ตอนที่ 231 ความรู้สึกของเขาตั้งแต่แรกเริ่ม
ชิงจู่พยักหน้า และกอดวี่จิ่งเดินออกไป นำทาง แทนหลินซีนเยียน เสมือนว่านางรู้ว่าโม่จื่อเฟิงอยู่ ที่ไหน
หลินซีนเยียนรู้สึกว่านางยิ่งนานเข้ายิ่งรู้สึกชอบ นิสัยของชิงจู๋ ทั้งๆที่เป็นคนยึดถือหลักความยุติธรรม แต่กลับแกล้งทำเป็นเย็นชาไร้ความรู้สึก จริงๆแล้วใน ใจของชิงจู่ ก็รู้สึกว่านางไม่ได้รับความยุติธรรม
แต่ทว่า เมื่อชิงจู๋นำทางนางมาถึงที่อยู่ของอวิ๋น เสี่ยวยิง นางกลับหยุดที่จะก้าวเดินไป
ประตูใหญ่ของลานบ้านปิดอยู่ ข้างในมีเสียงหัวเราะ อันน่าฟังของอวิ๋นเสี่ยวยิงดังลอยมา อวินเสี่ยวยิง งดงามหยดย้อยไม่มีผู้ใดเทียบได้ เสียงของนางก็ช่าง ไพเราะน่าฟัง
เสียงแบบนี้ขนาดผู้หญิงอย่างนางได้ยินยังรู้สึก หวั่นไหว ไม่ต้องพูดถึงพวกผู้ชายเลย
“ฮูหยิน…ชิงจู่หันมา เห็นนางยืนอยู่ตรงนั้นไม่ ขยับ ในตามีความวิตก” ถ้าหากท่านไม่อยากเข้าไป เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องเข้าไปก็ได้”
หลินซีนเยียนส่ายหัว “ไปเคาะประตูเถอะ”
ชิงจู่กัดปากพยักหน้า เดินไปเคาะประตู เพียงไม่นานก็มีคนออกมาเปิดประตู ผู้ที่มาเปิดประตูคือเด็กรับใช้ผู้หนึ่ง เด็กรับใช้ผู้นั้นเห็นว่าเป็นชิง จู่ก็รีบทำความเคารพ ในหมู่เด็กรับใช้ สถานะของชิง จู่เกือบเทียบเท่าแม่นมกุ้ย เพราะฉะนั้นเด็กรับใช้จึง เคารพชิงจู่
“ฮูหยินมาพบท่านอ่อง เจ้าเข้าไปแจ้งที” ชิงจู่สั่ง กำชับเด็กรับใช้
เด็กรับใช้มองไปยังหลินซีนเยียนที่อยู่ข้างหลังชิง จู๋แวบหนึ่งบนใบหน้าแสดงออกถึงความกลัว หลังจาก นั้นก็หันเดินกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปพักหนึ่ง เด็กรับใช้ผู้นั้นวิ่งออกมา “แม่นางอวิ๋นเชิญฮูหยินเข้า ข้างใน”
เป็นอวินเสี่ยวยิงที่ให้นางเข้าไป กลับไม่ใช่โม่ จื่อเฟิง!
เกี่ยวกับคำพูดของเด็กรับใช้ หลินซีนเยียนมี ความรู้สึกชาขึ้นในใจ ดูแล้วเรื่องนี้มีอะไรมากกว่าที่ นางคาดคิดไว้เยอะ
หลินซินเยียนข้ามไปเดินข้างหน้าชิงจู๋ นางเดิน | เข้าไปข้างใน โดยไม่ต้องให้เด็กรับใช้นำ เพียงแวบ เดียวนางเจออวิ๋นเสี่ยวยิง
ที่กำลังนั่งอยู่บนชิงช้า และคนที่แกว่งชิงช้าให้ก็ คือ โม่จื่อเฟิง
อวินเสี่ยวยิงสนุกมาก โม่จื่อเฟิงเพียงแกว่งเบาๆ นางก็ลอยขึ้นไปสูงมาก นางทั้งยิ้มหัวเราะทั้งบอกให้: “สูงกว่านี้อีก จื่อเฟิงแกว่งให้สูงอีก!
โม่จื่อเฟิงได้ยินดังนั้น ก็เพิ่มแรงแกว่งสูงกว่าเดิม
สถานการณ์ตรงหน้าดีกว่าที่นางคิดไว้มาก นาง คิดว่า นางคงได้เห็นแย่ที่สุดก็คือทั้งสองคนกำลังมี อะไรกัน แต่ตอนนี้ดูๆไปแล้ว ดีกว่าที่คาดการไว้เยอะ เลย
นางเดินเข้าไป ยืนตรงข้างล่างชิงช้า นางไม่ได้ สนใจชิงช้าที่กำลังแกว่งไปมานางมองไปยังโม่จื่อเฟิง น้ำเสียงมีความแข็งกระด้าง “ท่านอ๋องอีกห้าวัน ก็จะ เป็นงานแต่งของเราแล้ว เพราะฉะนั้นข้าอยากมาคุย กับท่านเรื่องรายละเอียดของงาน”
โม่จื่อเฟิงได้ยินเสียงของนาง ถึงได้หันมองมาทาง นี้ แต่ทว่าสายตาของเขากลับไม่ได้มองนาง แววตามี ความทำให้คนยากที่จะรับรู้ความรู้สึก
เขายังไม่ทันเปิดปากพูด อวิ่นเสี่ยวยิงก็หยุดแกว่ง ชิงช้าและลงมา เดินไปหยุดข้างๆเขา โอบเกาะแขน เขาไว้ และพูดกับหลินซีนเยียน ไม่เห็นหรือไงจื่อเฟิง เล่นอยู่กับข้างานแต่งงานเจ้าออกความเห็นคนเดียว ก็ได้แล้ว จื่อเฟิงเป็นอ่องอู่เสวียนชีวิตนี้เขายังต้องสู่ขอ พี่หญิงอีกหลายคน เขาไม่มาให้ความสนใจกับเจ้า เพียงผู้เดียวหรอก
หลินซินเยียนไม่สนใจแขนที่อวิ้นเสี่ยวยิงกอด แขนเขา แต่เดินไปทางโม่จื่อเฟิง นางยื่นข้างหน้าเขา และเงยหน้ามองเขา “โม่จื่อเฟิง! ข้าอยากให้เจ้าพูดกับข้าด้วยตัวเอง! ”
อวินเสี่ยวยิงไม่พอใจ ปล่อยมือออกจากโม่จื่อเฟิง และพลักหลินซีนเยียน ผู้หญิงแบบเจ้านี้จ้ามันหน้าไม่ อายจริงๆ ไม่เห็นหรอว่าเขาไม่อยากสนใจเจ้า? ยังจะ มาวุ่นวายไม่ยอมเลิกราข้าจะบอกเให้นะ ถึงแม้ว่าเจ้า จะได้เป็นฮูหยินแล้วยังไงละ ต่อไปจื่อเฟิงมีข้า เจ้าก็ รอเป็นของตายไปละกัน! ”
หลินซินเยียนโดนผลักจนเซถอยหลัง แต่ว่านาง ยังทรงตัวไว้ได้ นางสะอื้นถาม”โม่จื่อเฟิง ข้าไม่เชื่อ! เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเจ้ายังบอกกับข้า บอกว่าเจ้าใส่ใจ ข้า ไม่สนว่าข้าเป็นใครมาจากไหนเจ้าจะแต่งงานกับ ข้า ข้ารู้ในสถานะของเจ้า ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ที่มาที่ แน่ชัด แต่ยังคงยืนยันที่จะแต่งงานกับฉัน ต้องจัดการ กับความยากลำบากมากมาย เพราะฉะนั้น ข้าไม่เชื่อว่า เพียงเวลาไม่กี่วันจะทำให้เจ้าเปลี่ยนไปได้ เกิดอะไร ขึ้นกับเจ้ากันแน่ ? ”
นี้คือผลลัพธ์ที่นางใช้เวลาคิดทั้งสองวัน นางรู้สึก ว่า โม่จื่อเฟิงถึงแม้จะดูเย็นชาแต่เขาไม่ใช่คนกลับไป กลับมาแน่นอนเพราะฉะนั้นจะต้องมีอะไรแน่ๆ
โม่จื่อเฟิงมองมาที่นาง ในตานิ่งสงบ เหมือนว่าคำ พูดของนางไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย นั้นยิ่งทำให้หลินซีนเยียนยิ่งเกิดสงสัย โม่จื่อเฟิงที่ เป็นแบบนี้ ไม่ปกติเลยสักนิดเดียว นางลังเลครู่หนึ่ง
จากนั้นโผเข้าหา
โม่จื่อเฟิงอย่างสุดแรง อวินเสี่ยวยิงยังไม้ทันได้ ตั้งตัว นางกัดไปที่ริมฝีปากของโม่จื่อเฟิง
ในยุคนี้ ผู้หญิงโผเข้าหาผู้ชายกลางวันแซกๆ แล้ว ยังกัดปากเขาอีก มันช่างเป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควรยิ่งนัก
ในขณะนั้น พวกเด็กรับใช้ต่างก็หน้าแดงเขินอาย กัน ไม่กล้าที่จะหันไปมอง
อวิ้นเสี่ยวยิงตกตะลึงจนลืมไปเลยว่าควรทำอะไร
หลังจากนั้น หลินซินเยียนได้ทำในสิ่งที่ชีวิตนี้นาง ไม่มีวันลืมได้ มือของหลินซินเยียนยื่นเข้าไปในเสื้อผ้า โม่จื่อเฟิง นางกำลังลูบคลำ ลูบคลำร่างกายของโม่ จื่อเฟิง
“นาง นาง นางผู้หญิงหน้าไม่อาย! ” อวิ๋นเสี่ยวยิง โมโหจนพูดไม่ออก ได้แต่ประโยคนี้ออกมา
หลินซีนเยียนไม่แม้แต่จะสนใจอวิ๋นเสี่ยวยิง นาง ไม่หยุดที่จะลองเรียกความรู้สึกของโม่จื่อเฟิง นางเข้า ใจโม่จื่อเฟิง หลังจากที่เขามีความต้องการในตัวนาง นางรู้ในเรื่องแบบนี้เขาเปรียบเสมือนสัตว์ป่าตัวหนึ่ง เพราะฉะนั้น นางใช้วิธีที่ง่ายโดยตรงปลุกแรง ปรารถนาของเขา
โม่จื่อเฟิงในเรื่องอย่างว่าความรู้สึกไว้กว่าคนทั่วไป เพราะฉะนั้นนางเชื่อว่ายิ่งในสถานการณ์แบบนี้ นั้น ทำให้ยิ่งกระตุ้นเขาได้
อย่างที่คิดไว้ ในตาที่สงบนิ่งของโม่จื่อเฟิง ในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหว ระหว่างตาและคิ้วของเขามีรอย ยิ้มที่หลินซีนเยียนคุ้นเคยปรากฏขึ้น
แต่นั้นก็เพียงแค่ชั่วหนึ่ง เขาผลักหลินซีนเยียน ออกจากตัว ในขณะที่หลินซีนเยียนยังคงงงว่าเกิด อะไรขึ้น เขาก็เอามีดพกออกมาจากแขนเสื้อ
“นี่คือ ….หลินซีนเยียนไม่เข้าใจ ได้แต่ยืนงง
โม่จื่อเฟิงหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่พูดไม่จา ทันใดนั้น เขาเอามีดแทงลงไปที่แขนของเขา เลือดสดๆรินไหล ออกมา เสียงมืดแทงเข้าไปในเนื้อทำให้ทุกคนตรงนั้น หวาดกลัวเป็นอย่างมาก
เจ้าทำอะไรลงไป หลินซีนเยียนไม่เข้าใจในสิ่งที่ เขาทำ รีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาอุดบาดแผลไว้
โม่จื่อเฟิงกลับจับมือนางแน่น จากนั้นก็ดึงนางพา ออกไปข้างนอก เจ้าอย่าเพิ่งสนใจ เราออกไปพูดกัน ข้างนอก
การกระทำทั้งหมดของเขาทำให้หลินซีนเยียน ประหลาดใจ แต่ทว่าเขามีแรงมาก นางไม่สามารถ ขัดขืนอะไรได้ทำได้แค่เดินตามเขาออกไป
ชิงจู่รีบอุ้มวี่จิ่งตามไป ก่อนไปนั้น นางหันไปมอง เห็นใบหน้าของอวิ๋นเสี่ยวยิงทั้งตกใจและโกรธแค้น