ตอนที่419จิตใจต่อสู้ดิ้นรน
อินฉีเงียบไปเขารู้แน่นอนว่าหลิน ซีนเยียนใช่แผนคนงามกับตัวเองแต่ ว่า….เมื่อมองแววตาเว้าวอนของหลิน ซีนเยียนดวงตาคู่นั้นยังมีประกายอีก ด้วยสุดท้ายเขาก็พูดปฏิเสธไม่ออก
เขาปฏิเสธไม่ได้แต่กลับตอบ ตกลงอย่างไร้หนทางเขามาแคว้น หมันครั้งนี้แค่เพราะจะมาติดต่อกับ หลินชิงเฟิงเท่านั้นเองเป็นเพราะมา เกี่ยวพันกับหลินซีนเยียนเขาตามมา ถึงเมืองหลวงแคว้นหมันก็ไม่เหมาะ ควรสถานะของเขาโจว่เฉิงก็รู้เข้าแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้สำหรับเขามันเป็นความ ผิดพลาดใหญ่หลวง ทว่าเพื่อนางแล้วเขายอมทำผิด อีกครั้งเขายอมทำเสียสละมากเพื่อ นางแต่ไม่รวมถึงสิ่งที่ต้องแบกรับทุก อย่างในอนาคตของตัวเองเขาเดิน ทางมาสองคนยังต้องออกจากแคว้น หมันไปให้ได้โดยไม่ให้มีข่าวคราวถ้า ช่วยผู้หญิงพวกนั้นเขาคงออกจาก แคว้นหมันยากแล้ว
ฉะนั้นอินฉีแค่ริมฝีปากสั่นเทาแต่ สุดท้ายไม่พูดตกลงออกมา
“ช่างเถอะที่จริงไม่ควรหวังกับคน อย่างเจ้าอยู่แล้ว”หลินซีนเยียนหยุด ทำสายตาเว้าวอนไม่มองอินฉีอีก
ในรถม้ากลับเข้าสู่ความเงียบ แปลกๆอีกครั้ง แม้อี้เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาแล้วแต่ยัง อ่อนแอมากเหมือนเดิมหลับๆตื่นๆไม่ ได้ร่วมสนทนาครั้งนี้กับทั้งสองคน
นางคลุมผ้าห่อมให้อี้เซิงทันใด นั้นได้ยินเสียงร้องแว่วๆนอกรถม้า เสียงร้องนั้นไกลมากเหมือนดังออก มาจากทางบ้านพัก
นางตกใจหน้าถอดสีรีบเปิด หน้าต่างรถม้าออกไปดูทางด้านหลัง อีกครั้ง
มองไปนางก็ตกใจจนพูดไม่ออก ระยะไกลตำหนักไท่เฟยควันฟุ้งแสง เปลวไฟทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าเสียงร้อง แว่วดังมาจากกองเพลิง
“นี่……นี่มันเกิดขึ้นได้ยัง ไง…. “หลินซีนเยียนหน้าซีดเผือดคน ทั้งหมดอ่อนล้าจนไร้เรี่ยวแรงนางหัน ขวับไปมองทางอินฉี“พวกเจ้ารึ?พวก เจ้าเป็นคนทำ!”
นางถามกัดฟันกรอดสีหน้า เปลี่ยนไปทันทีเพราะความโกรธแค้น ตลอดที่ผ่านมานางรู้ว่าหัวใจคน ตำแหน่งสูงอย่างพวกเขาทำจากเหล็ก จากหินแต่นางรับไม่ได้ที่ใช้วิธีกำจัด คนไม่มีความผิดพวกนั้นอย่างกับใบไม้ ใบหญ้าเช่นนี้ใช่ว่านางไม่เคยเห็น ความโหดเหี้ยมของพวกเขาแต่ทุก ครั้งที่ได้เห็นชีวิตถูกกำจัดไปอย่างไร้ ค่าเช่นนี้นางอดคำรามไม่ได้เกลียดชัง เหมือนทุกครั้ง!
“ไม่ใช่ข้า”อินฉีหวาดกลัวท่าทาง นางรีบอธิบาย“น่าจะเป็นคนของโจว่ เฉิงที่เป็นคนทำสถานะของอี้เซิงก็ แพร่งพรายไปด้านนอกไม่ได้มีเพียง ปากคนตายเท่านั้นถึงจะปิดเงียบได้ มากที่สุดฉะนั้นเขาถึง……..
“เพื่อจะรักษาข่าวเรื่องหนึ่งต้อง เผาคนทั้งเป็นมากมายขนาดนั้นเชียว ?”หลินซีนเยียนรับเหตุผลนี้ไม่ได้
อินฉีไม่เอ่ยปากพูดแค่มองสีหน้า หลินซีนเยียนเท่านั้นให้ใจเขาอึดอัด ไม่สบายใจ
“หยุดรถ!หยุดรถ!ข้าจะกลับไป ช่วยคน!”นางรู้กับคนฐานะตำแหน่งสูง อย่างอินฉีพวกเขาไม่มีทางที่ความคิด จะตรงกันได้สำหรับเขาเป็นเรื่องปกติ สำหรับนางเป็นเรื่องที่ไม่มีทางรับได้ อย่างเด็ดขาดนางร้องตะโกนจะดึง ประตูรถม้าคว้าแขนคนขับรถม้าไว้
นี่เป็นรถม้าวิ่งพุ่งหน้าเร็วคนขับ นั่นเป็นคนคุมไม่กล้าสะเพร่าคนขับ ตกใจกับที่หลินซีนเยียนทำเขาคว้าดึง เชือกไว้ไม่ทันรถม้าสั่นโคลงถ้าไม่ใช่ เพราะควบคุมไม่ทันเวลารถม้าเกือบจะ หมุนกลับไปแล้ว
อินฉีรีบดึงนางกลับมาพลิกฝ่ามือ ปิดประตูรถม้า “เจ้าไปช่วยพวกนางไม่ ได้ดอก!”
อี้เซิงตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาง ถลึงตามองนางท่าทางวิ่งเต้นเช่นนี้ เขาจึงหยุดง่วงทันทีตื่นตัวถาม“พี่สาว เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
หลินซีนเยียนโกรธเอามืออินฉีที่ จับตัวเองมากัดจนเลือดไหลออกมา จากปากนางถึงจะพูด“ช่วยได้ไม่ได้ก็ อีกเรื่องหนึ่งจะไปหรือไม่ไปช่วยมันก็ อีกเรื่องหนึ่ง!”
เลือดสดเปื้อนบนปากแดงของ นางทำให้หน้านางยิ่งมีเสน่ห์เย้ายวน มากขึ้นในตาประกายของนางเต็มไป ด้วยความเหยียดหยามอย่างรุนแรง ความเหยียดหยามทำให้หัวใจอินฉือด เจ็บปวดขึ้นมาไม่ได้
“ช่วยไม่ได้!จะไปดูสภาพร้ายแรง ให้เป็นเงามืดติดตัวไปชั่วชีวิตของตัว เองทำไมกัน?”อินฉีตอบอย่างเย็นชา ในดวงตาหลินซีนเยียนค่อยๆแดง
ตะคอกด้วยความโกรธ“พวก เจ้า…..พวกผู้ชายที่ใช้ชีวิตด้วยอำนาจ อย่างพวกเจ้าทุกคนเป็นแบบนี้กันหมด เลยเหรอเหตุใดพวกเจ้ายิ่งยืนอยู่ที่สูง ไม่มีญาติมิตรจะทำเรื่องโหดเหี้ยมยัง ไงก็ได้?”
อินฉีกลืนน้ำลายไม่สนใจแผลบน แขนแค่ปล่อยให้เลือดสดไหลบนมือ เขากลอกตามองบน“โม่จื่อเฟิงก็เป็น คนแบบนี้แต่เจ้ากลับรักเขามิใช่หรือ? ”
โม่จื่อเฟิง……
ตอนนี้หลินซีนเยียนได้ยินคำว่า โม่จื่อเฟิงเพียงไม่กี่คำหัวใจยิ่งเจ็บ ปวดรวดร้าวใช่โม่จื่อเฟิงเป็นคน ประเภททำทุกอย่างเพื่อเป้าหมายของ ตัวเองเพียงแต่สำหรับนางเขามีบาง อย่างที่ไม่เหมือนกับคนอื่นๆจะใช่หรือ ไม่เพราะจิตใจเขาก็เป็นคนประเภทนี้ จึงทำให้สุดท้ายเขากับนางเดินไปด้วย กันไม่ได้งั้นหรือ?
คำพูดอินฉีทำให้หลินซีนเยียน เกิดสงสัยการรับรู้ก่อนหน้านี้ของตัว เองนางสีหน้าซีดเสียงร้องตะโกนนั้น ยิ่งห่างไปไกลเรื่อยๆแต่นางยิ่งรู้สึกได้ ชัดเจนราวกับอยู่ใกล้ข้างหูนางพรั่งพรู ไปทั่วทั้งโลกแห่งความรู้สึกของนาง
หลินซีนเยียนรำพึงรำพันคล้าย เสียสติราวกับเข้าสู่โลกของตัวเองสัก พักก็ร้องไห้ขาดสติสักพักก็หัวเราะสติ วิปลาสบางครั้งระหว่างรำพึงรำพันคำ สองคำยังแผดตะโกนร้องหาคนแทรก มาด้วย
ในดวงตานางพร่ามัวทำให้สีหน้า อี้เซิงที่มองอยู่ข้างๆเขารีบดึงแขนนาง ตะโกนพี่สาว!พี่สาว!หยุดคิดฟุ้งซ่านนะ แม้โม่จื่อเฟิงไม่ใช่คนดีแต่เขาไม่เคย ฆ่าสังหารล้างบางอย่างนี้ว่าไหม?เจ้า คิดดีๆเขาฆ่าคนถ้าไม่ใช่พวกยุแหย่เขา ก็ฆ่าในสงครามเขาเป็นผู้มีอำนาจแต่ เป็นผู้มีอำนาจที่เปิดเผยบริสุทธิ์ใจแต่ ไหนแต่ไรมาเขารังเกียจการแอบทำ ลักลอบมิใช่หรือ?”
มนุษย์คนหนึ่งสิ่งที่กลัวมากที่สุด คือสูญเสียจิตใจตัวเองมีผู้ป่วยโรค ทางจิตใจมีมากมายก็เพราะมีบางเรื่อง ที่คิดไม่ออกในส่วนหัวใจลึกๆว้าวุ่นจน เกิดเป็นโรคสภาพหลินซีนเยียนนตอน นี้ก็เป็นแบบนั้นถ้านางเข้าสู่โลกเลว ร้ายที่ตัวเองจนตัวเองไม่หลุดออกมา ความคิดนางจะสับสนเป็นเรื่องที่น่า กลัวอย่างถึงที่สุด
แม้อี้เชิงจะไม่เข้าใจสาเหตุแต่เขา ก็เคยผ่านสภาพที่เคยมุ่งพยายามมาก เกินไปปฏิกิริยาเขาในตอนนั้นกับหลิน ซีนเยียนในตอนนี้คล้ายคลึงกันมาก ฉะนั้นเขาจึงกลัวว่าหลินซีนเยียนจะ เป็นอะไรไป
ความหวาดกลัวของอี้เซิงทำให้ อินฉีรับรู้ถึงปัญหาร้ายแรงเขานึกไม่ ถึงแค่พูดไปไม่คิดเท่านั้นเองนึกไม่ ถึงว่าจะจี้จุดอ่อนแอที่สุดในส่วนลึก ของจิตใจหลินซีนเยียนถ้าเกิดอะไร ขึ้นกับเธอเขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเอง
“ซีนเยียนซีนเยียน……”อินฉีเรียก ชื่อนางเบาๆมือทั้งสองข้างกดไหล่ นางไว้เขย่าอย่างแรง