ตอนที่ 261 คลังอาวุธทางการทหาร
หลังจากโม่จื่อยี่พูดคุยกับโม่จื่อเฟิงสักพักก็พา คนจากไป รอเขาเดินกลัยมา หลินซีนเยียนรอไม่ไหว รีบไปจับแขนของโม่จื่อเฟิง ” ท่านอ๋อง เรื่องนี้มันเป็น มายังไงกันแน่?”
โม่จ่อเฟิงยกมือมาประคองใบหน้าของเธอ ใน ดวงตาสะท้อนใบหน้าดีใจของเธอ น้อยมากที่เธอจะ แสดงความดีใจต่อหน้าเขา ที่แท้ ตอนที่เธอดีใจ หาง ตาก็จะยกขึ้นสูงเล็กน้อย เจ้าชอบทำอาวุธไม่ใช่ หรือ?”
สตรีผู้หนึ่ง หากไม่ใช่ว่าชอบจริงๆ จะไปร่ำเรียน ได้อย่างไร เดิมสตรีไม่ควรแตะต้องสิ่งเหล่านี้อยู่แล้ว
” ข้าชอบ! แต่เพียงเพราะข้าชอบ ท่านเลยให้ โอกาสข้าเช่นนี้หรือ? ” เธอไม่เชื่อ ถ้าเป็นเพราะ เหตุผลนี้ ทำไมเขาไม่แนะนำไปตั้งแต่แรกล่ะ ในเวลา ที่มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะแบบนี้
โม่จื่อเฟิงหัวเราะอย่างชอบใจ พยักหน้าแล้วเอ่ย ” ไม่เสียทีที่เป็นผู้หญิงของข้าโม่จื่อเฟิง หัวสมองยัง ไม่ถือว่าโง่นัก แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะว่าเจ้าชอบ ทว่า
ข้ารู้ว่าเจ้าต้องไปทำอย่างแน่นอน แม้ข้าจะไม่
อนุญาตให้เจ้าไปก็ตาม เจ้าต้องแอบไปแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ให้ข้าช่วยเจ้าอีกแรงล่ะ”
หลินซีนเยียนยิ่งฟังยิ่งสับสน ตากระพริบปริบๆ จ้องมองเขา แสร้งทำเป็นโมโหแล้วทุบตีไปที่อกของ เขาทีหนึ่ง ท่านอ๋อง รู้ว่าข้ารีบร้อน ท่านอย่ามายั่ว น้ำลายข้าได้หรือไม่? ”
โม่จื่อเฟิงยากที่จะเห็นนางทำตัวน่ารัก จึงหลุด ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ แต่รอยยิ้มกลับแย้มพอ เขา ก็หยุดชะงัก ค่อยๆเอ่ยขึ้น ” หากข้าพูดว่า เซียวฝานก็ อยู่คลั่งอาวุธทางการทหารล่ะ?”
“ศิษย์พี่ใหญ่!” หลินซีนเยียนกล่าวขึ้นอย่าง ตกใจ รีบปิดปากของตนเอง เธอคิดว่าเธอสามารถ เผชิญหน้ากับข่าวของเซียวฝานได้อย่างใจเย็น ทว่า ตอนที่ได้ยินข่าวนี้เข้าจริง น้ำตาพลันท่วมทะลักใน เบ้าตา
” ใช้ ศิษย์พี่ใหญ่เจ้า ” โม่จื่อเฟิงแสดงสีหน้าเจ็บ ปวดเล็กน้อย ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เอ่อล้นตรงหัวตา ให้เธอ “ข้ารู้ดีว่าเซียวฝ่านเป็นปมในใจของเจ้ามา โดยตลอด ปมนี้เจ้าแก้ไม่ได้ จึงไม่สามารถมีชีวิตได้ อย่างสงบสุข ดังนั้นข้าเลยให้โอกาสเจ้า แน่นอนว่า ข้าก็มีเป้าหมายของตนเอง รอเจ้าเข้าคลังอาวุธ ทางการทหารได้ก่อน ข้าจะบอกกับเจ้า”
เมื่อหลินซีนเยียนได้ยินข่าวของเซียวฝาน อดไม่ได้ที่จะจับแขนของโม่จื่อเฟิงอย่างตื่นเต้น รบเร้าถาม ขึ้นอีก ” ท่านทราบข่าวของศิษย์พี่ใหญ่ตอนไหน? ท่านแน่ใจว่าเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของข้าจริงๆ? ศิษย์พี่ ใหญ่เดิมถูกอวิ่นเทียนสี่พาตัวไป ทำไมตอนนี้ถึงไป อยู่ในคลังอาวุธทางการทหารได้? เรื่องทั้งหมดนี้เป็น มายังไงกันแน่? ”
“เจ้าพ่นคำถามออกมาเยอะขนาดนี้ ข้าจะตอบ เจ้าได้อย่างไรกัน? “โม่จื่อเฟิงหลุดขำอย่างทนไม่ ไหว แล้วตบหลังมือของเธอเบาๆ ” กลับเรือนหลัก แล้วข้าจะค่อยๆบอกเจ้า ตรงนี้ไม่ใช่สถานที่สำหรับ พูดคุย
หลินซีนเยียนรู้ตัวว่าตัวเองรีบร้อน เรื่องนี้เป็น เรื่องที่ซับซ้อนมาก อีกเดี่ยวก็พูดไม่รู้เรื่อง ด้วยวร ยุทธ์ของโม่จื่อเฟิง หากมีคนมาแอบฟังอยู่รอบๆเขา ต้องรับรู้ได้แน่ แต่ที่นี่เป็นสถานที่ของเชียวฉางเยว่ ไม่ใช่สถานที่พูดคุยจริงๆแหละ
เธอพยักหน้า ดึงแขนของโม่จื่อเฟิงเดินออกไป ทำให้โม่จื่อเฟิงขำเบาๆไปช่วงนี้
เมื่อกลับมาถึงเรื่อนหลัก หลังมาถึงห้องอักษร ของโม่จื่อเฟิง หลินซีนเยียนก็รีบรินน้ำชาให้โม่ จื่อเฟิงแก้วหนึ่ง แล้วนำชาไปวางหน้าของเขาอย่าง ว่องไว “ท่านอ๋อง ท่านค่อยๆพูด ไม่แบ่งว่าเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็ก ข้าล้วนอยากฟัง ”
เธอนั่งตรงข้ามโม่จื่อเฟิงอย่างเงียบสงบ จ้องตา ไม่กระพริบ ท่าทางรีบร้อนนั้นทำให้โม่จื่อเฟิงรู้สึกน่า ขั้นอย่างมาก
เขาก็ไม่อยากปิดบังต่อไป ดื่มน้ำชาจิบหนึ่งแล้ว เริ่มพูด เจ้ายังจำฮูเหยียนหลิวหยุนได้หรือไม่? บิดา เขาก็เป็นอ่องที่มีอำนาจทางการทหาร ฮูเหยียนอ๋อง ข้องเกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารอยู่มาก ดังนั้นเลยแนะนำคนฝีมือดีหลายคนเข้าหน่วยผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารได้อย่างง่ายดาย ข่าวของศิษย์พี่ใหญ่เจ้า ข้าก็ได้ยินมาจากฮูเหยียน หลิวหยุน เดิมฮูเหยียนหลิวหยุนบอกว่าบิดาไปมา หาสู่กับคนศาลาความลับแห่งสวรรค์ หนึ่งในนั้นมีคน ที่สติฟั่นเฟือน แต่สร้างอาวุธได้สุดยอดมาก ตอนนั้น ข้าคิดว่า คนผู้นั้นอาจจะป็นเซียวฝาน? ดังนั้นข้าจึง ให้ส่งไปสืบข่าวลับมา สุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่ข้า คาดเดาเอาไว้ ”
โม่จื่อเฟิงกล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก ในแววตา ส่องแสงเยือกเย็น แล้วเอ่ยต่อ ” แต่ว่า….แม้ได้ข่าว ของศิษย์พี่ใหญ่เจ้าแล้ว เจ้ายังต้องเตรียมตัวเตรียม ใจ โดนอวิ่นเทียนสี่ควบคุมมานาน เขาในตอนนี้ อาจ
ไม่ใช่เขาในตอนนั้นยากที่พูดแล้ว ”
หลินซีนเยียนเงยหน้ามองเขาราวกับไม่เข้าใจ ความหมายของเขาอยู่ครู่หนึ่ง จึงครุ่นคิดแล้วส่าย หน้าไม่หยุด ศิษย์พี่ใหญ่ไม่มีทางเปลี่ยนความ ตั้งใจแรก ท่านไม่รู้ศิษย์พี่ใหญ่เป็นคนดีขนาดนั้น เพื่อยอมให้ข้าและศิษย์พี่รองไป เขายอมเสียสละ ตนเอง เขา ศิษย์พี่รอง แล้วท่านอาจารย์ พวกเขาเป็น ดีมากจริงๆ คนมาก…
เธอรู้สึกโกรธเคืองพลางคิดว่าโม่จื่อเฟิงใช้ความ ข้องใจมาสบประมาทหนึ่งในคนที่เธอเคารพนับถือ ที่สุด เป็นการแสดงที่ไร้มารยาทอย่างมาก โชคดีที่ คนตรงหน้าเป็นโม่จื่อเฟิง หากเป็นคนอื่น เธอเกรงว่า คงจะระเบิดไปนานแล้ว
” อิ้ม ข้าก็หวังว่าเขาจะไม่เปลี่ยนความตั้งใจแรก เอาล่ะ ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้แล้ว ข้าว่าพูดเรื่องหน่วยผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารกับเจ้าดีกว่า คลัง อาวุธทางการทหารเป็นหน่วยที่ไม่ธรรมดาขนาดนั้น
หลินซีนเยียนก็ไม่อยากถกปัญหาเซียวฝานยัง เป็นเซียวฝานคนเดิมหรือไม่กับเขาต่อ จึงเริ่มฟังที่คำ แนะนำของเขาอย่างตั้งใจ
“คลังอาวุธทางการทหารเป็นกรมหนึ่ง ที่จริงแล้ว มันไม่เหมาะเท่าไร เดิมในการก่อตั้งประเทศ มันเป็นเพียงแค่หน่วยผลิตเท่านั้น แต่เมื่อผ่านหลายร้อยปี คลังอาวุธทางการทหารมีขนาดและอำนาจเกิน ขอบเขตของหน่วยการผลิตอาวุธแล้ว ส่วนใหญ่ มีหน้าที่รับผิดชอบอาวุธทางการทหารของแคว้น หนานเยว่ เจ้ารู้ว่าแคว้นหนานเยว่มีทหารมากเท่าไร หรือไม่? ไม่ต่ำกว่าล้าน! ดังนั้นเจ้าจินตนาการคลัง อาวุธทางการทหารว่ามีขนาดใหญ่แค่ไหนกันเชียว ”
ตอนโม่จือเฟิงกล่าวคลังอาวุธทางการทหาร ใน ดวงตาปกปิดความชื่นชมไว้ไม่อยู่ ” ทว่า มันไม่เพียง สร้างอาวุธเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งการแลกเปลี่ยน โลหะชนิดต่างๆด้วย ซึ่งการแลกเปลี่ยนโลหะใน แคว้นหนานเยวล้วนโดนควบคุมเกือบทั้งหมด…”
“ข้าเข้าใจแล้ว ความหมายที่ว่าคลังอาวุธ ทางการทหารนี้ได้ผูกขาดการแลกเปลี่ยนโลหะ ก็ เท่ากับกลไกของอาณาจักรที่ควบคุมโลหะขนาด ใหญ่แห่งหนึ่ง “หลินซีนเยียนพูดต่ออย่างทนไม่ไหว ในใจของเธอสั่นสะท้าน คิดไม่ถึงว่าคลังอาวุธ ทางการทหารจะพัฒนาจนควบคุมขอบเขตการแลก เปลี่ยนโลหะได้ทั้งประเทศ
โลหะเป็นตัวกลางของการสร้างอาวุธ
ก็คล้ายกับประเทศที่ควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ได้ จะมีอำนาจควบคุมอุตสาหกรรมการผลิตอาวุธ หากไม่อนุญาตให้คุณเข้ามาในภาคอุตสาหกรรมการนี้ เพียงตัดแหล่งการซื้อขายโลหะของคุณ เช่นนั้นคุณ ก็จะขาดแคลนจนกลายเป็นพื้นที่ไม่มีอาวุธใช้