ตอนที่ 310 พบท่านหมอโจวอีกครั้ง
หลินซินเยียนตกลงรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ ภายในใจของนางคิดถึงเซียวฝานอยู่ตลอดเวลา การ ได้รับปากชายชราจะสามารถมาเยี่ยมเขาได้ทุกวัน สำหรับนางนั้นเป็นเรื่องที่หาไม่ได้อีกแล้ว
นางคิดว่านางคงจะฝืนทนต่อไปไม่ไหว หลังจากที่ ได้เห็นเซียวฝานเป็นเช่นนี้ นางมีความพยายามอย่าง ยิ่งที่จะพาเขาออกไปจากกรงขังแห่งนี้
แต่เมื่อยามความเกลียดชังถึงที่สุด มนุษย์กลับ เยือกเย็น ก่อนที่ยังไม่รู้เป้าหมายของอวิ๋นเทียนสี่ การ ผลีผลามนำตัวเชียวฝ่านรังแต่จะเป็นการตีหญ้าให้งูตื่น นางสามารถนำตัวเซียวฝานหลบซ่อนได้ แต่ไม่ สามารถหลบหนีได้ตลอดชีวิต อีกทั้งนางยังต้องการให้ คนเหล่านั้นตอบแทนอย่างสาสมจึงค่อยพึงพอใจ
ดังนั้น นางจึงต้องการที่จะอดทน อนทนไปจนกว่า ที่จะมีโอกาส
ในคืนนั้นหลินซินเยียนยากที่จะข่มตาหลับ ในห้วง ความคิดนึกถึงคืนวันเก่าในสำนักศาลาความลับแห่ง สวรรค์ซ้ำไปซ้ำมา แม้กระทั่งตัวนางเองก็ยังนึกไม่ถึง เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่อยู่ศาลาความลับ แห่งสวรรค์ นางกลับจดจำได้ทุกเรื่องราวอย่างชัดเจน
นางเคยเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน ดังนั้นจึงไม่เคยได้ สัมผัสกับความรู้สึกของครอบครัว แต่ถึงแม้จะเป็น ระยะเวลาสั้นๆในศาลาความลับแห่งสวรรค์ ความ อบอุ่นของอาจารย์ที่เปรียบเสมือนบิดา ความเอาใจใส่ ของศิษย์พี่ทั้งสองที่มีต่อนาง พวกเขาทำให้นางได้รับรู้ ถึงความรู้สึกของครอบครัวอย่างที่นางไม่เคยได้รับมา ก่อน
แต่เพราะเหตุใดช่วงเวลาดีๆจึงมักจะแสนสั้นอยู่ เสมอ ยามมีก็ทำให้หวงแหนมากล้น ยามที่หายไปก็เจ็บ ปวดเหลือคณา
หลินซินเยียนเข้าใจในเหตุผลนี้ แต่ทว่าไม่ สามารถหยุดความทรมานที่กำลังสั่นไหวหัวใจดวงนี้ได้
ยามฟ้าสว่าง หลินซินเยียนพลิกกายลุกขึ้นนั่ง จากอุดตาหลับขับตานอนตลอดทั้งคืน ดวงตาของนาง จึงเหนื่อยล้าแต่ทว่าจิตใจกลับกระฉับกระเฉง เห็นได้ ชัดว่าแม้อยากจะนอนก็นอนไม่หลับ ประสบการณ์อด นอนแบบนี้ในมันยากที่จะทนได้
แต่เมื่อนางได้ยินข่าวที่น่าตกใจ นางก็ตื่นตัวใน ทันที
“เจ้าพูดว่าพระชายาอู่เซวียนคบชู้สู่ชายถูกอ่องอู่ เซวียนจับได้คาหนังคาเขางั้นหรือ?” หลินซินเยียน กำลังทานข้าวต้มอยู่ เมื่อได้ยินเหล่าหลิวนินทาขึ้นมาก็ ทนไม่ได้จนพนข้าวต้มร้อนๆออกมา เหล่าหลิวหลบ ไม่ทัน ถูกรดเต็มใบหน้า
“ข้าจะบอกให้นะสหายหลิน เจ้าตกใจก็ตกใจไปสิ จะมาพ่นข้าวต้มใส่หน้าข้าทำไม? ข้าเพิ่งจะล้างมาหน้า มานะ” เหล่าหลิวกล่าวขณะที่ยกแขนเสื้อเช็ดคราบบน ใบหน้าของเขา
หลินชินเยียนหัวเราะอย่างอายๆ พลางกล่าว ขอโทษ “ข้าตกใจมากเกินไปจริงๆ ขอโทษเจ้าด้วย แล้วที่เจ้าเพิ่งจะกล่าวเมื่อสักครู่นี้เป็นเรื่องจริงหรือ?”
“เรื่องแบบนี้ใครจะกล้าพูดมั่วชั่ว? นั่นคืออ่องอู่เซ วียน บุรุษผู้แข็งแกร่งในดวงใจของข้าเหล่าหลิว ถ้า หากใครกล้าใส่ร้ายเขา ข้าเป็นคนแรกที่จะไม่เห็นด้วย แต่ว่า ก็คิดไม่ถึงจริงๆนะเซียวฉางเยว่จะอย่างไรก็ กล่าวได้ว่ายังพอมีชื่อเสียง เจ้าว่าทำไมจึงได้กระทำ เรื่องเสื่อมเสียประเพณีและศีลธรรมเช่นนี้ออกมาได้ กันนะ?” เหล่าหลิวส่ายศีรษะถอนหายใจ ด้วยใบหน้าที่ ไม่อยากจะเชื่อ
อย่าว่าแต่เขาไม่เชื่อเลย หลินซินเยียนเองก็ยังไม่ เชื่อ ถึงแม้เชียวฉางเยว่จะไม่ใช่คนที่นิสัยดี แต่ทว่า หัวใจสำหรับโม่จื่อเฟิงนั้นยังคงเป็นของจริง ปล่อย บุรุษชั้นสูงอย่างโม่จื่อเฟิงที่อยู่ตรงหน้า แล้วนางหันไป คบชู้สู่ชายเนี่ยนะ? อย่างไรหลินซินเยียนก็ไม่เชื่อ อย่างแน่นอน
โดยเฉพาะถ้าหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจริง โม่ จื่อเฟิงจะทำให้ข่าวนี้ร่ำลือกันทุกตรอกซอกซอยงั้น หรือ? ด้วยความสามารถของเขาเกรงว่าคงจะกลบมิด ไปนานแล้ว แต่ทว่าตอนนี้ขนาดสถานที่ลี้ลับอย่าง โรงงานอาวุธยังได้ยินข่าวลือ สถานการณ์ภายในเมือง เพิ่งชีตอนนี้ก็ย่อมรู้กันทั่วแล้ว
ข่าวสามารถแพร่มาถึงสถานที่แห่งนี้ ในเบื้องหลัง หากไม่มีการรู้เห็นเป็นใจจากโม่จื่อเฟิงก็ไม่อาจเป็นไป ได้โดยสิ้นเชิง
“เจ้าอย่าได้ไม่เชื่อ ข้าได้ยินมาว่า อ๋องอู่เซวียน และใต้เท้าอีกหลายคนพบเห็นพร้อมกัน กล่าวได้ว่า เป็นเรื่องบังเอิญ บรรดาใต้เท้าและอ่องอู่เซวียนปรึกษา หารืออยู่ในห้องหนังสือ หนึ่งในบรรดาใต้เท้าบังเอิญไป ห้องสุขา ใครจะรู้ว่าห้องสุขาเรือนหลักของอ่องอู่เซวีย นบังเอิญกำลังซ่อมแซม ดังนั้นบ่าวรับใช้จึงพาเขาไป ยังเรือนด้านข้าง ใครจะไปรู้ว่าจะบังเอิญเห็นนกเป็ด น้ำป่าคู่หนึ่งกำลังเสพสุขอยู่ที่ด้านหลังภูเขาจำลองที่ อยู่ข้างในเรือน”
เหล่าหลิวกล่าวอย่างสมจริงสมจังราวกับเห็นด้วย ตาตนเองก็มีปาน โดยเฉพาะใบหน้าที่โกรธเคืองนั่น
ในสังคมนี้ บุรุษสามภรรยาสื่อนุฯหยอกเย้าสตรี หอนางโลมล้วนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ แม้ว่าจะแอบมี ความสัมพันธ์กับสตรีที่แต่งงานแล้ว ยังอาจถูกมองว่า เป็นเรื่องดี แต่กับสตรีนั้นแตกต่างกัน เมื่อชื่อเสียงแปด เปื้อนมลทินใดๆ ก็จะถูกตราหน้าในโทษฐานที่เป็น หญิงโสเภณี
“แล้วเรื่องนี้จะทำอย่างไร?” หลินซินเยียนหยิบ หมั่นโถวหนึ่งลูกจากบนโต๊ะขึ้นมาเคี้ยว นอกเหนือจาก ความตกใจแล้วก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่ ถึงแม้ว่า พระเอกในข่าวนั้นจะเป็นสามีของนางก็ตาม
เหล่าหลิวตบโต๊ะด้วยความโกรธ สะเทือนจนทั้ง
ตะเกียบและชามข้าวสั่นไหว “จะอย่างไรได้เล่า แน่นอนว่าสตรีแบบนี้จะต้องรีบหย่าภรรยาและส่งกลับ ไปยังบ้านฝั่งเจ้าสาวให้อบรมสั่งสอน!”
“หย่าภรรยา…” หลินซินเยียนกระซิบเบาๆ ภายใน ใจมีความรู้สึกไม่กล้าที่จะเชื่อ ว่าโม่จื่อเฟิงจะลงมือกับ เซียวฉางเยวในที่สุด
ใครจะรู้ว่าเหล่าหลิวกลับถอนหายใจพลางกล่าว ว่า “จะว่าไป อย่างไรก็ยังคงเป็นพระชายาอู่เซวียนที่ฝ่า บาททรงพระราชทาน ใช่ว่าพูดว่าต้องการจะหย่าก็ได้ หย่า ตอนนี้เดาว่าบรรดาคนใหญ่คนโตในวังหลวงจะ จัดการเรื่องนี้อย่างไร คงขึ้นอยู่กับพระราชวิจารณ์ของ ฝ่าบาท”
หลินซินเยี่ยนพยักศีรษะเห็นด้วย การแต่งงานของ ราชวงศ์ไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ด้วยตนเอง ไม่เช่นนั้นโม่ จื่อเฟิงก็คงไม่ได้แต่งงานกับสตรีที่ชื่นชอบ
เมื่อทั้งสองทานมื้อเช้าเสร็จก็ไปที่ห้องของชาย ชราที่อินฉีพามา ชายชราเองก็เพิ่งทานเมื่อเช้าเสร็จ พอดี ขณะที่กำลังเก็บของ ถึงแม้ว่าใบหน้าจะถูก ทำลายและก็ไม่สามารถพูดได้ แต่ยามที่เห็นหลินซิน เยียนและเหล่าหลิว ชายชรายังประสานมือทำความ
เคารพด้วยความสุภาพ
เหล่าหลิวกระซิบกับหลินซินเยียน “ตาเฒ่าคนนี้ก็ เป็นผู้ที่วางตัวได้เยือกเย็นสุขุมดีนะ นึกไม่ถึงว่าใบหน้า ถูกไฟคลอกจนกลายเป็นไป ช่างน่าสงสารเสียจริง”
หลินชินเยียนเพียงแค่ยิ้มบางกลับไม่ตอบรับคำ สนทนาของเหล่าหลิว นางจ้องดวงตาของชายชรา ความคิดลอยขึ้นมาชั่วคราว ยามที่ชายชราโบกมือนาง จึงได้รู้สึกตัว
“ท่านผู้เฒ่าเขียนได้นี่ ในเมื่อท่านไม่สามารถพูด คุยได้ข้าคิดว่าพวกเราต้องสื่อสารการด้วยการเขียน” หลินซินเยียนถาม
ชายชราลังเลอยู่ชั่วครู่ เมื่อพยักหน้า จึงได้รับสี่สิ่ง ล้ำค่าในห้องหนังสือทั้งสี่มา (พู่กัน หมึกจีน กระดาษ จานฝนหมึกจีน)
“ข้าชื่อหลินฟง ส่วนเขาชื่อเหล่าหลิว ขอเรียนถาม แซ่ของท่านผู้เฒ่า?” ขณะเขาหยิบพู่กันขึ้นมา หลินซิน เยียนจึงเอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม
ชายชราหยิบพู่กันขึ้นมาพลันซะงัก แต่ท้ายสุด แล้วก็ได้เขียนลงเพียงแค่ตัวอักษรคำว่า “โจว” บน่ กระดาษแผ่นขาว
เหล่าหลิวชะโงกเข้ามาดู ถามด้วยความฉงน “ท่าน….โจว?”
ชายชราพยักศีรษะรับ
“ที่แท้ก็เป็นท่านโจวนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ” ขณะที่หลินซินเยียนกล่าว ภายในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึก อยู่ลักๆ ก่อนที่จะได้รับงานนี้ นางก็คาดเดาได้ถึงตัวตน ของชายชราแล้ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่ายามที่ชายชรา ยอมรับด้วยตนเอง อารมณ์ของนางสงบกว่าที่คาด การณ์ไว้มาก
ท่านหมอโจวยังไม่ตาย เกรงว่าอินฉีคงจะพยายาม อยู่ไม่น้อย นางทราบดีว่าท่านหมอโจวลึกๆแล้วก็มิใช่ คนเลวร้ายอะไร เพียงแค่จุดยืนนั้นแตกต่างกัน ดังนั้น ท้ายสุดแล้วยังมีบางคนที่ไม่อาจเป็นมิตรสหายกันได้ ชั่วชีวิต