ตอนที่ 284 แม่นมกุ้ยรนหาที่ตาย
สตรีอันเป็นที่รักจู่โจมมาเอง มักทำให้บุรุษควบคุมตัวไม่
อยู่
ตอนที่หลินซีนเยียนแตะบนริมฝีปาก มือของโม่จื่อเฟิงก็ ได้พันเกี่ยวเอวของเธอแล้ว เขาหัวเราะอย่างกำเริบเสิบ สาน เจ้าวางใจ การแสดงของข้าเคยทำให้เจ้าผิดหวัง ตอนไหนหรือ ”
คำพูดของเขา ทำให้หลินซีนเยียนยิ้มอย่างเขินอาย ทว่า รอยยิ้มของเธอยังไม่แย้มบานพอ ทั้งร่างก็โดนโม่จื่อเฟิง ผลักลงไปแล้ว
ในห้องเปี่ยมไปด้วยการแสดงของคลื่นลมมรสุมแบบใหม่ เพียงครั้งนี้ หลินชีวิต ไม่อยากให้ ตัวเองส่งเสียงน่าเสียดาย คิดไม่ถึงว่าจะงดงาม เมื่อความเป็นจริงมันชัดเจนมาก ใน ช่วงเข้าด้ายเข้าเข็ม ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหวส่งเสียงร้อง ออกมา
บนต้นอู่ถงนอกหน้าต่าง มีนกน้อยหลากสี 2 ตัวกำลัง หยอกล้อกัน เมื่อได้ยินเสียงดังจากในห้อง ราวกับนกยัง รู้สึกหน้าแดงใจเต้น จนกระพือปีกรีบบินหนีไป
หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลินซีนเยียนหน้าแดงก่ำ เมื่อ จัดแจงเสื้อผ้าเสร็จก็เดินไปเปิดหน้าต่างมองดูในลานบ้าน ในลานบ้านไม่มีคน ไม่มีเสียงใดๆ เธอมองไปรอบๆราวกับ กินปูนร้อนท้อง แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “เจ้ากำลังมองอะไร? ” โม่จื่อเฟิงสวมเสื้อกึ่งเผยทรวงอก ที่มั่นคงออกมา บนทรวงอกยังหลงเหลือรอยหลังจากผ่าน ความลึกซึ้ง
หลินซีนเยียนแลบลิ้นอย่างทะเล้น ” ข้ากำลังมองว่าครั้งนี้ มีใครได้ยินเสียงจากมุมของพวกเราหรือไม่”
ใครจะรู้หลังจากที่เธอพูดจบ โม่จื่อเฟิงก็หัวเราะขึ้นมา เขาส่ายหน้าอย่างจำใจ จากนั้นก็พนมมือแล้วตบเข้าหากัน เพียงได้ยินเสียงตบมือของเขา ในลานบ้านก็เห็นองครักษ์ เงา 10 กว่านายปรากฏขึ้น
ณ ขณะนั้น หลินซีนเยียนได้ยินเสียงหน้าแตกของตัวเอง เธอไม่มีสติไปสักพัก จนกระทั่งเหล่าองครักษ์เงาที่หน้าแดง หายไปจากสายตาของเธอ เธอถึงจะโกรธจนแยกเขี้ยวหัน หลังเดินไปหาโม่จื่อเฟิง ชี้จมูกด่าเขา ” โม่จื่อเฟิง! เจ้าบอก ไม่ใช่หรือว่าต่อไปตอนเรื่องนี้จะให้พวกเขาอยู่ออกห่าง? เจ้าผิดคำพูด!”
โม่จื่อเฟิงยักไหล่อย่างจำใจ หัวเราะอย่างหน้าเรื่อง แต่ เมื่อครู่จู่ๆ เจ้าก็เริ่มเอง ไม่ให้เวลาข้าได้ออกคำสั่ง ดัง นั้น…”
ดังนั้น นี่กำลังโทษเธอเหรอ?
หลินซีนเยียนอยากจะร้องไห้ไร้น้ำตา ทว่ากลับไร้ เรี่ยวแรงโต้กลับ เพียงหน้าแดงแล้วปืนขึ้นบนโต๊ะ ทำท่าปิด หน้าปิดตา
โม่จื่อเฟิงยื่นมือไปลูบผมของเธอ ” เอาเถอะ ก็ไม่ได้ยิน เป็นครั้งสองครั้งซะหน่อย เพิ่มมาอีกครั้งจะเป็นไรไป ”
” หลินซีนเยียนเงียบกริบ ก็แค่ขายหน้าเพิ่มไม่ใช่เห รอ? ถึงอย่างไรเธอก็ไม่มีหน้าไปพบคนแล้ว ดังนั้นก็แค่เพิ่ม มาอีกครั้งเอง แต่ว่า….ในใจยังกลับลนลานมาก!
เมื่อเธอไม่ได้ส่งเสียง โม่จื่อเฟิงก็เอาแขนของเขาแล้วดึง เธอเข้ามาในอ้อมอก “ ข้าสัญญาว่าครั้งนี้เป็นครั้งนี้สุดท้าย อีกเดี๋ยวข้าจะสั่งการพวกเขา ต่อไปหากพวกเราสัมผัส อย่างแนบชิดกันก็จะให้พวกเขารีบไปหลบซ่อนในที่ไกลๆ ไม่ต้องให้ข้าออกคำสั่งอีกครั้ง ดีหรือไม่? ”
เขาถามเธอว่า ดีหรือไม่?
เธอทำตาปริบๆ ช่วงนี้เขาถามความเห็นของตัวเองอยู่ บ่อยๆ แสดงว่ามีบางอย่างที่ไม่เหมาะสม แต่เธอก็รีบยิ้ม สยบคน พยักหน้าแล้วเอ่ย “ดี”
ทว่าตอนนั้น เธอไม่รู้ว่า เพียงหนึ่งเสียงว่า ” ดี” ต่อไปใน ภายภาคหน้ากลับเป็นการตัดสินใจผิดพลาดที่ทำให้เธอ เสียใจทีหลัง ตอนนั้น ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร คำร้องขอที่เง้า งอดอย่างนี้ กลับเกือบส่งชีวิตของเขาไปฝัง
จริงด้วย ทางนั้นได้เตรียมการเรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เจ้า ก็เข้าคลังอาวุธทางการทหารด้วยฐานะใหม่ได้เลย ทว่า ต้องแต่งกายเป็นชาย อีกเดี๋ยวเจ้าต้องจำข้อมูลฐานะของ เจ้าให้ดี หากถึงตอนนั้นแล้วห้ามเผยตัวตนออกไป ” โม่ จื่อเฟิงพลันนึกถึงเรื่องนี้ได้ อดที่จะกำชับอีกรอบไม่ได้
หลินซีนเยียนพยักหน้าอย่างว่าง่าย กำลังปืนขึ้นไปออด อ้อนเขา พลันได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากนอกเรือน เสียง นั้นเธอคุ้นเคยดีมาก เป็นแม่นมกุ้ย
พระชายารองเอกทำให้ข้านำน้ำแกงโสมมาเพิ่มพลังให้ ท่านอ่อง เจ้าถือดีอะไร กล้ามาขวางทางข้าหรือ? ” เสียงแม่ นมกุ้ยดังแปดหลอด เห็นได้ชัดว่าอยากให้คนในห้องได้ยิน
เมื่อได้เสียงของแม่นมกุ้ย หลินซึนเยียนก็นึกถึงวันนั้นที่ แม่นมกุ้ยพาเธอไปเห็นเหตุการณ์นั้นที่จวนเซียว แม้ว่าหลัง จากเรื่องนั้นแล้วก็ยืนยันว่านางก็แค่หาสาวใช้ไปหยิบผ้า หนึ่งผืนของวีจิ่งมารัดคอนาง ทว่าไม่ได้สัมผัสถึงวี่จิ่งได้ อย่างแท้จริง แต่ก็ทำให้เธอตกใจจนใจหายใจคว่ำ
” ท่านอ๋อง แม่นมกุ้ย…มีฐานะสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?” หลินซีนเยียนอดหันหน้าถามโม่จื่อเฟิงไม่ได้ แม่นมกุ้ยทำ เรื่องมากมายขนาดนั้น โม่จื่อเฟิงกลับยังไม่ให้คนลงมือกับ นาง นี่ทำให้เธออดคิดไม่ได้
โม่จื่อเฟิงก็ขมวดคิ้ว ยื่อมือไปลูบหน้าของเธอ ถึง อย่างไรนางก็เป็นคนเดียวที่อยู่ข้างกายเสด็จแม่ของข้า ดัง นั้นจึงได้เหลือนางไว้ แต่ก็เพื่อระลึกถึงเท่านั้น แต่เมื่อเทียบ กับเจ้าแล้ว นางก็ไม่ถือว่าเป็นอะไร เจ้าวางใจ เรื่องเมื่อ หลายวันก่อน ข้าจะให้เจ้าคิดบัญชี ”
หลินซีนเยียนเงียบอยู่สักพัก หลุบตาลง เพียงพยักหน้า อย่างช้าๆ
ไม่นาน โม่จื่อเฟิงก็ให้คนพาแม่นมกุ้ยที่เสียงดังเข้ามา ใน มือของแม่นมกุ้ยถือกล่องอาหาร เมื่อเห็นโม่จื่อเฟิงก็รีบเปลี่ บนเป็นใบหน้ารักและเมตตาอย่างจริงใจ นางโขกศีรษะให้ โม่จื่อเฟิงอย่างนอบน้อมหยิบน้ำแกงโสมออกมาจากให้ กล่องแล้วเอ่ย ” ท่านอ่อง ข้ากับพระชายาเอกตุ่นอยู่ในโรง ครัวอยู่หลายชั่วยาม พอตุ๋นเสร็จก็ตั้งใจรีบนำมาให้ท่าน เพคะ
โม่จื่อเฟิงขานรับเสียงหนึ่ง ดวงตาเย็นชาจ้องไปยังแม่นม กุ้ย กล่าว พอดีเลย ซีนเยียนได้รับความตื่นตระหนก อยากหาน้ำแกงโสมให้รักษา ตักน้ำแกงโสมมาให้นาง เถอะ”
มือของแม่นมกุ้ยตักน้ำแกงโสมอย่างแข็งที่อ รอยยิ้มบน ใบหน้าตึงไม่อยู่ กล่าวอย่างเข้าใจ ” ร่างกายของซีนเยียน อ่อนแอ เกรงว่าไม่อาจบำรุงด้วยน้ำแกงโสมนี้ได้ หากนาง อยากดื่ม อีกเดี่ยวข้าจะไปตุ่ยในโรงครัวมาอีกให้นาง น้ำ แกงโสมนี่ข้ากับพระชายาเอกใช้แรงใจไปมาก ให้ท่านดื่ม ดีกว่าเพคะ
คนชั้นต่ำคู่ควรกับน้ำแกงโสมที่นางตุ่ยงั้นหรือ? ใบหน้า ของแม่นมกุ้ยที่แสดงความรักและความเมตตาอยู่ แต่ความ เหยียดหยามที่อยู่ในส่วนลึกของสายตาไม่มีทางเก็บซ่อน ได้อย่างมิดชิด
ราวกับมองความคิดของนางออก หลินซีนเยียนกลอกตา ตั้งใจดึงแขนของโม่จื่อเฟิงแล้วเอ่ยวาจาเง้างอดต่อหน้า นาง “ท่านอ่อง แม่นมกุ้ยเกรงจะหวงน้ำแกงโสมเพคะ แต่ข้า อยากดื่ม เมื่อก่อนตอนที่ในเรือนหลังจากโดนแม่เลี้ยงกลั่น แกล้งมาไม่น้อย น้ำแกงโสมนี่ข้าไม่เคยได้ดื่มเลย อยากจะ รู้จริงๆว่ารสชาติจะเป็นเช่นไร” เธอกล่าวอย่างน่าสงสาร ดวงตาคู่นั้นยิ่งทำให้คนเห็นใจ เล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อยขนาดนี้ไม่ผ่านสายตาของโม่จื่อเฟิง ทว่าเขาเพียงหัวเราะอย่างเอาใจ พยักหน้าเอ่ย ” ได้ แค่เจ้า อยากดื่ม ข้าจะให้พวกนางตุ๋ยให้เจ้าดื่มทุกวัน”
หลังกล่าวจบ เขาก็หันหน้าไปกล่าวเสียงแข็งกับแม่นมกุ้ย ยังไม่ตักมาอีก?”
แม่นมกุ้ยเห็นว่าเขาโกรธ แม้ในใจจะยินยอมแต่ก็ไม่กล้า ขัดขีด เพียงตักน้ำแกงโสมแล้วเดินไปหา ทว่า ตอนที่ใกล้ มาถึงหลินซีน เยียน ในดวงตาของนางฉายแววความโหด เหี้ยม น้ำแกงโสมร้อนๆก็สาดไปที่หน้าของหลินซีนเยียน ทันที