ตอนที่ 221 ความริษยาของสตรี
หลินซินเยียนนั้นงดงามอย่างแท้จริง กิริยาท่าทางก็ดี เอว บางเร่าร้อน หากข้างกายมีคนที่วิเศษเช่นนี้ ไฉนเลยบุรุษจะ มองเห็นหลินซินเอ๋อ?
นางจำได้ว่าหลังจากที่นางบรรลุนิติภาวะ ตราบใดที่มา ทำการสู่ขอที่จวนแม่ทัพ ต่างก็ล้วนมาสู่ขอหลินซินเยียนทั้ง สิ้น ก็เห็นชัดๆว่านางยังโตกว่าหลินซินเยียนตั้งไม่กี่เดือน แต่ คนที่มาสู่ขอเหล่านั้นกลับไม่มีใครสนใจความรู้สึกนางแม้แต่ น้อย มันน่าตลกสิ้นดี! สิ่งที่ทำให้นางไม่พอใจมากที่สุดก็คือ ในบรรดาคนที่มาสู่ขอ ส่วนมากเป็นตระกูลดีๆที่แม่ของนาง เคยกล่าวให้นางฟัง
หลินซินเอ่อไม่อาจได้แต่งเข้าตระกูลดีๆ แล้วหลินซินเยียน นั้นอาศัยอะไร? ดังนั้นพวกที่มาทำการสู่ขอจึงไม่มีสำเร็จสัก ราย แม่ของนางยังไงก็คือแม่ของนาง จะให้บุตรสาวของข้า ทาสชั้นต่ำแต่งเข้าตระกูลที่ดีกว่าบุตรสาวของตนได้ อย่างไร?
ความริษยาของสตรีนั้นมีมาตั้งแต่กำเนิด แต่มีเพียงบางคน เท่านั้นที่สามารถนำความริษยามาเป็นเปลี่ยนเป็นพลังขับ เคลื่อน และก็มีบางคนที่นำความริษยามาเปลี่ยนเป็นความ แค้น
หากจะบอกว่าใครเป็นคนที่หลินซินเอ่อเกลียดชังมากที่สุด ในชีวิตนี้ นั่นก็คือหลินซินเยียนผู้กดข่มนางตั้งแต่เล็กจนโต ดังนั้นในตอนที่เห็นว่านางยังรอดชีวิตมาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าตน หลินซินเอ๋อจึงสูญเสียสติสัมปชัญญะจนหมดสิ้น
ในห้วงความคิดของหลินซินเอ๋อ มีเพียงความแค้นและ ความปรารถนาที่ต้องการให้หลินซินเยียนสาบสูญไปจาก โลกของตนอย่างสิ้นเชิง
หลินซินเอ๋อหยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้นโดยไม่รู้ตัว และแม้ กระทั่งในยามที่ตัวนางเองไม่ทันได้รู้สึกตัวนั้น นางที่ได้ถูก ความปรารถนาเข้าควบคุมจนเดินมาถึงด้านหลังของหลินซิน เยียน
หลินซินเยียนเพียงแค่รู้สึกว่าแสงแดดนั้นจู่ๆก็มีดลง เมื่อเงย ศีรษะขึ้นไปก็เห็นหลินซินเอ่อถือหินก้อนหนึ่งเงื้อเข้ามาหานาง นางตกใจกลัวมเกิดปฏิกิริยาตอบโต้ในทันที รีบกลิ้งหลบการ โจมตีที่พุ่งเข้ามากะเอาให้ถึงตายด้วยการหลบไปยังด้านข้าง แต่ถึงแม้จะส่วนอวัยวะสำคัญอย่างศีรษะจะรอด แต่ทว่าหัว ไหล่ของนางก็ถูกหินก้อนนั้นทุบเข้าอย่างจังจนเกิดอาการ บาดเจ็บ เพียงชั่วพริบตานางก็รู้สึกว่าแขนข้างซ้ายของนางดู เหมือนจะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้
นางลุกขึ้นวิ่งหนีไปโดยไม่ต้องคิด
ขณะที่เห็นนางวิ่งระหกระเหินไปด้วยความตกใจ หลินซิน เอ๋อจึงพลันได้สติกลับมา มองก้อนหินในมือของตนด้วยความ ตกตะลึงราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตนทำลงไป ถึงแม้ว่านางจะ เกลียดหลินซินเยียน แต่ทว่านางไม่เคยลงมือด้วยตัวเองเช่น นี้ แม่ของนางปกป้องดูแลนางเป็นอย่างดี ไม่เคยให้เรื่อง สกปรกเหล่านี้ปรากฏอยู่ในเงื้อมมือนาง
“ข้า ข้า” หลินซินเอ่อที่ได้สติกลับมาพลันรู้สึกหวาด กลัวอยู่บ้าง ที่นี่คือวังหลวงมิใช่สถานที่ธรรมดาทั่วไป อย่าพูดว่าฆาตกรเลย ก็แค่ทำร้ายร่างกาย และก็เป็นไปไม่ได้ที่จะถูก คนค้นพบง่ายดายขนาดนี้ นางเพิ่งจะเข้าวัง แต่ก็เพิ่งจะได้รับ ความสนพระทัยจากฮ่องเต้ อนาคตของนางไม่อาจจำกัดไว้ แค่นี้ นางไม่สามารถให้เรื่องที่เกิดมาท่าลายอนาคตของนาง ได้
ยิ่งคิด หลินซินเอ่อก็ยิ่งหวาดผวามากขึ้น เมื่อเห็นหลินซิน เยียนวิ่งออกไปไกล ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นดุร้ายในฉับ พลัน “มารดาเคยกล่าวไว้ ในเมื่อลงมือไปแล้ว เช่นนั้นก็ต้อง ลงมืออย่างไม่ให้เหลือร่องรอย! หลินซินเยียน วันนี้นับว่า ชะตาเจ้าไม่ดี!”
หลินซินเอ่อจับก้อนหินที่อยู่ในมือแน่นจนเส้นเลือดปูดนูน นางเริ่มไล่ตามในทิศที่หลินซินเยียนหนีไป นางจะต้องตาม หลินซินเยียนให้ทัน หลังจากนั้นก็ลงมือฆ่า!
ป่าเหมยกว้างใหญ่ ท่ามกลางดงป่าเหมยหากไม่คุ้นทางก็จะ หลงได้โดยง่าย
หลินซินเยียนวิ่งอยู่นานกลับยังคงวนเวียนอยู่ในป่าเหมย อยากจะวิ่งไปยังสถานที่งานจัดเลี้ยงตอนก่อนหน้านี้แต่กลับ หาทางไม่เจอ นางเพิ่งจะคลอดบุตรมาไม่นาน ร่างกายจึงยัง ไม่ฟื้นตัว ยามนี้แขนก็ยังได้รับบาดเจ็บ ผ่านไปไม่นานนางจึง หายใจหอบถี่อย่างเห็นได้ชัด และเมื่อนางหันกลับไปก็เห็น หลินซินเอ๋อที่ไล่ตามนางมา
จากที่มองแววตาของหลินซินเอ๋อ ซึ่งเต็มไปด้วยจิตสังหาร นางเกือบจะไม่สงสัยแม้แต่นิดว่าหลินซินเอ๋อในยามนี้ต้องการ ที่จะฆ่านางจริงๆ
แต่นางไม่อาจที่จะตายได้! เมื่อคิดถึงวี่จิ่ง นางก็ยิ่งมีความต้องการเอาชีวิตรอด นางจะให้เด็กคนหนึ่งที่เพิ่งเกิดมา กำพร้าแม่ไปได้อย่างไร?
ถ้าหากหนีไม่พ้น เช่นนั้นก็มีเพียงต้องปะทะเท่านั้น หลินซิน เยียนกเม้มริมฝีปากกัดฟันพลางมองไปรอบๆ เห็นกิ่งต้นเหมย แห้งท่อนหนาที่ถูกตัดไว้กองอยู่บนพื้น น่าจะเป็นตอนที่คนใน วังตัดแต่งกิ่งเหมยแล้วเหลือทิ้งไว้ นางจึงปรี่เข้าไปหยิบกิ่ง เหมยแห้งท่อนนั้นไว้ในมือโดยไม่ต้องคิด
“หลินซินเยียน! นึกไม่ถึงว่าเจ้ายังรอดมาได้!” หลินซินเอ๋ อบดฟันกรามคำรามเสียงต่ำ ใบหน้านั้นบิดเบี้ยว “คนแบบเจ้า รอดมาได้อย่างไร! นังสุนัขจิ้งจอก(นังแพศยา)!”
“ข้าย่อมต้องรอดอยู่แล้ว แถมยังมีชีวิตที่ดีกว่าเจ้าเสียด้วย มิเช่นนั้นจะคุ้มค่ากับการดูแลของเจ้าและมารดาเจ้าที่มีต่อข้า ได้อย่างไรกัน?” หลินซินเยียนถือท่อนกิ่งไม้และจ้องมองหลิน ซินเอ่ออย่างระแวดระวัง
“เจ้ามันนังแพศยา หลอกล่อบุรุษทั่วทุกสารทิศ สมควรตาย! ตาย! ตาย!” หลินซินเอ๋อพลางคำรามเสียงต่ำวิ่งพุ่งเข้าไปหา หลินซินเยียน
หัวใจของหลินซินเยียนเต้นกระหน่ำราวกับจะทะลุออกมา ในยามที่หลินซินเอ๋อพุ่งเข้ามาก็เอี้ยวตัวหลบการโจมตีของ นาง แล้วพลิกตัวถือท่อนไม้ฟาดเข้าที่ศีรษะของหลินซินเอ๋อ โดยนางได้ใช้แรงเต็มสิบส่วน ฝ่ายนางได้ตกอยู่ในสภาพที่ ถูกกระทำมีเพียงต้องโจมตีโต้ตอบนางจึงจะมีชีวิตรอดต่อไป ได้
หลินซินเอ๋อจำได้ว่าในอดีตหลินซินเยียนมักจะถูกกลั่น แกล้งโดยนาง นึกไม่ถึงว่ายามนี้ได้เปลี่ยนกลายเป็นคนเด็ดเดี๋ยวขึ้นมา ดังนั้นยามที่นางถูกตีเข้าที่ศีรษะจนเลือดสดๆ ไหลรินท่วมปิดดวงตา นางยังไม่กล้าที่จะเชื่อด้วยซ้ำ
“อาา ฆาตกร!”
ขณะที่หลินซินเยียนฟาดหลินซินเอ๋อจนล้มลงไปที่พื้น ก็มี คนรีบวิ่งเข้ามา เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกโจวฉิน โจวฉินเห็นว่า หลินซินเอ๋อไปตั้งนานไม่กลับมาสักที จึงกังวลใจว่าถ้าหาก ฮ่องเต้เสด็จมาหาหลินซินเอ๋อแล้วไม่อยู่ พวกนางอาจจะต้อง ได้รับโทษแทน ดังนั้นจึงรีบออกมาตามหา ได้ยินว่าด้านนี้มี เสียงจึงวิ่งมาดู นึกไม่ถึงว่าจะเจอฉากที่หลินซินเอ่อถูกฟาด ศีรษะแตกจนเลือดไหลริน
สตรีหลายคนเมื่อเห็นฉากนองเลือดเช่นนี้ก็กรีดร้องขึ้นมา ในทันที เสียงกรีดร้องอันแหลมดังนั้นก็เพียงพอดึงดูดผู้คนที่ อยู่ใกล้ๆ
ผู้ที่มาถึงคนแรกเป็นองครักษ์กองหนึ่ง ไม่รอให้พวกเขา ถามไถ่ โจวฉินก็รีบตะโกนชี้ไปที่หลินซินเยียนทันที “รีบมา จับนังฆาตกรนี่เร็วเข้า พวกเราเป็นนางงามที่เพิ่งจะเข้าวัง ผู้ที่ ล้มลงไปเป็นคนที่ฮ่องเต้เพิ่งจะสนพระทัย!”
เพื่อทำให้ทหารองครักษ์เข้าข้างฝ่ายตน โจวฉินยังปฏิเสธที่ จะถ่อมตนโดยปริยาย ตราบใดที่เป็นพระสนมชั้นเฟยที่มีชื่อ เสียงโจวฉินล้วนเคยพบ นางงามชุดใหม่ที่เพิ่งเข้ามานางก็ รู้จัก ในสายตาของนางหากสามารถปรากฏกายในวังหลวง ได้ ในเมื่อไม่ใช่ทั้งพระสนมและก็ไม่ใช่นางงาม เช่นนั้นก็ เหลือแค่นางกำนัล อีกทั้งหลินซินเยียนยังแต่งกายเรียบๆ ดู ไม่คล้ายกับเป็นสตรีขององค์ฮ่องเต้
เมื่อพวกองครักษ์ ได้ยิน หัวหน้ากองนั้นก็รีบเข้าไปควบคุมมือทั้งสองข้างของหลินซินเยียน แขนของหลินซินเยียนที่ได้ รับบาดเจ็บอยู่แล้ว เมื่อถูกองครักษ์รั้งไว้ไอย่างหยาบคาย ก็ เจ็บจนเหงื่อไหลเย็นโทรมกายกระทั่งไม่สามารถกล่าวอะไร ออกมาได้
โจวฉินประคองหลินซินเอ๋อขึ้นมา มองใบหน้าของนางที่ เต็มไปด้วยเลือด ในสายตาแรกคือความกังวล แต่ภายหลังก็ เกิดประกายความยินดีในโชคร้ายของผู้อื่น ทว่านางซ่อนเร้น ได้อย่างแนบเนียน หลินซินเอ่อที่กำลังสับสนอยู่จึงไม่ทันได้
สังเกต