ตอนที่359พบโม่จื่อเฟิง
ใช่แล้วเขาคือศิษย์พี่ของนางไงคนที่นางเลือกให้เป็น ญาติแท้ๆจะมีเกิดความรู้สึกดีๆแบบนี้ได้อย่างไรหละ
หลินซีนเยียนตกใจจริงๆนางเกรงใจเซียวฝานและอู่ เฮาแต่ทว่านางสามารถแยกแยะออกได้ว่านางรู้สึกกับพวก เขาก็แค่ความรู้สึกแบบญาติพี่น้องหาใช่แบบคนรักไม่
แต่ทว่านางนึกไม่ถึงว่าเซียวผ่านก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่ ผู้หญิงคนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อเขา เขารับรู้ได้ ซาบซึ้งใจ และเมื่อเขาจริงใจกับนางแล้ว เขาก็จะกลับไปรู้สึกบริสุทธิ์ ใจแบบเดิมไม่ได้แล้ว
จะโทษเขาได้หรือ
หลินซีนเยียนไม่สามารถโทษเขาได้บนโลกนี้ไม่มี นักบุญดังนั้นเขามีความรู้สึกแบบนั้นก็มีบาปเพียงแต่ทำไม ต้องเป็นนางด้วยนะ
“เวลานั้นเจ้าดูแลข้าทำให้ข้าละอายยิ่งนักทำให้ข้ารู้สึก โชคดียิ่งนักเจ้าก็รู้ว่าข้ากับฮู่เฮาคือเด็กกำพร้าตั้งแต่จำ ความได้พวกเราก็อาศัยอยู่ในศาลาความลับแห่งสวรรค์ ตั้งแต่เล็กจนโตในความทรงจำของพวกเราสิ่งที่งดงามที่สุด คือหยุนเทียนซิงข้ากับอู่เฮาเคยพูดเล่นๆว่าหากวันใดได้มี ภรรยาจะต้องหาผู้หญิงที่งดงามเหมือนหยุนเทียนซิงแต่ว่า เจ้าปรากฏตัวแล้วเจ้างดงามยิ่งกว่าหยุนเทียนซิงแต่ว่าต่อให้ งดงามสักเท่าไรเจ้าก็ยังเป็นศิษย์น้องของพวกข้าพวกข้า และท่านอาจารย์ก็อยากจะดูแลเจ้า แต่น่าเสียดายกาลเวลา เปลี่ยนแปลงคนทำให้พวกข้าไม่อาจแม้แต่จะดูแลและเอ็นดู เจ้า” เซียวผ่านเหมือนกำลังอธิบายเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเขา เองนํ้าเสียงเรียบความโศกเศร้าในดวงตาของเขาเปิดเผย ความคิดของเขา นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าคือผู้หญิงของอ๋องอู่ เสวียนต่อหน้าผู้ชายคนนั้นผู้ชายคนอื่นกลับไม่จําเป็นเลย ตอนที่เขาอยู่ข้างๆเจ้าเจ้าจะรู้จักกับชายคนอื่นได้อย่างไร หละ”
“ศิษย์ “หลินซีนเยียนกลืนน้ำลายจริงๆมีเรื่องที่อยาก จะพูดมากมายแต่พอจะพูดออกมากลับพูดออกมาไม่ได้ แม้แต่น้อย
เซียวฝานพยักหน้าอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาลูบหัวของ นาง”ศิษย์น้องข้าแค่อยากได้เวลาแค่สามเดือนเท่านั้นใน เมื่อชีวิตให้ข้าอยู่ต่อได้แค่สามเดือนงั้นข้าก็อยากเห็นแก่ตัว สักครั้งแค่สามเดือนเจ้าสามารถอยู่เขียงข้างข้าต่อไปได้ หรือไม่?”
“ศิษย์พี่ท่านพูดอะไรน่ะตอนแรกข้าจะพาท่านกลับ เมืองเฟิงซี”หลินซีนเยียนทำเป็นไม่เข้าใจที่เขาพูด
ดวงตาของเซียวฝานสลัวเขาเงียบไปสักพักในที่สุดก็ พูดว่า “ศิษย์น้องเจ้าก็รู้ที่ข้าพูดคือพวกเราหนีไปที่ที่ไม่มีคน รู้จักพวกเราแล้วเจ้าก็เป็นภรรยาของข้าเถอะแล้วเส้นทาง ต่อจากนี้ก็เดินเคียงข้างข้าเถิด”
คำพูดนี้ในเวลาที่เขาพูดออกมานั้นเขารู้สึกได้ว่าตัวเอง ไร้ยางอายเขารู้แม้ว่าคำพูดที่เขาได้พูดออกไปจะทำให้ ความพยายามของเขากลายเป็นแค่ฟองอากาศหากจะสร้าง ความทรงจําดีๆนั้นเป็นไปได้ยากแต่หากจะทําลายมันก็ง่าย เช่นกัน
แต่ทว่าแม้ตอนนี้เขาก็อยากจะลองสักครั้งแค่ลองสัก ครั้งโชคชะตาอาจจะให้เขาได้พบกับความสุขเพียงสั้นๆ เท่านั้น
หลินซีนเยียนก้มหน้าสายตานางมองไปที่ปลาย รองเท้า เพราะว่าตลอดเส้นทางที่วิ่งผ่านมานั้นทำให้รองเท้า ของนางเต็มไปด้วยฝุ่นแต่นางก็ทำได้แค่มอง
ศิษย์พี่”นางพูดเสียงสั้นๆของนางออกมาพร้อมกับ เสียงร้องไห้เบาๆ“ขอโทษข้าไม่สามารถตอบตกลงท่านได้”
นางไม่สามารถรับปากเขาได้เซียวผ่านไม่ผิดแต่โม่ จื่อเฟิงช่างบริสุทธิ์อะไรอย่างนี้ผู้ชายที่นางรักนางจะไม่ ทำให้ผู้ชายอีกคนต้องเจ็บปวดนี้คือความรู้สึกลึกๆของคน
เซียวผ่านถอนหายใจพักใหญ่เขาลุกขึ้นลูบไปที่หัวของ นาง“เอาหละเอาหละเจ้าเป็นผู้หญิงที่ทำให้ข้ารู้สึกแบบนี้สิ ค่อยจะทำให้คนชอบเจ้ายิ่งขึ้น”
ทหารทุกนายกินข้าวเกือบหมดทุกคนแล้วเซียวฝาน เองก็ไม่พูดอะไรมากมายรีบขึ้นไปที่ม้าของเข้าแสงอาทิตย์ สาดไปที่หลังของเขาเล็กน้อย
เซียวฝานและหลินซีนเยียนกลับไม่มีท่าทางชู้สาว อะไรออกมาเหมือนการพักเมื่อสักครู่ก็คือฉากฉากหนึ่ง เพียงแต่กลับเป็นสองคนที่รับรู้แค่นั้นเอง
ตอนกลางวันเข้ามาเยือนในที่สุดพวกเขาก็พบกับเมือง ที่อยู่ด้านหน้าแสงอาทิตย์ตอนกลางวันกำแพงเมืองมีรอย ด่างแต่กลับมองเห็นร่องรอยของสงครามอย่างชัดเจน
นี้คือเมืองชายแดนไม่เหมือนเมืองเฟิงซีที่ให้ความรู้สึก หรูหราโอ้อวด แต่ที่นี่กลับทำให้คนรู้สึกถึงอยู่กลางทะเล ทรายอย่างแท้จริงคุณสมบัติทั้งห้าที่ทำให้เมืองงดงามนั้น คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้จิตใจของคนสงบลง
หลินซีนเยียนกำบังเหียนไว้แน่นแล้วเงยหน้าขึ้นในระ ยะไกลๆนั้นก็สามารถมองเห็นคนที่ยืนอยู่บนกำแพงคอยได้ ทั้งตัวของเขาส่วมใส่เสื้อผ้าสีดำเหมือนเทพเจ้าแห่งสงคราม เพียงแค่ดวงตาของเขาก็สามารถทำให้ศัตรูแตกหักได้
“จื่อเฟิง”ใจของหลินซีนเยียนอดใจไม่ได้ที่จะยกมือขึ้น แล้วโบกมือไปมา
นางร้องเรียกเสียงดัง“จื่อเฟิงจื่อเฟิง”
แม้ทระทั้งนางเองก็นึกไม่ถึงว่าจะรู้สึกคิดถึงเขาได้มาก ขนาดนี้พอเห็นขอปรากฏตัวทั้งตัวของนางก็เหมือนเต็มไป ด้วยเลือดของนก
บนกำแพงเมืองโม่จื่อเฟิงก็โบกมือเข่นกันสายตาเขา ถอดไกลสายตาของเขาทำให้คนตกใจกลัวในขณะที่รา หลินซีนเยียนปรากฏตัวนั้นเขาก็มองเห็นแล้วเขายิ้มที่มุม ปากเล็กน้อยหลินซีนเยียนดูตื่นเต้น
“ท่านอ๋องพระชายากำลังร้องเรียกท่านอยู่”จินมู่ยืนยิ้ม อยู่ข้างๆเขา“ดูเหมือนพระชายาจะดีใจจนบินมาแล้วท่าน ออกไปตอนรับนางตรงประตูกันเถอะ”
“ข้ามารอต้อนรับนางหรือ?”โม่จื่อเฟิงมองจินมู่อย่างติๆ พักหนึ่ง“ข้าแค่มาเยี่ยมเยือนชาวเมืองต่างหาก”
ใช่ใช่ใช่ ท่านพูดอย่างไรก็อย่างนั้นต้นปียันปลายปี ท่านก็หาได้มาเยี่ยมเยือนนี้แค่พระชายาพึ่งจะมาถึงเจ้าก็จะ ไปเอาหน้าแล้วจินมู่ยิ้มแบบโง่ๆแต่ก็ไม่ใช่ว่านี้จะดูไม่ออก
“ใช่ฝ่าบาทก็แค่ถือโอกาสมาเยี่ยมพระชายาแค่นั้น เอง”ใบหน้าของจินมู่กลับไม่ได้ละลายความยิ่งทะนงของโม่ จื่อเฟิง
โม่จื่อเฟิงเองก็ไม่ได้สนใจวิธีของจินมู่แต่กลับแกล้งทำ เป็นไม่สนใจ“ช่างเป็นผู้หญิงที่โง่เสียจริงไกลขนาดนั้นก็ยัง ตะโกนเรียกอีกไกลขนาดนั้นใครจะไปได้ยินนางพูด” ท่านอ๋องจากพลังของท่านก็ไม่ใช่ว่าสามารถฟังได้
หรอกหรอ”จินมู่พูดกระซิบเบาๆ
โม่จื่อเฟิงกระแอมนิดหนึ่งทำให้จินจู่ไม่กล้าพูดอีกเพียง แต่ใบหน้าของจินมู่กลับมีเสียงหัวเราะขำเบาๆ
เพียงแค่ในตอนที่จินมู่หัวเราะและยังไม่เก็บอารมณ์อยู่ นั้นทัรใดนั้นก้รู้สึกถึงร่างกายกลับมีบรรยากาศร้ายๆเขารีบ เงยหน้าขึ้นก็มองเห็นโม่จื่อเฟิงลงไปด้านล่างกำแพงแล้วแค่ พริบตาร่างกายของโม่จื่อเฟิงก็หายไปอยู่ด้านล่างของ กําแพงเมือง
จินมู่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้ยินโม่จื่อเฟิง ตะโกนดังขึ้นว่า”ระวัง!”