ตอนที่ 307 คลื่นใต้น้ำ
ขณะที่หลินซินเยียนกำลังนำชายชราหลังค่อมออก จากเรือนของหัวหน้าโรงอาวุธสายตาของอินฉีกระทบลง บนร่างของนางจนกระทั่งนางจากไป อินฉีจึงหันกลับมา ถามหัวหน้าโรงอาวุธ “ช่างฝีมือผู้นั้นมาที่โรงงานอาวุธ ตั้งแต่เมื่อใด?”
“เพิ่งไม่กี่วันขอรับ แต่ท่านเสนาฯอินโปรดวางใจ ขึ้น งานของเขาที่ข้าเคยเห็นไม่เลวเลยทีเดียว แม้กระทั่งใต้ เท้าหลี่ก็ยังชมเชย” หัวหน้าโรงอาวุธเข้าใจว่าอินฉีข้องใจ ในฝีมือของหลินฟง จึงรีบอธิบาย
“หลี่หวิ่นซ่านงั้นหรือ?” อินฉีเกือบจะขมวดคิ้ว
หัวหน้าพยักศีรษะกล่าว “ใช่แล้วขอรับ เป็นเขานั่นเอง เขายังขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีแววตาเฉียบแหลม ช่างฝีมือตอนนี้ ที่สามารถทำให้เขายอมรับได้ นอกจากเซียวต้าเจียแล้วก็ มีเจ้าหนุ่มหลินฟงนี่ล่ะขอรับ”
“เป็นเช่นนี้ ดีมากทีเดียว” อินฉีซะงักครู่หนึ่งจึงถามขึ้น อีกครั้ง “หัวหน้าได้มีการตรวจสอบประวัติแหล่งที่มาของ หลินฟงหรือไม่?”
“ต้องตรวจสอบแน่นอนขอรับ โรงงานอาวุธแห่งนี้ ทุก คนที่เข้ามาล้วนต้องตรวจสอบตัวตนและบรรพบุรุษ ตัวตน ของหลินฟงผู้นั้นไม่มีอะไรผิดแปลกขอรับ อีกทั้งยังเป็น คนที่เหล่าหลิวแนะนำ เหล่าหลิวเองก็ทำงานที่โรงงาน อาวุธมาหลายปีแล้ว สุขุมรอบคอบและมีความระมัดระวัง ไม่เคยเกิดความผิดพลาด เสนาฯอินคิดว่าหลินฟงมีปัญหา หรือขอรับ?”
อินฉีกลับส่ายศีรษะ กล่าวด้วยความเรียบเฉย “ไม่ใช่ แบบนั้นหรอก เพียงแค่รู้สึกว่าเขามีบางอย่างที่คล้ายกับ คนรู้จักเก่าข้าก็เท่านั้น ช่างเถิด วันนี้มาสร้างความยุ่งยาก ให้กับหัวหน้า ข้าคงไม่รบกวนแล้ว”
“ที่ไหนกันขอรับ ท่านเสนาฯอินมาที่โรงงานอาวุธแห่ง นี้ นับว่าเป็นเกียรติแก่โรงอาวุธของพวกเราแล้วขอรับ” หลังจากที่หัวหน้าโรงงานอาวุธตอบรับอินฉีตามมารยาท จึงได้ไปส่งอินฉี
เพียงแต่ในยามที่เท้าหน้าเขาไปส่งอินฉี เท้าหลังของ เขาก็อยากจะไปหาหลื่อวิ๋นซ่าน เขาเพิ่งจะได้ยินมาว่าหล่อ วิ่งซ่านส่งทองสัมฤทธิ์หนึ่งกล่องให้กับหลินฟงใช้สอย หน้าใหญ่ใจโตเช่นนี้ ทำให้หัวหน้าอย่างเขามองด้วยความ รู้สึกอยากมีอยากได้ ทนไม่ไหวจนอยากจะไปประจบประ แจงหลื่อวิ่นซ่าน เพื่อได้รับทรัพยากรที่เพิ่มมากขึ้นจาก เขา
ภายในเมืองเฟิงซี หลายวันมานี้คึกคักเป็นพิเศษ
กล่าวกันว่ามีคณะละครมาจากประเทศเป่ยหมิง ร้อง เล่นเต้นแสดงได้ดี เหล่าขุนนางเชื้อพระวงศ์จึงเชื้อเชิญ คณะละครมาทำการร้องละครที่จวนกันอย่างล้นหลาม
และแม้แต่จวนอู่เซวียนอ่องก็ไม่มีเว้น ถึงแม้โม่จื่อเฟิง จะไม่สนใจกับสิ่งเหล่านี้ แต่พระชายาเซียวฉางเยว่กลับ เตรียมคนไปส่งเทียบเชิญให้กับคณะละคร คณะละครได้ ตอบรับอย่างรวดเร็วและในเช้าวันถัดมาทั้งหมดก็ได้มาถึง จวนอู่เซวียนอ๋อง
เซียวฉางเยว่ให้คนตั้งเวทีละครขึ้นภายในเรือน เมื่อ เข้าช่วงค่ำ ตะเกียงรอบเรือนก็สว่างไสว ละครบนเวทีได้ เริ่มการแสดง
ที่ร้องละครนั้นเป็นหนุ่มน้อยคนหนึ่ง หน้าตารูปงาม ท่วงท่าการเคลื่อนไหวยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม อีกทั้งมี มาดของชายชาตรี ความสามารถในการร้องเพลงยิ่งกว่า ระดับชั้นนำ ถึงแม้จะมีคำที่แปลกใหม่ แต่ด้วยลูกคอชั้นดี นั้นยังคงทำให้ผู้คนที่ได้ฟังการแสดงขนลุกเกรียวไปกับ เสียงนั้น
นับตั้งแต่การเสียชีวิตของกุ้ยมามา ข้างกายของเซียว ฉางเยว่ก็เหลือเพียงหญิงรับใช้ไม่กี่คนที่นำมาจากสกุลฝั่ง เจ้าสาว ยามนี้ที่บรรดาหญิงรับใช้ยืนอยู่ด้านหลังของ เซียวฉางเยว่ หญิงรับใช้แต่ละคนต่างจ้องมองตรงไปยัง หนุ่มน้อยบนละครเวที
มีหญิงรับใช้ใจกล้าคนหนึ่งกล่าวขึ้น “หนุ่มน้อยคนนั้น หล่อเหลาเสียจริง ข้าดูแล้ว นอกจากท่านอ๋องเกรงว่าใครก็ ไม่อาจเทียบกับเขาได้แล้ว”
“เฮ้ อย่างไรกัน นี่เจ้าพึงใจเขางั้นหรือ? แต่น่าเสียดาย บุปผาร่วงหล่นมีใจ สายธารหลั่งไหลกลับไร้รัก เจ้าไม่เห็น หรือยามที่หนุ่มน้อยร้องละครล้วนจ้องมองมองตรงไปยัง ตำแหน่งของพระชายาน่ะ?” หญิงรับใช้อีกคนหยอกเย้า ตอบ หญิงรับใช้เหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนสนิทของเซียวฉาง เยว่ ส่วนคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวก็อยู่ไกลมากพอ ดังนั้นคน เหล่านี้จึงหยอกล้อกันเบาๆได้อย่างไม่มีความเกรงกลัว
เซียวฉางเยว่ได้ยินคนเหล่านี้สนทนากัน จึงค่อยเพ่ง ความสนใจไปที่ดวงตาของหนุ่มน้อย เมื่อพิจารณาดูให้ดี กลับพบว่าหนุ่มน้อยนั่นกำลังมองตนอย่างที่คาดจริงๆ อด ไม่ได้ที่จะเขินอายอยู่บ้าง ถึงแม้ว่านางจะเป็นสตรีที่ แต่งงานแล้ว แต่หากเข้าสู่จวนอ๋องเป็นเวลาหลายปีอ๋องอู่ เซวียนกลับไม่เคยสัมผัสนางแม้เพียงปลายนิ้ว
ถึงแม้นางจะรักใคร่อ่องอู่เซวียนอย่างจริงใจ แต่การที่ ถูกทรมานทางจิตใจมายาวนานเช่นนี้ นางค่อนข้าง เหน็ดเหนื่อยหัวใจมากแล้ว ภายในใจก็ยิ่งขุ่นเคือง หลายปี มานี้ยามที่อยู่ในห้องส่วนตัวยังไม่เคยได้มีความสุขเลย ดัง นั้นยามที่หนุ่มน้อยใช้สายตาที่ดึงดูดเช่นนี้มองมา แม้นาง จะวางท่าทีโอหังแต่ก็ยังภูมิใจอยู่เล็กๆ
เมื่อละครจบลง ใบแก้มของเซียวฉางเยว่ยังคงเปล่งสี แดงระเรื่อ หลังจากหนุ่มน้อยร้องจบก็เดินมาทำความ เคารพถึงเบื้องหน้าของเซียวฉางเยว่
“เลื่อมใสพระชายาแห่งอ๋องอู่เซวียนผู้เป็นสตรีอันดับ หนึ่งแห่งเมืองเฟิ่งชีมาเนิ่นนาน วันนี้กระหม่อมได้เข้าพบ นับเป็นความโชคดีไปชั่วชีวิต หวังว่าพระชายาจะให้ โอกาสแก่กระหม่อม ให้กระหม่อมได้แสดงไมตรีด้วยสุรา สักจอก” หลังจากที่หนุ่มน้อยลบเครื่องสำอางออกก็ยิ่งเผย ให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่เป็นต่อ
เซียวฉางเยว่ขมวดคิ้วแน่นด้วยท่าทีที่หยิ่งยโส แต่ท้าย สุดแล้วกลับยิ้มบางพลางพยักศีรษะ
ทันใดนั้นก็มีหญิงรับใช้ที่รู้งานสองคนเข้ามารินสุรา หนุ่มน้อยผู้นั้นยกจอกเหล้าคารวะเซียวฉางเยว่ คนทั้งสอง นั้นดื่มสุราลงไปลงไปตามธรรมเนียม
เพียงแต่หลังจากที่ดื่มสุราลงไป เซียวฉางเยว่รู้สึกว่า ในร่างของตนเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด ราวกับมีไฟ ไหม้ลุกลามอยู่ในท้องน้อย ต้องการที่จะปลดปล่อย ร้อน จนวิงเวียน กลับไม่รู้ว่ามีมือมาจากที่ใด
นางมิได้เห็นในยามที่สีแดงระเรื่อบนใบแก้มของนาง ค่อยๆลามไปที่ลำคอ หนุ่มน้อยนั้นเผยประกายแววตาชั่ว
ครู่
ในเรือนหลักของจวนอู่เซวียนอ๋อง โม่จื่อเฟิงกำลังอุ้ม เสี่ยวจิ่งเล่นกลองป่องแป้ง กลองป่องแป้งนั้นทางโรงงาน อาวุธได้จัดส่งมาเมื่อยามบ่าย ได้บอกว่าช่างฝีมือที่ชื่อ หลินฟงเป็นผู้ประดิษฐ์ นำส่งมาให้ก่อนหนึ่งชิ้น หลังจาก นั้นจะนำส่งของเล่นมาให้เพิ่มมากกว่านี้
“นี่เป็นของที่แม่เจ้าทำให้กับเจ้าเองเลยนะ” โม่จื่อเฟิง ถือกลองป้องแป้งส่ายไปมา เกิดเสียงดังป้องแป้ง ป๋องแป้ง เสี่ยววี่จิ่งที่ได้ยินเสียงนั้นก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน
ขณะที่พ่อลูกทั้งสองกำลังเล่นด้วยกันอย่างสนุกสนาน ก็มีองครักษ์ลับปรากฏตัวออกมาที่เบื้องหน้าของเขา ทำความเคารพพลางกล่าว “ท่านอ่อง จวนจะได้เวลาแล้ว พ่ะย่ะค่ะ”
โม่จื่อเฟิงเขย่ากลองป๋องแป้งไม่หยุด แม้กระทั่งนัยย์ ตาก็ไม่เหลือบมอง เพียงแค่กล่าวลอยๆ “วันนี้ฝ่าบาทให้ข้า จัดการกับรายงานลมพายุที่ส่งมาจากชายแดน เปิ่นหวา งมัวแต่หยอกล้อกับลูกกลับทำให้ลืมเรื่องนี้ไป ตอนนี้เป็น หวางจำต้องว่างเสียแล้ว เจ้ารีบให้หัวหน้าจินมู่ให้ไปแจ้ง บรรดาใต้เท้ามาหาเป็นหวางที่ห้องหนังสือเพื่อหารือใน ทันที”
“ฟะยะค่ะ! องครักษ์ลับรับคำสั่ง แค่ชั่วพริบตาก็หาย ไปจากเบื้องหน้าของโม่จื่อเฟิง
จนกระทั่งองครักษ์ลับจากไป โม่จื่อยังก็ยังคงเขย่ากล องป้องแป้งอยู่ในมือ ราวกับว่าทุกสิ่งไร้ความดึงดูดน่า สนใจ เพียงแต่มุมปากของเขาที่ยกขึ้นเล็กน้อยยังคงเผย ร่องรอยอารมณ์ของเขาในยามนี้ และรอยยิ้มที่มุมปากที่ เยาะเย้ยอย่างไร้ความปราณี
“ฮัดเช้ย!” เมื่อหลินซินเยียนจามออกมา จึงค่อยเดินไป ปิดบานหน้าต่าง อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญอยู่ภายในใจ ใคร กำลังนินทาลับหลังนางกันนะ ทำไมวันนี้ถึงได้จามไม่หยุด เลยเนี่ย?”
ขณะที่นางเตรียมจะล้างหน้าบ้วนปากเข้านอน ก็ได้ ยินเสียงฝีเท้าเร่งร้อนดังขึ้นมาจากข้างนอก นางยังไม่ทัน จะสงสัย เสียงเหล่าหลิวก็ดังขึ้นมาจากนอกประตู “สหาย หลิน เจ้ายังจำเซียวต้าเจียได้หรือไม่? เขากลับมาแล้วนะ!”