าข้าเป็นใครเหตุใดจึงมายุ่งเรื่องของข้า ถ้าหากวันนี้ท่านไม่ชี้แจงข้าเช่นนั้นข้าก็คงจะปล่อย เรื่องนี้ผ่านไปไม่ได้” ฮูเหยียนหลิวหยุนเดินลงบันไดตามมาด้วยคนที่ได้รับบาดเจ็บความโมโหไม่ได้ลดลง เลย
จินมู่ไม่ได้ตอบคำถามเขากลับเดินไปยังประตูของ ร้านอาหารเปิดหน้าต่างรถม้าให้โม่จื่อเฟิงอย่างเคารพ โม่จื่อเฟิงยื่นขาลงจากรถเมื่อเขาปรากฏตัวพวกท่าน ชายทั้งหลายที่อยู่ในร้านภัตตาคารก็เหมือนผักกาด ขาวที่ถูกตีพวกเขาหวังว่าจะรีบออกจากร้านอาหารไป ทีละคน
ในเมืองเฟิ่งซีนี้คนที่ไม่สามารถมีเรื่องด้วยได้เลย คือโม่จื่อเฟิงต่อให้เป็นจักรพรรดิในพระราชวังถ้าไม่ พอใจยังต้องหาเหตุผลมาลงโทษแต่ว่าโม่จื่อเฟิงนั้นไม่ เหมือนกันเขาต้องการละโทษคนคนหนึ่งก็เป็นแค่ ประโยคหนึ่งกฎหมายอะไรกันไม่จำเป็นสำหรับเขา เพราะเขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวจักรพรรดิก็ไม่บังคับ เขาเรื่องในใต้หล้านี้มากที่สุดก็เป็นคำสั่งไม่กี่ประโยคที่ ลงมาจากจักรพรรดิก็เท่านั้น
ฮูเหยียนหลิวหยุนเป็นจอมอันธพาลน้อยของเมือง เฟิ่งซีแต่โม่จื่อเฟิงนั้นเป็นอันธพาลที่แท้จริงของเมือง เพิ่งซีดังนั้นเมื่อเขาปรากฏตัวหน้าของทุกคนก็ยับย่น กลายเป็นก้อน
เห็นคนทั้งหลายยังไม่เริ่มพูดอะไรก็มีท่าทางเสีย หน้าในที่สุดหลินซินเยียนก็ถอนหายใจออกมาหันไป มองยายหลิวและสรือโถวที่ไปประคองท่านโจวนา งกังวลที่ท่านโจวที่ได้รับบาดเจ็บกำลังเดินไปทางนั้นพลันเห็นคนจำนวนหนึ่งเดินตามลงมาจากรถม้าที่ หรูหรานั้น
“เฟิงท่านรอข้าด้วย”เทพธิดาน้อยอวิ๋นเสียวอิงลง มาจากรถม้าไม่กี่ก้าวก็ไล่ทันโม่จื่อเฟิงนกน้อยในร่าง คนเดินมาอยู่ข้างกายเขา
ชายหนุ่มรูปหล่อและสาวสวยปรากฏตัวพร้อมกัน ช่างเป็นภาพที่สวยงามทำให้คนรอบๆนั้นตะลึงจนอ้า ปากค้างโดยเฉพาะพี่น้องกลุ่มหนึ่งของฮูเหยียนหลิว หยุนเบิกตาค้างกันใหญ่
“ท่านฮูเหยียนข้าไม่ได้ตาลายใช่ไหมเหตุใดข้าจึง เห็นเทพธิดา …”ท่านชายหนึ่งในนั้นสูดเลือดกำเดา ก่อให้เกิดสายตาดูถูกจากคนที่อยู่ด้านข้าง
“เมื่อก่อนคิดว่าท่านหลิวหลีก็นับว่าดูดีแล้วนะไม่ คิดเลยว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆในโลกนี้ยังมีคนหน้าตา ดีเช่นนี้อีก”คนที่อยู่ข้างๆสมทบ
ฮูเหยียนหลิวหยุนถลึงตา”ดูดีจริงๆดูดีกว่าแม่นาง หลินคนนั้นเมื่อปีที่แล้วอีก”
แต่ว่าเสียงพูดจาเบาๆนั้นไม่กี่ประโยคเมื่อเห็นอวิ๋น เสียวอิงยืนอยู่ข้างๆโม่จื่อเฟิงทุกคนจึงทำได้แค่ถอนใจ เงียบๆเปลี่ยนคนแล้วบางทีพวกเขาอาจจะสามารถเล่น สนุกก็ได้ถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงของโม่จื่อเฟิงหีหึให้เขามี ความกล้าอย่างไรก็ไม่กล้าไป
พวกเขายังจำได้ว่าครั้งที่แล้วเพื่อแม่นางแซ่หลินคนนั้นแม้แต่ฮูเหยียนหลิวหยุนยังต้องได้รับความ ลำบากจากโม่จื่อเฟิงยังเสียเปรียบมากจนไม่กล้ากลับ ไปพูดที่บ้าน
“ท่านฮูเหยียนต้องการจะให้ข้าชี้แจงอะไร”โม่ จื่อเฟิงยิ้มเย็น”ไม่อย่างนั้นข้าให้ท่านกลับไปที่จวนอ๋อง อีกครั้งอธิบายให้บิดาของท่านฟังดีหรือไม่”
“ไม่ไม่ต้องหรอก”ฮูเหยียนหลิวหยุนยกมุมปาก เรื่องเช่นนี้ไหนเลยจะกล้ากลับไปบอกที่บ้านและถ้าอู่ เซวียนอ๋องต้องการจะไปแล้วไปชี้แจงให้เขาฟังอะไร เล่าพ่อจะต้องปรึกษาอู่เซวียนอ๋องว่าจะตีเขาให้พิการ แน่
โม่จื่อเฟิงยักไหล่อย่างไม่ถือ”ถ้าไม่ต้องเช่นนั้นก็ ไม่ต้องขวางทางนี่เป็นการค้าของบ้านท่านถือว่าข้านั้น ยกยอฮูเหยียนอ๋องแล้วกันมาดื่มเป็นเพื่อนข้าหน่อย เป็นอย่างไร”
“เอ่อ…”ใบหน้าของฮูเหยียนหลิวหยุนดูไม่ได้เขา พูดว่าไม่ได้ด้วยหรือไม่ได้อยู่แล้ว
คนอื่นนั้นไม่ได้รับการเชื้อเชิญจากโม่จื่อเฟิังทั้ง เสียดายแล้วก็รู้สึกโชคดีรีบอำลาจากไป
เวลานี้ยายหลิวก็ประคองท่านโจวไปที่ประตูร้าน อาหารแล้วอาการเจ็บของท่านโจวนั้นไม่เบาเลยบน
ใบหน้าของเขานั้นไม่มีส่วนไหนดีเลยหลินซินเยียน รีบรุดไปด้านหน้าเพื่อช่วยประคองเขา”ท่านโจวเป็น อย่างไรบ้างต้องรีบอีกหน่อยไหม”
ท่านโจวหอบแฮ่กๆทำแค่ส่ายหัวเบาๆราวกับว่า ท่านชายพวกนั้นเองก็ไม่กล้าเอาชีวิตคนดังนั้นเวลา ต่อยจึงหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ็บเขาเป็นหมอเขารู้ว่านี่ เป็นการเจ็บภายนอก
แต่ว่าก็นับว่าไม่ถึงแก่ชีวิตแค่รีบกลับไปรักษา บาดแผลก็พอหลินซินเยียนคิดจะไปอธิบายให้โม่ จื่อเฟิงฟังสักหน่อยจึงพาท่านโจวกลับไปก่อนแล้วค่อย กลับมาตอบข้อสงสัยของเขา
แต่ว่าหลินซินเยียนยังไม่ได้พูดอะไรโม่จื่อเฟิงก็ ราวกับว่ามองความคิดของนางออกพูดก่อนนางว่า”ฮู หยินท่านเล่าเรื่องได้ดีเช่นนั้นใช้โอกาสนี้เล่าเรื่องดีๆ ให้ข้าฟังได้ไหม”
ความหมายนี้ก็คือต้องการจะตามพวกหลินซิน
เยียนไปด้วย
หลินซินเยียนถอนใจกำชับกับยายหลิวให้นางพา ท่านโจวและสรือโถวกลับไปก่อนถึงแม้ว่ายายหลิวและ ท่านโจวจะเป็นห่วงความปลอดภัยของนางแต่ว่าเวลานี้ ก็ไม่มีทางให้เลือกแล้ว